นอกจากห้องจะใหญ่โตแล้วยังมีห้องพักอีกห้องแยกออกมาสำหรับให้คนเฝ้าไข้ได้นอนพักผ่อนด้วย จนพยศอดแปลกใจไม่ได้ว่านี่คือห้องที่ใช้สำหรับรักษาคนเจ็บป่วยหรือห้องพักในโรงแรมกันแน่
พอเข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้แล้ว เมฆาก็เอ่ยถามถึงความต้องการของพยศว่า
“คุณพยศจะกลับไปพักผ่อนก่อนไหม ผมกับลูกน้องจะอยู่เฝ้าไอ้ตัวแสบเอง”
“ผมอยู่เฝ้าก็ได้ครับ ผมไม่มีใครที่ต้องเป็นห้องในห้องเล็กๆ เท่ารูหนู ซึ่งจะว่าไปแล้ว ห้องพักคนไข้ใหญ่กว่าห้องที่ผมเช่าไว้เป็นสิบเท่าเลยครับ”
พยศเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ กวาดสายตามองใบหน้าหล่อๆ ของเมฆีที่ถูกพิษมือและตีนหนักๆ ของการ์ดทั้งสามจนหน้าตาบวมช้ำ
“ฟื้นขึ้นมาเมื่อไร คุณเมฆีคงได้ร้องครางกับอาการปวดระบมทั้งตัวแน่”
“ก็สมน้ำหน้ามันแล้วที่ดันเดินไปเจอตีนโดยไม่คิดพาลูกน้องไปด้วย”
เมื่อลูกชายเพียงคนเดียวปลอดภัยแล้ว เมฆาก็อดต่อว่าลูกชายตัวแสบไม่ได้ที่บังอาจขัดคำสั่งของเขา หนีจากเมืองพัทยามาเที่ยวผับในกรุงเทพฯ เพียงลำพังโดยไม่คิดพาบอดี้การ์ดมาด้วย
“เจอตีนรอบนี้เต็มๆ ถึงหกตีนด้วยกัน คุณเมฆีคงเข็ดอีกนาน”
“ฮึ! ใครว่า...”
เมฆาทำเสียงขึ้นจมูก ดวงตาไหววาบขณะจ้องมองลูกชายที่ยังหลับอยู่บนเตียงคนไข้ ก่อนจะเอ่ยบอกอย่างรู้เท่าทันนิสัยของลูก ซึ่งแน่นอนว่านิสัยเหล่านี้ถอดแบบมาจากเขาทั้งหมด
“รอให้ฟื้นก่อนเถอะ สิ่งแรกที่คุณพยศจะได้ยินคือไอ้แสบคนนี้จะชวนคุณไปถล่มผับอีกรอบ”
“อืม...ถ้ายังงั้นผมต้องนอนพักเอาแรงเพื่อไปช่วยคุณเมฆีถล่มผับให้เละกันไปข้าง”
พยศหัวเราะร่วนผสมโรงกับเสียงของเมฆา และก็ได้ยินเสียงครางเพราะความเจ็บปวดเล็กลอดออกมาจากคนเจ็บ เมื่อเริ่มฟื้นได้สติแล้ว
“โอ๊ยยย...ใครเอาค้อนมาทุบหัวผม เจ็บชะมัด! ขอพารากินสักกระปุกได้ไหมครับคุณพ่อ”
เมฆีร้องครางขณะร้องขอติดตลกกับบิดา ไม่ลืมว่าตัวเองถูกรุมกระทืบฝากทั้งมือทั้งตีนไว้ทั่วร่างจนปวดระบมทั้งตัว
เมฆาส่ายหน้ากับคำร้องครวญของลูกชาย มือใหญ่เอื้อมไปตบเบาๆ บนใบหน้าบวมช้ำแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาไว้ไม่มีเปลี่ยน พร้อมกับเค้นเสียงต่อว่าด้วยความเป็นห่วงระคนโมโหลูกชายที่ไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งของเขาสักเท่าไร
“ดีนี่เมฆี ตื่นขึ้นมาก็ร้องหายาแก้ปวด ว่าแต่กินยาแก้ปวดหมดกระปุกแล้วแกจะทำอะไรต่อ”
“คุณพ่อก็ถามได้”
เมฆีทำเสียงขึ้นจมูก ดวงตาคมกริบแข็งกร้าวขึ้นมาในทันทีขณะบอกถึงความต้องการของตัวเอง
“ทันทีที่ผมลุกจากเตียงได้ ผมจะกลับไปจัดการการ์ดสามคนนั้นที่ทำตัวเป็นหมาหมู่เล่นงานผมแค่ฝ่ายเดียว นี่ถ้าไม่ได้คุณพยศเข้ามาช่วยไว้ผมคงได้ตายคาตีนของพวกมัน เสียดายที่คุณพยศไม่ได้ให้เบอร์โทร.ไว้ ผมเลยไม่รู้ว่าจะไปขอบคุณเขายังไงที่ช่วยชีวิตผมให้รอดจากตีน”
เมฆาอมยิ้มเหลือบสายตามองสบตากับพยศซึ่งยืนอยู่คนละด้านเตียงคนไข้ ก่อนจะเอ่ยตอบให้ลูกชายได้หันไปมองในทันที
“ถ้ายังงั้นแกควรหันไปขอบคุณคุณพยศ และก็ยอมรับให้เขาเป็นบอดี้การ์ดของแก คอยปกป้องแกเหมือนแม่ไก่ปกป้องลูกน้อยไม่ให้แกเดินไปชนตีนชาวบ้านอีก”
แม้ยังเจ็บระบมทั้งใบหน้าและทั่วทั้งตัว แต่เมฆีก็ยังหัวเราะร่วนออกมาได้กับคำเหน็บแนมของบิดา ซึ่งเขารู้ว่าบิดาพูดออกมาเพราะความเป็นห่วงทั้งสิ้น
“ขอบคุณคุณพยศมากนะครับที่ยอมเจ็บตัวมาช่วยผม”
เมฆียกมือขึ้นพนมไหว้ขอบคุณผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ยอมรับว่าถูกชะตากับชายผู้นี้มาก ซึ่งแน่นอนว่าเขาตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะสืบเสาะหาชายผู้นี้ และไปขอบคุณเขาถึงบันไดบ้านเลยทีเดียว แต่เมื่ออีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าแล้วก็ไม่ลังเลที่จะยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ
พยศยกมือรับไหว้ ก่อนจะสัพยอกกลั้วเสียงหัวเราะ “ไม่เป็นไรครับ เมื่อคืนผมก็แค่ไม่
อยากเห็นหนุ่มวัยรุ่นวัยคะนองถูกรุมกระทืบตายแบบศพไม่สวย ก็เลยเอาเท้าแหย่เข้าไปช่วยนิดหน่อย เผื่อว่าสภาพศพของคุณจะไม่เละจนพ่อแม่จำไม่ได้”
เจอคำพูดกวนๆ ของพยศเข้าให้ทำเอาคนเจ็บต้องแหงนศีรษะหัวเราะร่วนด้วยความถูกใจ ก่อนจะเอ่ยถามให้คลายความสงสัย
“คุณพยศกวนได้ใจจริงๆ ถามจริงเถอะครับ หลุดมาจากไหนเนี่ย”
“จากคุกครับ”
เป็นคำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความยิ่งนัก และพยศก็ไม่นึกเสียใจที่เอาชีวิตเข้าไปช่วยเมฆีให้รอดตาย เพราะเขาไม่ได้รับการแสดงท่าทีรังเกียจจากเมฆี นอกจากการยื่นมือมาข้างหน้าแล้วเอ่ยต้อนรับกลั้วเสียงหัวเราะ
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกอันแสนโหดร้ายอีกครั้งครับคุณพยศ”
พยศเอื้อมมือจับกับเมฆี ชอบใจพ่อลูกคู่นี้ที่ดูท่าว่าเป็นจริงในทุกเรื่อง “ขอบคุณครับ คุณเมฆี ถ้าหากคุณไม่รังเกียจที่จะให้ผมเป็นบอดี้การ์ดให้กับคุณ ผมสาบานว่าคนที่จะปะทะฉะดะกับคนที่คิดร้ายกับคุณและคุณเมฆาเป็นคนแรกก็คือผม...”
“แน่นอนครับว่าผมต้องการให้คุณพยศเป็นบอดี้การ์ดของผม เพราะลำพังไอ้หนุ่มวัยรุ่นวัยคะนองคนนี้แค่เพียงคนเดียว คงถล่มผับนั้นไม่ได้แน่”
“ถ้ายังงั้นรีบรักษาตัวให้หายดีนะครับ เราจะได้ไปออกกำลังกายด้วยกัน และถ้าคุณเมฆาไม่ว่าอะไร ผมมีศิลปะการต่อสู้ที่เรียนรู้มาจากในนั้น ผมสามารถสอนคุณเมฆีได้ทุกอย่างครับ”
“จัดเต็มที่เลยคุณพยศ สอนให้ไอ้หนุ่มปากดีได้เรียนรู้วิชาการป้องกันตัว เรียนรู้ทุกอย่างที่คุณได้มาจากคุก! เพื่อให้เมฆีกลายเป็นคนแกร่งในยามที่ไม่มีผมหรือคุณคอยระวังหลังให้”
เมฆาเอ่ยอนุญาตตามคำขอของพยศ แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดรังเกียจวิชาความรู้ในด้านมืดของโลกอีกใบที่ไม่มีใครอยากเข้าไปอยู่ในนั้น ซึ่งเขามั่นใจว่าความรู้ที่พยศจะนำมาสั่งสอนให้กับเมฆีนั้น จะช่วยให้เมฆีกลายเป็นคนแกร่งในยามที่ไม่มีบอดี้การ์ดคอยตามดูแลเขา
“ขอบคุณคุณเมฆาที่ไว้ใจให้ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณเมฆีครับ”
“เป็นการตอบแทนที่คุณยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเมฆีไม่ให้ตายแบบศพไม่สวยครับ”
เมฆาเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ พลางตบเบาๆ บนใหญ่หล่อๆ ที่ยังคงบวมช้ำเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้าย
“นอนพักรักษาตัวสัก 4-5 คืนค่อยออกไปซ่าส์อีกครั้งนะเมฆี”