“ลึกลับจริง สงสัยผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในประเทศ ที่ได้รับแหวนเพชรจากคุณเมฆี”
พยศเอ่ยแทรกพร้อมด้วยรอยยิ้ม เอื้อมมือหยิบกล่องไม้หรูหรามาใกล้ตัวก่อนจะค่อยๆ เปิดฝากล่องออก เมื่อดวงตามองปะทะกับสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ ก็ถึงเบิกตากว้าง มือไม้สั่นเทาขณะเอื้อมสิ่งนี้ออกมาจากกล่องไม้
“ล็อกเก็ต...คุณเมฆีเอารูปคุณพ่อคุณแม่ของผมไปทำล็อกเก็ตหรือครับ”
“ใช่แล้วครับ”
เมฆีพยักหน้ารับ ดีใจที่ตัวเองมีโอกาสสร้างความสุขให้กับพยศ เพราะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายค่อยๆ หยิบล็อกเก็ตมาถือไว้ด้วยความทะนุถนอม
“ผมเห็นคุณพยศนำรูปพ่อแม่ใส่กรอบรูปวางไว้บนหัวเตียงนอน ผมจึงถ่ายรูปพวกท่านไว้ แล้วให้ร้านเพชรที่ผมรู้จักได้ทำล็อกเก็ตภาพของท่าน ช่างประจำร้านเพชรได้ใช้เทคนิคพิเศษวาดภาพของคุณพ่อคุณแม่คุณลงบนหินอ่อนแล้วเข้ากรอบประดับเพชรให้อย่างสวยงามเหมือนที่คุณพยศเห็น”
“ขอบคุณมากครับเจ้านาย ผมไม่รู้จะพูดยังไง ผมรู้แค่ว่าอยากขอบคุณเจ้านายที่สุดที่ทำล็อกเก็ตรูปคุณพ่อคุณแม่ให้ผม”
พยศยกมือลูบภาพถ่ายของบิดามารดา ซึ่งช่างมีฝีมือจากร้านเพชรได้วาดลงบนหินอ่อนและเข้ากรอบทองล้อมเพชรเม็ดเล็กด้วยความดีใจ ทั้งเพชร ทั้งทองคำที่ใช้ทำล็อกเก็ตมีมูลค่าไม่ต่ำว่าหลักล้าน ซึ่งนั่นทำให้เขาตื่นตันใจที่เมฆีได้ใส่ใจและมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับเขา
“ผมตั้งใจจะทำเป็นล็อกเก็ตให้คุณใส่คล้องคอ แต่ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบใส่เครื่องประดับ ก็เลยทำเป็นล็อกเก็ตให้คุณพกติดตัวจะดีกว่า”
“ขอบคุณเจ้านายจริงๆ ครับ ภาพถ่ายของคุณพ่อคุณแม่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีกำลังใจในตลอดเวลาที่ต้องติดคุกถึงสิบปี”
“อืม...เสียดายที่คุณไม่มีรูปของคุณไหมขวัญ ไม่ยังงั้นผมจะเอาภาพถ่ายของเธอไปทำ
ล็อกเก็ตให้คุณด้วย” เมฆีเอ่ยยิ้มๆ ขณะมองบอดี้การ์ดยกมือลูบไล้ทั่วล็อกเก็ตไม่มีหยุด
พยศละสายตาจากล็อกเก็ตที่ถืออยู่ในมือชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธกับคำพูดของผู้เป็นเจ้านาย
“ไม่เป็นไรครับเจ้านาย ถึงไม่มีล็อกเก็ตภาพของคุณไหม แต่เธอก็อยู่ในใจของผมเสมอ”
เมฆีพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะดันกายลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับพยศที่ยังคงมองภาพถ่ายของบิดามารดาด้วยความรัก
“กลับบ้านกันเถอะคุณพยศ”
“ครับเจ้านาย”
พยศเก็บล็อกเก็ตภาพถ่ายของบิดามารดาไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง ก่อนจะคว้ากระเป๋าเอกสารมาจากโต๊ะทำงาน แล้วเดินตามเจ้านายหนุ่มซึ่งเดินออกจากห้องทำงานแล้ว
และขณะเดินตามหลังเร่งฝีเท้าให้ทันเมฆีที่กำลังเดินตรงไปยังลิฟต์ ก็อดไม่ได้ที่จะตบเบาๆ บนกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่ได้เก็บล็อกเก็ตไว้ เขานึกขอบคุณโชคชะตาในค่ำคืนวันนั้นที่ได้แหย่เท้าเข้าไปช่วยชีวิตของเมฆีให้รอดพ้นจากการถูกรุมทำร้ายจากการ์ดของผับ
ตลอดหกปีที่ผ่านมากระทั่งถึงวันนี้ เมฆีได้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยรังเกียจคนที่เป็นขี้คุกเหมือนเขา เมฆีเป็นคนจริง เป็นเจ้านายที่ดี และที่สำคัญเป็นชายหนุ่มที่บ้าดีเดือดไม่ต่างจากเขา พร้อมลุย พร้อมปะทะในทุกเรื่องโดยไม่กลัวความตายแม้นาทีเดียว
จากที่คิดว่าจะขับรถจากตึกใหญ่ใจกลางเมืองพัทยาสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งมีชายหาดส่วนตัวอยู่นอกเมืองพัทยา ก็กลับกลายว่าต้องติดแหง็กอยู่บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถรา ทั้งจากนักท่องเที่ยวและผู้คนที่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน ส่งผลให้ถนนหลายแห่งในใจกลางเมืองพัทยาติดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ
รถยนต์ที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ เพราะสภาพการจราจรที่ไม่เอื้ออำนวย สร้างความหงุดหงิดใจให้กับเมฆีที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ จนต้องถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า เพราะผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงบ้านสักที
“คุณพยศอีกนานไหม กว่าจะถึงบ้าน”
ขณะเอ่ยถาม เจ้าของน้ำเสียงทรงอำนาจ ได้เอนกายล่ำสันในชุดสูทสีดำสนิทไปกับเบาะรถยนต์หนังแท้หนานุ่ม ดวงตาคมกริบหลับลงอย่างอ่อนล้า โดยไม่ได้มองหน้าลูกน้องคนสนิทที่หันมาเอ่ยตอบตนเอง
“เอ่อ...ถ้ารถยังติดแหง็กอยู่แบบนี้ เคลื่อนตัวได้ทีละนิด ผมคิดว่าพวกเราคงถึงบ้านในอีกราวๆ หนึ่งถึงสองชั่วโมงครับเจ้านาย”
“ให้มันได้ยังงี้สิ สามทุ่มกว่าแล้ว แต่รถยังติดเป็นตังเม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย เราชักจะเบื่อพัทยาเข้าไปทุกทีแล้ว”
เมฆีถอนหายใจดังเฮือกๆ ทำเอาพยศลูกน้องคนสนิท ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งสารถี ทั้งบอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้านายหนุ่มด้วย ต้องตีหน้าเจื่อน เอ่ยตอบเสียงอึกอักอีกครั้ง เพราะเกรงว่าปัญหารถติดในเมืองพัทยา จะทำให้เจ้านายหงุดหงิดอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“ผมจะลองขับอ้อมไปเส้นทางอื่นนะครับเจ้านาย เผื่อว่ารถจะไม่ติดเท่าเส้นนี้”
“ไม่ต้องหรอกคุณพยศ คุณขับไปเส้นทางไหน รถก็ติดพอๆ กัน”
เมฆีโบกมือว่อน ขณะสั่งห้ามลูกน้อง ชายหนุ่มลืมดวงตาขึ้น ทอดสายตามองไปนอกตัวรถ พลางเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเอง
“วันนี้เราเหนื่อยกับการเจรจาธุรกิจกับมิสเตอร์อลัน ที่คุยกันไม่รู้เรื่องสักที เราแค่อยากกลับถึงบ้านเร็วๆ ไปนอนแช่น้ำอุ่นคลายเครียดก็เท่านั้นเอง”
“เจ้านายต้องการสาวๆ ไปนวดคลายเครียดด้วยไหมครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ ผมรู้ว่าเจ้านายชอบสาวๆ แบบไหน”
เห็นความเหน็ดเหนื่อยที่กระจายอยู่ทั่วใบหน้าหล่อเหลา พยศก็เอ่ยถามด้วยความหวังดีแกมเป็นห่วงเจ้านายหนุ่ม เพราะอีกฝ่ายทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่มีเวลาพักผ่อน
“ไม่!”
เมฆีปฎิเสธข้อเสนอของลูกน้อง “เราแค่ต้องการนอนแช่น้ำอุ่นๆ เท่านั้น เราไม่มีอารมณ์จะฟัดกับใครในตอนนี้”
“เจ้านายไม่ต้องทำอะไรก็ได้ครับ ให้สาวๆ พวกนั้นเป็นฝ่ายบริการเจ้านายเอง ผมมั่นใจว่าพวกเธอจะทำให้เจ้านายคลายเครียดได้อย่างแน่นอน”
เพราะหวังดีแท้ๆ พยศจึงนำเสนอไม่หยุด และนั่นก็ทำให้ผู้เป็นเจ้านายหงุดหงิดอารมณ์เสียมากกว่าเดิม จนต้องตวาดอีกฝ่ายลั่นรถ
“คุณพยศ! คุณอยากเจ็บตัวใช่ไหม ถึงไม่หยุดยัดเยียดเรื่องเซ็กให้ผมสักที”
พยศถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อถูกตวาดเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยขอโทษว่า
“เออ...ผมขอโทษครับ เจ้านาย ผมรู้ว่าเจ้านายทำงานหนักมาก วันๆ แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน ผมก็เลยอยากหาวิธีคลายเครียดให้กับเจ้านายนะครับ”