บทที่1
Lost In Moscow ลวงรักจอมซาตาน เป็นภาคต่อจากเรื่อง ประมูลรักนางโลม
+++++++++++++++++++++++++
10 ปีของการถูกจองจำในสถานกักกันข้อหาฆ่าคนตาย แม้จะโดยมิได้เจตนา แต่...ชายผู้เป็นเจ้าของร่างใหญ่กำยำบึกบึนแถมยังคมเข้มราวกับนายแบบอิตาลี ก็ถูกจองจำรับโทษ รับผลจากการกระทำถึง 10 ปีเต็ม
พยศ ธีรรัตม์ ผู้ที่ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง ได้ยืนหลับตานิ่ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ในวินาทีที่เดินพ้นจากสถานที่ ที่กำจัดอิสรภาพของเขานานถึง 10 ปี
“อืม...ไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดมาจนถึงวินาทีนี้”
พยศพึมพำบอกกับตัวเองติดตลกในยามที่ได้รับอิสรภาพ ใช่! เขาไม่เคยคิดว่าการใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ใครๆ ก็เรียกว่า ‘คุก’ ซึ่งมีนักโทษเป็นพันๆ คนมารวมกัน ต่างมีนิสัยใจคอและสันดานดิบเถื่อนที่แตกต่างกัน จะทำให้เขามีชีวิตมาถึงวันนี้ได้
พยศค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร่ำไห้อยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นบรรดาพ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ที่มารับบุคคลที่ตัวเองรัก ที่ได้หลุดพ้นจากการถูกจองจำ
ทว่า...ในบรรดากลุ่มคนที่กำลังร่ำไห้ ชะเง้อคอมองรอรับคนที่ก้าวเดินออกมาจากคุกนั้น หาได้มีญาติพี่น้องของเขาสักคนไม่!
ใช่! ไอ้พยศคนนี้ไม่มีพี่น้อง ไม่มีญาติมิตร ไม่มีคนรักแม้แต่คนเดียว เพราะคนที่เขารักยิ่งกว่าชีวิตได้ตายจากเขาไปหมดแล้ว
มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบสมบัติชิ้นเดียวที่เขามี และหวงแหนที่สุดในชีวิตออกมาเพ่งสายตามองด้วยความสุข พร้อมกับพึมพำฝากสายลมไปถึงคนบนสวรรค์ว่า
“พ่อครับ แม่ครับ ผมได้ออกมาแล้ว และสาบานได้ว่าผมจะไม่กลับเข้าไปในนั้นอีก”
พยศทอดสายตาจ้องมองภาพถ่ายของบุพการีผู้ล่วงลับทั้งสองที่ถ่ายคู่กัน ซึ่งเป็นภาพเดียวที่เขามี และพกติดตัวกระทั่งเข้าไปอยู่หลังลูกกรงเหล็ก ก่อนจะได้รับอิสรภาพอีกครั้งในวันนี้
ภาพถ่ายภาพเดียวของบุพการีที่มี ทำให้เขาหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด มือใหญ่ยกภาพถ่ายของบิดามารดาขึ้นจรดปาก พลันนั้นขอบตาก็รอบผะผ่าวอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่มีโอกาสได้กอด ได้หอมแก้มพ่อแม่ ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับท่านทั้งสอง เหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาต้องสูญเสียท่านทั้งสองตั้งแต่อายุ 13 ปี ด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน และไม่สามารถเอาผิดคนที่เมาแล้วขับรถชนสองผัวเมียที่ออกหาของเก่าขายเพื่อประทัง 3 ชีวิตได้ นั่นก็เพราะว่าอำนาจเงินที่อีกฝ่ายมีมหาศาล สามารถปิดคดีได้โดยที่เขาไม่มีความผิดติดตัว
และท้ายที่สุดแล้ว ด.ช.พยศ ในวัย 13 ปี ก็ต้องออกเผชิญโลกแค่เพียงลำพัง กระทั่งเจอกับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เป็นดั่งแม่พระ คอยช่วยเหลือเขาให้หลุดพ้นจากโลกอันแสนสกปรกที่เต็มไปด้วยยาเสพติดสารพัดชนิด และเขายอมทิ้งชีวิตทั้งชีวิตเพื่อเธอ ยอมติดคุก เพื่อเธอคนนี้
พยศถอนหายใจยาว หลับตาลงชั่วขณะเพียงเพื่อกักเก็บความเจ็บปวดและอดีตไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เก็บภาพถ่ายของบุพการีทั้งสองไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะก้าวเดินออกมายังด้านนอก เพื่อขึ้นรถเมล์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่เขาเคยสาบานว่าจะไปเป็นสถานที่แรกหากได้รับอิสระภาพแล้ว
“รอผมสักครู่นะครับคุณไหม...ผมจะนำดอกไม้ที่คุณชอบไปมอบให้คุณครับ”
ร่างสูงใหญ่กำยำก้าวเท้าช้าๆ ทว่าเต็มไปด้วยความมั่นคง เข้าไปในบริเวณวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ในมือมีดอกกุหลาบขาวถืออยู่แค่เพียงดอกเดียว ก่อนจะเดินตรงไปยังท้ายวัดซึ่งเป็นบริเวณป่าช้า ที่รายเรียงเต็มไปด้วยเจดีย์บรรจุอัฐิของผู้ล่วงลับไว้ในบ้านหลังใหม่หลังนี้
พยศหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเจดีย์องค์หนึ่ง ซึ่งมีภาพของผู้ที่เป็นทั้งภรรยาและผู้มีพระคุณของเขาติดอยู่ด้านหน้าเจดีย์ มือใหญ่เอื้อมไปลูบไล้ภาพอันสวยงามที่ประดับอยู่บนเจดีย์ ก่อนจะกดจูบลงไปโดยไม่มีรังเกียจแล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ฐานเจดีย์ วางดอกกุหลาบขาวใกล้กับกระถางธูปเทียน แล้วนั่งคุย ระบายความทุกข์ และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาในระยะเวลา
10 ปี ระหว่างถูกจองจำให้ภรรยาผู้ล่วงลับได้รับรู้
2 ชั่วโมงเต็มที่พยศใช้เวลาในการพูด และระบายความทุกข์กับภาพถ่ายของภรรยาที่ติด อยู่บนเจดีย์ ก่อนจะกล่าวลากับภรรยาเมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า
“คุณไหม ผมต้องไปแล้วนะครับ ซึ่งผมยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน อยู่ที่ไหน ผมมีเงินติดตัวแค่เพียงหยิบมือ ผมจะหางานทำ จะทำงานสุจริตทุกอย่างเพื่อสร้างฐานะให้กับตัวเอง และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คุณก็ยังอยู่ในใจของผมเสมอ เมื่อมีโอกาสผมจะพยายามมาหาคุณ ผมรักคุณนะครับคุณไหม นอกจากคุณแม่แล้ว มีคุณแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากบอกว่ารักมากที่สุด แต่เสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน เพราะไอ้ชั่วคนนั้นมันพรากคุณไปจากผมตลอดกาล แต่คุณไหมอย่าได้กลัวมันอีกต่อไป เพราะผมได้ส่งมันลงนรกด้วยมือของผมแล้ว”
น้ำเสียงในตอนท้ายเย็นยะเยือก ดวงตาลุกโชนด้วยไฟโกรธในยามที่นึกถึงคนชั่วที่ถูกเขาส่งไปลงนรกด้วยมือของเขาเอง
พยศถอนหายใจลึก พยายามไม่นึกถึงคนชั่วในยามอยู่กับอัฐิของภรรยา เขาพยายามปล่อยให้ความแค้นจางหายไปพร้อมกับอดีตที่ถูกจองจำเป็นเวลา 10 ปี คนชั่วคนนั้นลงนรกแล้ว เขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มจากศูนย์ แม้ไม่มั่นใจว่าจะมีใครต้อนรับคนขี้คุกอย่างเขาหรือเปล่า แต่เขาก็พร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
“ผมต้องไปแล้วนะครับคุณไหม ผมรักคุณเสมอ...ลาก่อนครับ...”
พยศกดจูบบนภาพของภรรยาอีกครั้ง ดวงตาคมทอดมองแน่นิ่งอยู่ที่ภาพของภรรยาผู้ล่วงลับอีกนานหลายนาที ก่อนจะตัดใจเดินออกจากบริเวณป่าช้าในยามพระอาทิตย์อัสดง
เขายังไม่รู้ว่าจะไปไหน และในค่ำคืนนี้จะมีที่ซุกหัวนอนหรือเปล่า และเงินที่มีแค่เพียงหยิบมือคงไม่สามารถทำให้เขาดำรงชีวิตได้นานในเมืองใหญ่ที่ข้าวของแพงซะทุกอย่าง เขาต้องหางานทำ และงานที่เหมาะสมกับอดีตเดนตายอย่างเขาคงเป็นงานรักษาความปลอดภัยตามสถานบันเทิงต่างๆ
แน่นอนว่ามีสถานบันเทิงเป็นร้อยเป็นพันแห่งทั่วกรุงเทพฯ คงมีสักแห่งที่อาจจะรับเขาให้ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดประจำผับ!