3|รอยขีดข่วนบนแผ่นหลัง

4382 Words
หลังจากกลับจากบ้านหลังนั้นที่ราชบุรี พิมพ์ลดาก็รีบจัดการกับงาน เพราะมีนัดที่จะส่งแบบให้ลูกค้าในอีกสามวันข้างหน้า ซึ่งถ้าทางลูกค้าชื่นชอบ ไม่มีอะไรให้ต้องปรับแก้ไขกันอีก ...เธอจะได้ให้คนงานของบริษัทจัดการให้เรียบร้อยต่อไป             ขณะที่กำลังทำงานอย่างคร่ำเคร่งอยู่ภายในร้านกาแฟชื่อดัง จู่ๆ ข้อความสนทนาของแอพพลิเคชั่นสุดฮิต ที่มีใบหน้าของพรรณรายกำกับด้วยก็เด้งขึ้นมา ทำให้พิมพ์ลดาต้องวางมือที่ง่วนกับการทำงานลงชั่วขณะ แล้วหยิบมือถือตรงหน้าขึ้นมากดอ่านข้อความ พร้อมกับเตรียมตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วย                                                                                          'พิมพ์ ถ้าว่างแล้วช่วยแวะมารับของที่บริษัทหน่อยนะ'              'ของอะไรคะ พี่พรรณ'                                                                  'ของฝากจากลูกค้า ที่เป็นเจ้าของบ้านที่พิมพ์ทำงานน่ะ'                   'คะ?' เธอพิมพ์ข้อความนั้นกลับอย่างงง ๆ 'ฝากมาให้พิมพ์เนี่ยนะ!'                               'จ้ะ' พรรณรายตอบกลับเท่านี้ ก่อนจะรีบถ่ายรูปของที่มีคนมาฝากให้พิมพ์ลดาผ่านทางบริษัท แล้วกดส่งให้หญิงสาวดูทันที                 พิมพ์ลดามองรูปที่พรรณรายส่งมา เป็นกระเซ้าใส่ผลไม้ชนิดหนึ่ง เธอมองแล้วก็รู้สึกหนักอึ้งมากกว่าเดิมอีก เพราะกระเซ้านั้นมีแต่องุ่นที่ถูกจัดลงอย่างเต็มไปหมด แถมมีทุกสีเสียด้วย ทั้งสีม่วง สีแดง และสีเขียว พิมพ์ลดาสงสัยปนแปลกใจว่า เจ้าของบ้านหลังนั้นทำไมถึงส่งผลไม้ชนิดนี้มาให้ จะเป็นเพราะ 'ตั้งใจ' หรือแค่...'บังเอิญ'                                             แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ แต่พิมพ์ลดาก็รีบพิมพ์ข้อความตอบพรรณรายกลับไปว่า 'ตอนบ่าย ๆ พิมพ์จะแวะเข้าไปเอาที่บริษัทค่ะ'                                 และแล้วตอนนี้ กระเซ้าที่มีแต่องุ่นเต็มไปหมดก็วางอยู่บนโต๊ะกลางห้องอาหารของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว …       พิมพ์ลดายืนกอดอกมององุ่นเหล่านี้ด้วยความกระอักกระอ่วนใจที่จะหยิบขึ้นมาชิม เพราะชื่อผลไม้ชนิดนี้ มันค่อนข้างมีความหมายกับเธอเป็นอย่างมาก...เมื่อหลายปีก่อนน่ะนะ                                                       'องุ่น นี่เป็นชื่อที่คุณพ่อ หรือคุณแม่ตั้งให้'                                       เสียงทุ้มถามพร้อมกับลากนิ้วร้อนปัดผ่านลงผิวเนียนนุ่ม พลอยทำให้กายและใจเจ้าของผิวเนียนนุ่มนี้สั่นสะท้านตามไม่น้อย พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงสั้นพลิ้วอีกว่า                                                                  'เอ่อ คะ คุณพ่อค่ะ' เธอปด...                                                        'อืม...' ครางรับอย่างชอบใจก่อนจะใช้ริมฝีปากร้อนงับเบา ๆ ลงกับติ่งหูจนกายสาวสะท้านเฮือกอีก                                                   เธอดันลำตัวแกร่งที่ทาบทับตามลงมาบนเตียง แล้วถามขึ้นหวังจะถ่วงเวลาให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ 'คุ คุณจะไม่อาบน้ำก่อนหรือคะ'                                                                                                                        เขาเหมือนจะนึกได้จึงหลุบตามองคนใต้ร่างทันที 'นั่นน่ะสิ งั้น...เราก็ไปอาบด้วยกันปะ'                                                                                 'ไม่ค่ะ! เอ่อ องุ่นอาบแล้วก่อนหน้า คุ คุณลืมไปแล้วหรือคะ'                  เขาท่าครุ่นคิดหนักท่าทางจะไม่ยอม แต่ ...                                      'นะคะ เดี๋ยวองุ่นจะรินไวน์รอ'                                                            เขาจึงพยักหน้าหล่อเหลาคมคายตามแบบฉบับดาราชายเกาหลีชื่อดังคนหนึ่งอย่างคล้อยตาม แล้วผุดลุกขึ้นยืนมองสาวสวยในชุดแขนกุดสีครีมแถมผ่าหลังตรงหน้า วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้าน สวยใสเป็นธรรมชาติในแบบที่เขาชอบชะมัด ยิ่งปลุกเร้าความต้องการอีก และถ้าได้อาบน้ำแล้วก็ยิ่งจะทำให้สบายตัวมีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิมด้วย เขาจึงจำต้องขัดใจตัวเองไปก่อน                                                                  'งั้น รอฉันแป๊บนะ...' เขาว่าพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอวดแผงอกแกร่งและต่ำลงจนถึงหน้าท้อง จนเผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอนน่ามอง พลางทอดสายตาดูคนที่ลุกจากเดียงขึ้นมานั่งอย่างสั่นน้อย ๆ ตรงหน้า ก่อนจะใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบคางเล็กได้รูปของเธอสั่นตามเบา ๆ ว่า '...อาบน้ำเสร็จแล้วจะรีบออกมาหาเธอ น้ององุ่น!'                                              บ้าจริง! คำก็องุ่น สองคำก็องุ่น หากเธอสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่ใช้ชื่อผลไม้ที่วางล่อตาล่อใจตรงหน้าตัวเองนี้อย่างเด็ดขาด ใช้ชื่อน้องปลาคาร์ฟ หรือน้องโคอาล่า อะไรที่มันกินไม่ได้ยังดีเสียกว่า! พิมพ์ลดานึกแล้ว ก็รีบหมุนตัวหนีจากผลไม้ในกระเซ้าด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วเดินตรงเข้าห้องนอนแล้วเปิดประตูเพื่ออาบน้ำ หวังให้ช่วยคลายความหงุดหงิด แล้วจากนั้น...ค่อยตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่เหลืออีกไม่มากต่อไป "ว่าไงรุต งานเรียบร้อยมั้ย?"                                                           "ครับ คุณเปลว ผมฝากของเอาไว้ แต่ไม่ได้ระบุชื่อของคุณเปลวแค่...บอกว่าเจ้าของบ้านพักต่างอากาศที่ราชบุรีฝากให้เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นครับ"                                                                                    "ดี..." เปลวตะวันรับฟังการรายงาน 'เรื่อง' ที่ตนมอบหมายให้นิรุตจัดการให้อย่างพึงพอใจผ่านมือถือ เขาสั่งอะไรกับปลายสายเล็กน้อย แล้วจึงกดวางสายไป จากนั้นจึงผุดลุกจากเก้าอี้ มองจากห้องทำงานผ่านกระจกลงไปชั้นล่าง จะเป็นโชว์รูมรถ ซึ่งด้านล่างจะมีรถยนต์หรูนำเข้าที่แต่ะละคันมีราคาแตะระดับสิบล้านขึ้นทั้งนั้นจอดเรียงรายอยู่                 แล้วให้นึกถึงเหตุการณ์จากเมื่อวานอีก เพราะพระเจ้าคงเห็นใจเขาอย่างแน่นอน ถึงได้ขีดเส้นทางให้แม่องุ่นแสนเปรี้ยวจี๊ดนั้นกลับมาพบพานกันอีก หลังจากที่เธอได้ฝากรอยสลักลึกด้วยการเผลอข่วนลงแผ่นหลังเขามาเสียหลายปี แถมแม่องุ่นนี่ยังได้ชุบตัวเป็นมัณฑนากรของบริษัทรับตกแต่งภายในชื่อดังอีกด้วย                                                          ที่บ้านต่างอากาศที่ราชบุรีในวันนั้น หลังจากที่เขาตกใจเมื่อได้เห็นว่าเป็นหญิงสาวตอนที่เธอหันมาช้า ๆ ดีที่สมาธิและสายตาของเธอจดจ่อกับงานอยู่เลย ทำให้ไม่เห็นเขาเข้า อีกทั้งเปลวตะวันรีบก้มตัวหลบ เพื่อนั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าว่า ใช่...ใช่เธอจริง ๆ ใช่มั้ย! หญิงสาวที่ทำเขาเจ็บแสบเมื่อหลายปีก่อน                                                                ครั้นย้ำกับตัวเองว่าเป็นคนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย เปลวตะวันก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องทั้งสองคนรีบออกจากบ้านพักหลังนั้นทันที เพื่อมาตั้งหลัก                                                                                   ความตื่นเต้น กระวนกระวายใจ ทำให้เขากลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผลีผลามลงไปกับเธอ เขาต้องมีแผน จึงได้กลับมาตั้งหลักก่อน แล้ววางแผนที่จะต้อนเธอไม่ให้ดิ้นหลุดมือไปไหนอีก                                      และแผนที่ว่าก็ผุดพรายอย่างเจิดจรัสขึ้นมาอยู่ในหัวสมองของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หึ หึ หึ…       หลังจากเสร็จงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิมพ์ลดาจึงปิดโน้ตบุ๊กคู่ใจลง หญิงสาวบิดตัวไปมาเล็กน้อยให้คลายความเมื่อยขบ ผุดลุกจากโต๊ะทำงานในห้องนอน เพื่อตรงไปหาอะไรรองท้อง ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะกลับมาที่คอนโดฯ เธอก็ได้แวะฝากท้องที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านทองหล่อมากับเพื่อน ๆ สมัยเรียนแล้ว                                                                         แต่ดูเหมือนว่า...อาหารญี่ปุ่นจะไม่อยู่ท้องเธอสักเท่าไหร่ ห้าทุ่มเป๊ะ ท้องเธอจึงส่งเสียงร้องโครกครากอย่างน่าอายเช่นนี้ออกมา             พิมพ์ลดาในชุดนอนตัวบางพลิ้ว เดินตรงไปยังส่วนของครัวที่มีบาร์ขนาดเล็กกั้นเอาไว้จากห้องนั่งเล่น สายตาเจ้ากรรมก็ดันหลือบเห็นกระเซ้าองุ่นนั่นเข้าอีกจนได้ ความลืมกายลืมใจมองทำเอาหญิงสาวทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ เผลอจ้องมองมันราวกับเป็นของแปลกประหลาดที่สุดในโลกที่เธอเพิ่งเจออย่างนั้นแหละ                                                                นิ้วเรียวลูบไล้ลงที่องุ่นพวงสวย ดวงตาคู่งามนั้นก็หวนนึกถึงคืนนั้น ระหว่างน้ององุ่นกับเขาเข้าอีกจนได้…  ไม่นาน... ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่คาดหลวม ๆ ตรงเอวสอบ การเปลือยส่วนบนได้อวดความอัดแน่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น อย่างคนที่เดินเข้าออกฟิตเนสเพื่อเบิร์นไขมันออกเป็นว่าเล่นเสมอ ดวงตาคมกล้าหลุบมองไวน์ที่ถูกรินใส่แก้วอย่างเรียบร้อยแล้วตรงหน้า ก่อนจะเลยมองไปยังคนที่ทำหน้าที่รินไวน์รอ...ตอนนี้เธอทำท่าเหมืนคนนั่งไม่ติดที่ แถมตั้งแต่ลำคอระหงขาวผ่องขึ้นไปจนถึงใบหน้าสวยได้รูปก็เริ่มมีสีแดงซับจาง ๆ แล้ว                                             เขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พลางทอดสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายมองเธอ แล้วก้มหยิบไวน์หนึ่งแก้วขึ้นมาละเลียดจิบไปช้า ๆ กระทั่งหมดจึงหันไปวางแก้วกลับที่เดิม ก่อนจะถามเธอว่า  ‘แล้วเธอไม่ดื่มไวน์หรือ’                                                                ‘ดะ ดื่มค่ะ’ เธอทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบไวน์อีกแก้วมา ทว่า มือข้างนั้นของหญิงสาวก็ถูกยุดไว้ หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้าของมือหนาที่ทอดสายตาลงมาพอดี พลางบอกอีกว่า                                                      ‘อย่าเลย ฉันมีให้เธอดื่ม แต่ไม่ใช่จากแก้วนั่น...’                                ‘คะ?’                                                                                         สิ้นคำถามสั้น ๆ นั้นเขาก็โน้มลำตัวลง ชิงแนบริมฝีปากที่ฉ่ำไปด้วยไวน์เลิศรสเข้ากับกลีบปากชมพูระเรื่อ กลิ่นและรสซาบซ่านนี้ไม่ได้ทำให้เธอกำลังมึนเมาอยู่หรอกใช่มั้ย แต่เป็นจังหวะบดขยี้ สลับกับความนุ่มนวลอย่างโอ้โลมนี่ต่างหาก ครั้นเธอทำท่าจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงยอมถอนถอยใบหน้าออกมาให้เธอได้ตั้งหลักพักหายใจบ้าง ถามเธอที่ยังมึนงงด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าอีกว่า   ‘เธอยังไม่เคยจริงหรือ’                                                                  เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวก็รีบพยักหน้าสำทับหลาย ๆ ทีทันที                 ‘สาวสมัยนี้เจนจัดจนบ้างครั้งก็ยากที่จะจับได้...’ เธอได้ยินเขาพึมพำออกมาเช่นนี้ แล้วถามกลับอย่างสั้น ๆ ‘ว่ามั้ย?’  ชายหนุ่มมองคนที่เริ่มหายใจสะท้าน มีทรวงงามที่ขยับยกตามกำลังการเต้นเร้าของหัวใจเพื่อเอาอากาศเข้าตัวให้มาก ๆ เขามองการขยับยกขึ้นลงตรงหน้า พลางลอบยิ้ม ขนาดของมันแม้ยังไม่ได้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกสักชิ้น แต่ตามที่กะเอาเองด้วยสายตาวาว คงระดับคัพซีเป็นอย่างน้อย                                                                                    สายตาคมกล้าที่หลุบมองตรงหน้าอกของเธออย่างเปิดเผย ทำให้หญิงสาวเผลอตวัดมือขึ้นมากอดอกปกปิดทรวงงามให้รอดพ้นจากสายตาเขาที่ราวกับมีเปลวไฟลามเลียทะลุเนื้อผ้าเข้าไปภายใน แถมยอดของเนื้อที่เริ่มตั้งชันแล้วตอนที่ถูกริมฝีปากร้อนบดขยี้ยังชูเด่นออกมาให้เธอขายขี้หน้าอีก                                                                                           หญิงสาวขยับตัวหนี แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาวางเข่าข้างหนึ่งลงพื้นที่ว่าง ตามด้วยเข่าอีกข้างติด ๆ กัน ก่อนจะโอบสองแขนแกร่งอ้อมมาที่ด้านหลังเธอ ลูบไล้แผ่นหลังเนียนนั้นอย่างรัญจวนสักเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เคลื่อนนิ้วลงไปที่บั้นเอว จับซิปพลางรูดลงทันที พร้อมกล่าวตามเพื่อดึงสติของเธอให้จดจ่อกับคำพูดเขา อย่างไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้           ‘ของฉัน...ส่วนบนถอดออกหมดแล้ว แต่ของเธอนี่สิ องุ่น ยังอยู่ครบทุกชิ้น มันดูไม่ยุติธรรมต่อกันเลยนะ’ เอ่ยแล้วยังจูบซับผิวแก้มแดงซ่านนั้นตามอีก                                                                                           ความร้อนที่ผะผ่าวออกมาจากผิวกายที่ล่ำเปลือยอยู่ตรงหน้าแถมกลิ่นสบู่และกลิ่นแซมพูที่ไหล่หนาของเขาเสียดสีอยู่ตรงปลายจมูก... นี่ยังไม่รวมกับรสชาติไวน์ที่ถูกเขาปรนป้อนให้ ก็ทำหญิงสาวบิดกายรุ่มร้อนตามอย่างจะตายอยู่แล้ว    ‘สะ เสียเปรียบอะ...อะไรคะ!’                                                        เอาเข้าจริง ๆ แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่า ค่ำคืนนี้เธอจะเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งเธอจะถอยหลังไม่ได้อีกแล้วนั้น ใจบาง ๆ ที่ไม่เคยมีผู้ชายใดได้แผ้วพานมาก่อนของหญิงสาวก็อดเต้นกระหน่ำแรง ราวกับมีคนลั่นกลองรบอยู่ข้างในด้วยกระนั้น เขาไม่พูดอะไรต่อ เสียงซิปที่รูดลงต่ออีกเล็กน้อย ทำเอาดวงตาคู่งามเบิกพรึ่บ ไม่ทันได้ทัดทาน แขนเสื้อสั้น ๆ ที่เผยตรงหัวไหล่เนียนก็โดนปลดลงตามไปด้วย...                                                                         ชายหนุ่มมองความงามตามธรรมชาติ จากทรวงทั้งสองที่อวดความชูชันบนยอดอย่างล่อตาล่อใจหลังจากถูกมือหนาดึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ปิดบังสายตาลงจนหมดสิ้นนั่น                                                                   ยามนี้...เขาก็เหมือนชายหนุ่มกลัดมันขึ้นมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่นี่ครั้งนี้ไม่ใช่ประสบการณ์บนเตียงครั้งแรกกับหญิงสาวที่บอกว่าตนเองยังไม่เคยผ่านเรื่องทำนองนี้มาก่อนเสียหน่อย หรือเป็นเพราะความตื่นตระหนกที่ปรากฏบนแววตาคู่งาม กับอาการสั่นเกร็งของเจ้าของทรวงงามทำให้เขามีความต้องการอย่างรุนแรงขึ้นมารึเปล่า                                                       มือหนาที่ลูบที่หัวไหล่เนียนตาเลื่อนมาจับตรงต้นแขน พลางเหลือบขึ้นมองคนที่มองตอบอย่างตื่นเต้นตระหนก ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงจูบกับหัวไหล่นวลเนียน สร้างความบีบรัดอึดอัดให้กับเจ้าของทรวงคู่งามที่เริ่มส่งเสียงลมหายใจดังฟืดฟาดตาม...  เขาเลื่อนใบหน้าขึ้นไปตามลำคอขาวสร้างรอยเล็ก ๆ ไปตามทาง ก่อนจะวกกลับมาบรรจบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบางระเรื่ออีกครั้ง โดยใช้มือหนาจับเข้าที่สะโพกผาย แล้วค่อย ๆ ดันหญิงสาวลงกับที่นอน                  หญิงสาวส่งสายตามองขึ้นมองชายหนุ่มที่คร่อมลำตัวเอาไว้ มือทั้งสองที่กำเป็นกำปั้นหลวม ๆ กะเกร็งอย่างไม่รู้ว่าวางไว้ตรงไหน เขาเหมือนจะอ่านกิริยาเช่นนี้ออก จึงจับมือทั้งสองของหญิงสาวเกาะเกี่ยวเข้ากับบ่าแกร่งทั้งสองข้าง ใบหน้าคมคายแนบลงกับแก้มนุ่มนิ่มข้างหนึ่ง พร้อมกับกระซิบเสียงพร่าตาม                                                                      ‘ฉันอนุญาตให้เธอ จิก ข่วนได้ตามสบาย ถ้าหากเธอมีความสุขเกินกว่าที่จะจัดการกับมันได้...นะ’  คนไร้ซึ่งประสบการณ์นี้ไม่เข้าใจคำพูดของเขาหรอกว่าเป็นเช่นไร เขาบอกก็เพียงทำตามอย่างมึน ๆ เท่านั้น สิ้นเสียงบอก มือบางที่เกาะเกี่ยวต้นแขนหนั่นแน่นนั้นจึงบีบน้ำหนักลงเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงการคุกคามไปตามส่วนล่างที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้น...มือหนาข้างลำตัวกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่กับชายกระโปรง        เขาพยายามตลบชายกระโปรงขึ้น ก่อนจะเหลือบมองต้นขาอ่อนที่โชว์เส้นเลือดนั่นเล็กน้อย มือสากลูบขึ้นลงพอให้หญิงสาวเกิดอาการเกร็งหนัก แล้วมือสากก็ลากเข้าใต้กระโปรง พร้อมกับลดระดับใบหน้าคมคายลงไปตรงทรวงงามที่ปรากฏแก่สายตา ตอนนี้...ยามมันต้องอากาศเย็นช่ำภายในห้องนอนขนอ่อนจึงลุกชันไปทั่วเนินงามทั้งสอง แล้วเขาก็งับริมฝีปากระอุร้อนลงตรงยอดชูชันข้างหนึ่งทันที มือบางที่เกาะเกี่ยวต้นแขนหนั่นแน่นนั้น เผลอบีบน้ำหนักลงตามไปอีก ก่อนจะลงน้ำหนักมากขึ้น เมื่อเขาขยับย้ายใบหน้าไปที่ทรวงงามอีกข้าง ทำในแบบเดียวกันเมื่อครู่ที่เรียกความซ่านสยิวให้เกิดขึ้นกับเธอ ’อื้อ...’  เขาดูดกลืนเข้าสู่ภายในปากที่ร้อนชื้น                                                หญิงสาวเผลอแอ่นกายขึ้น ลืมตามองโคมไฟที่ราวกับมันกำลังหมุนลิ่วตรงหน้า สมองพร่าเลือนไปเล็กน้อยว่าเธออยู่กำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน! กับใคร! เขาปรนเปรอทั้งปากและมือที่เริ่มลูบโลมไปมาที่ท้องน้อย จนต้องเผลอแขม่วเกร็งหน้าท้องตาม ก่อนที่มือหนาข้างจะลดลงแล้วแกล้งกรีดนิ้วลากผ่านขึ้นลงตรงจุดอ่อนไหวอันฉ่ำชื้นอย่างอ้อยอิ่ง                       ‘อ๊ะ!’ ลำตัวบาง ๆ เกร็งสะท้าน ดวงตาคมเหลือบขึ้นมองเจ้าของใบหน้างามนั้นอย่างพึงพอใจ แล้วจึงลากนิ้วมือซ้ำ ๆ ในแบบเดียวกัน แต่คราวนี้ได้เพิ่มความเร็ว และกดน้ำหนักลงทุกครั้งที่ผ่านจุดที่อ่อนไหวที่สุดของหญิงสาว เธอรีบตวัดมือจับเข้ากับที่นอนนุ่ม บีบ แน่น เขาแกล้งให้เธอจะขาดใจตายอยู่แล้ว! ก่อนจะสะดุ้งไหวขึ้นอีกระรอก ยามสัมผัสความเย็นวาบที่ตรงนั้น...กับอากาศเย็นฉ่ำภายในห้อง ชะโงกหน้าขึ้นจากที่นอนมามองเพียงนิด  ปราการชิ้นน้อยลายลูกไม้สีขาวจึงหลุดไปอยู่ที่ข้อเท้าข้างหนึ่งของเธอ และเหมือนเขากำลังพยายามดึงต่ออีกหน่อย พริบตาเดียวมันก็ถูกกระชากออกจากข้อเท้าแล้วถูกโยนหนีไปจนได้                                     เขาขยับลำตัวขึ้นมามองหญิงสาวตรงหน้า เมื่อแกล้งใช้นิ้วโป้งแตะลงกับจุดนั้น เธอสะท้านเฮือกดูเปราะบางอ่อนไหว ยิ่งทำให้ดูน่ารักในสายตา                                                                                                            ‘อึ!’                                                                                          แล้วชายหนุ่มจึงใช้นิ้วชี้กรีดไปตามรอยแยกที่ฉ่ำแฉะ จรดจ่อเข้ากับทางเข้า พลางดันนิ้วเข้าเล็กน้อยเพื่อทดสอบอะไรสักอย่าง ซึ่งก็ได้ผล...เจ้าของร่างงามที่ส่งเสียงลมหายใจฟืดฟาดถึงกับผวาเฮือก สองมือคว้าเข้าที่ลำตัวเขากอดเกร็งเป็นที่พึ่ง   จากนั้น นิ้วชี้จึงถูกเปลี่ยนเป็นนิ้วกลาง คราวนี้เขาไม่ได้ขยับเข้าเพียงแค่เล็กน้อยอย่างเมื่อครู่ แต่ดันเข้าทีเดียวสุดทางจนเจ้าของร่างงามที่ไม่โป๊ก็เกือบโป๊เปลือยตรงหน้าได้นิ่วหน้าอย่างสุขสมแกมเจ็บนิด ๆ                เขาพักนิ้วไว้เท่านั้น รับรู้ถึงความอุ่นร้อน ชื้นที่กำลังตอดรัดนิ้วอย่างครึ้มใจ แล้วลดใบหน้าจูบลงตรงริมฝีปากระเรื่อที่เผยออ้าเอาอากาศเข้าปอด ก่อนจะเคลื่อนไปใกล้กับใบหูหญิงสาว                                              ‘โอบหลังฉันไว้สิ’ เสียงทุ้มสั่งมองใบหน้างามที่บิดเบ้เล็กน้อยเพราะการคั่งค้างอยู่ทำให้เธอเริ่มอึดอัดทรมานอย่างไม่เคยพบพานจากที่ไหนมาก่อน...เพิ่งจะเกิดขึ้นกับเขาครั้งนี้เป็นครั้งแรก!                              หญิงสาวตวัดสองมือโอบแผ่นหลังหนา ที่ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ เผลอจิกนิ้วลงกับเนื้อหนังเข้า ยามเขาเริ่มขยับนิ้วอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะ ให้เธอพบกับความคุ้นชินสักระยะ จึงได้เริ่มเพิ่มจังหวะเร็วขึ้นในระดับที่หนักหน่วงขึ้นอีก จนตัวบอบบางพลอยไหวโอนตามทุกครั้งเพราะความรุนแรง                                                                                         ใกล้…ใกล้จะถึงจุดฝั่งฝันด้วยความพึงพอใจแล้ว                                   หญิงสาวรีบตวัดมือโอบแผ่นหลังหนาที่ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ เผลอจิกนิ้วลงเนื้อหนัง ยามเขากระแทกนิ้วเข้าออกจนตัวบาง ๆ ต้องโยกโคลงตาม                                                                                                  แล้ว...วินาทีนั้นก็มาถึง คำพูดที่เขาเคยบอกไว้ว่า อนุญาตให้เธอจิกข่วนบนแผ่นหลังของเขาได้ หากเธอมีความสุขจนล้นปรี่จนกักเก็บตัวไม่ได้แล้ว                                                                                              เป็นวินาทีเช่นนี้นี่เอง ที่เขาเคลื่อนนิ้วออกจนสุดทางก่อน แล้วกระแทกตามลงไปอีก ทำเอาเธอต้องจิกข่วนพร้อมลากนิ้วไปตามแผ่นหลังเป็นทางยาว จากนั้นก็เกร็งสะท้านและกระตุกอย่างรุนแรง เมื่อการปลดปล่อยมาถึง    ‘อ๊า...’ หญิงสาวเผลอส่งเสียงแห่งความสุขสมยาว ๆ ออกมา                 พิมพ์ลดาละสองมือจากพวงองุ่นสวยขึ้นมาประกบตรงใบหน้าที่ร้อนผ่าวราวกับคนจับไข้ทันที ยามได้นึกถึงค่ำคืนนั้นกับเขาขึ้นมาอีกแล้ว…     ใช่… ตอนนั้นแม้จะไม่ถึงขั้นเสียเนื้อเสียตัวก็จริง แต่ตามหลักทฤษฎี เขาก็ทำให้เธอ 'ถึง' ขั้นนั้นได้เป็นครั้งแรก! "ผมจัดการให้หมดแล้วครับคุณเปลว พรุ่งนี้รับรองว่าเธอคนนั้นจะไม่มีทางหลุดมือคุณเปลวไปได้อีก"   เปลวตะวันพยักหน้ารับทราบเล็กน้อย ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ดวงตานั้นแลดูแฟ้มเอกสารที่กำลังจะรอเซ็นตรงหน้า เก็บซ่อนความลิงโลดเอาไว้ภายในอก ก่อนจะเสสายตาขึ้นมองนิรุตที่ยังยืนนิ่งตรงหน้า ไม่ไหวติงว่าขยับไปที่ไหนสักที แถมมองเขาแล้วก็ยังยิ้มกริ่มอีกด้วย  "มองอะไร! เสร็จแล้วก็ออกไปสิ" เปลวตะวันบอกเสียงเคร่งเพราะต้อง’คีปลุกงท่านประธานบริษัทที่เคร่งขรึมไว้  "ผมก็จะออกไป แต่ว่า...มีอีกเรื่องที่รอบอกให้คุณเปลวทราบ..."           "เรื่องอะไร?"                                                                              "คุณเปลวอ่านแฟ้มกลับด้านครับ!" นิรุตบอกแล้วก็ค้อมหัวลงเล็กน้อย ซึ่งในสายตาเปลวตะวัน ไม่ใช่กิริยานบนอบหรอก แต่เป็นการล้อเลียนของลูกน้องมือขวาคนนี้ต่างหาก                                                          เปลวตะวันมองดูร่างสูงของนิรุตที่รีบหนีไปเปิดประตูพร้อมกับเดินออกจากห้องไปด้วยความหัวเสียเล็ก ๆ เพราะการเก็กขรึมที่ไม่เนียนเอาเสียเลย ก่อนจะรีบกลับแฟ้มเอกสารในมือขึ้นมาทันทีที่นิรุตน่าจะบอกเขาเสียแต่เนิ่น ๆ ทำให้เขาเสียมาดไปอีก... แต่ในความเสียมาดก็ยังมีความรื่นรมย์บางอย่างแฝงอยู่ก็...เพราะวันพรุ่งนี้ เขาจะได้เจอกับหญิงสาวผู้นั้นอย่างเป็นทางการแล้วน่ะสิ                                                   เปลวตะวันพับแฟ้มเอกสารลงหลังจากเซ็นชื่อกำกับแล้ว พลางเคาะนิ้วเป็นจังหวะลงกับโต๊ะทำงาน เมื่อได้ย้อนกลับไปนึกถึงค่ำคืนนั้นหลังจากที่สามารถทำให้หญิงสาวไปถึงฝั่งได้                                                  เรือนร่างงดงาม ที่ทอดตัวอย่างเหนื่อยอ่อนบนเตียงนอนสีขาว ความเย้ายวนกับเสื้อผ้าที่ถูกปลดแม้ไม่ถึงกับหมดตัวแต่ก็ทำให้เธอดูเซ็กซี่เย้ายวนอารมณ์และความต้องการของเขาอยู่ไม่น้อย และภาพนั้นช่างวนเวียนหลอกหลอนเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้   ตอนนั้น ...ขณะที่กำลังจะโน้มตัวลงจูบซับแก้มสีแดงระเรื่อเพื่อจะมอบความสุขสันต์ให้กับตัวเองบ้าง มือถือของเขาดันกรีดเสียงร้องขึ้นมาขัดขวางเสียอย่างนั้น                                                                           ‘ดะ เดี๋ยวค่ะ!’’   เธอกำลังใช้มือดันอกแกร่ง พลิกหน้าหนี แล้วบอกเสียงอู้อี้ ‘มือถือของคุ คุณไม่รับหรือคะ! เกิดเป็นเรื่องที่สำคัญ...’     หัวคิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นหนึ่งข้าง มองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อพราวโดยมีระยะห่างกันไม่ถึงคืบตรงหน้า  เสียงของมือถือนั้นยังคงดังอยู่ ทำให้เขายอมถอนตัวเองจากเธอ เพื่อลุกไปหยิบมือถือมากดรับ แล้วก็พบว่าสายที่โทรเข้ามาสำคัญจริง ๆ ด้วย เขาหันไปสบตากับหญิงสาวที่กำลังลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับเริ่มจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยตาม ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องนี้ไปคุยมือถือกับสายสำคัญยังระเบียงนอกห้องแทน                                                     ...อยู่นานพอสมควร เมื่อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก็พบเพียงความว่างเปล่าไร้เงาของน้ององุ่น สิ่งที่เธอหลงเหลือไว้ให้เขาก็เหลือเพียงกลิ่นสาปสาวคละคลุ้งที่ติดตรงที่นอนเท่านั้น                                     เธอหายไปจากห้องในคืนนั้น พร้อมกับสิ่งของสำคัญบางอย่างด้วย...ดังนั้น น้ององุ่นจึงไม่ได้ติดค้างเขาแค่เรื่องทรัพย์สินบางอย่างที่หายไปกับเธอหรอกนะ แต่มันยังรวมไปถึงความรู้สึกอันซาบซ่านนั่นต่างหาก เพราะเธอยังทำให้เขาคั่งค้างนับจากคืนนั้นจนมาถึงวันนี้! และพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เขาต้องสะสางเรื่องพวกนั้นกับเธอแล้ว...แม่องุ่น!   วันนี้ตอนบ่าย พิมพ์ลดามีนัดกับเจ้าของบ้านพักต่างอากาศที่ราชบุรี ตอนแรกเธอขอนัดอีกฝ่ายที่บริษัทของพรรณราย แต่เหมือนกับทางนั้นไม่ต้องการ ขอเปลี่ยนสถานที่ที่เป็นห้องอาหารส่วนตัวบนโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง พิมพ์ลดาจึงต้องมาที่โรงแรมแห่งนี้พร้อมกับงานที่เตรียมเสนอด้วย                                                                                                 และหญิงสาวก็มาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอค่อนข้างรู้สึกอึดอัดและระแวง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้นัดคุยงานกับลูกค้าที่มีห้องหับส่วนตัวอย่างนี้ ปกติถ้าไม่ใช้ร้านกาแฟเป็นสถานที่พูดคุยตกลงกันเรื่องงาน ก็เป็นสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รายล้อมด้วย เมื่อเป็นห้องที่ค่อนข้างลับหูลับตาคน หญิงสาวถึงกับออกอาการกระสับกระส่าย พลางก้มมองดูนาฬิกาข้อมือตลอด กระทั่งเข็มสั้นและเข็มยาวแตะตรงตัวเลขที่มีการนัดหมายเวลากันแล้วนั่นเอง...                                                                                               เสียงประตูที่ถูกเลื่อน ทำให้ดวงตาคู่งามเหลือบมองไปทางประตูทันที เธอเห็นรองเท้าสีดำคู่เงาวับนั้นก้าวเข้ามาในห้องก่อน และกำลังจะเลื่อนสายตาขึ้น…                                                                               แต่รองเท้าคู่สีดำเงาวับได้ขยับรวดเร็ว มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ หญิงสาวจึงเลื่อนสายตาขึ้นไป เป็นเวลาเดียวกับที่เขาทรุดลงนั่งตรงกันข้ามพอดี ใบหน้าคมคายที่ห่างกันเพียงแค่มีโต๊ะตัวเล็กคั่นกลาง ทำเอาพิมพ์ลดาสะท้าน และผงะในวินาทีถัดมา...   ดวงตาคู่วาววับ...กับการกระตุกยิ้มตรงมุมปากบนใบหน้าหล่อเหลานี้ ได้สร้างความผวากลัวให้เกิดขึ้น... เธอจะส่งเสียงอะไรออกมาสักอย่าง                                                                                                       แต่เขากลับเอ่ยออกมาก่อนเสียเอง "ไม่เจอกันเสียนานเลยนะ องุ่น"                           "คุณ!" พิมพ์ลดาอุทานออกมาได้แค่นี้ เขารีบส่งเสียงยะเยียบขู่ออกมาทันที      "ไม่ต้องส่งเสียง! ชั้นนี้ทั้งชั้นฉันจ่ายเงินไว้หมดแล้ว อ้อ... ในเมื่อฉันเป็นหุ้นส่วนของที่นี่จะทำอะไรก็ได้ด้วย และไม่ต้องเสียเวลาวิ่งหนีออกไปไหน คนของฉันอีกสองคนที่เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู พวกเขารออยู่แล้วที่จับจะเธอโยนกลับเข้ามาอีก!"                                                                                  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD