“หมายความว่าไง” ดวงตาสีรัตติกาลจ้องอย่างขอคำตอบ สมองระดับคุณหมอแถวหน้าโรงพยาบาลชื่อดังมีเหรอที่จะปล่อยให้ความสังสัยของตัวเองผ่านไปง่ายๆ
“เปล่านี่ก็ฉันเห็นว่านายพึ่งอกหักมาหมาดๆ อีกอย่างคนอย่างคุณหมอพายุผู้จิตใจมั่นคงคงจะลืมรักแรกของตัวเองไม่ได้หรอก จริงไหม” ดูเหมือนจะเป็นการเอาตัวรอดแต่ความจริงนีรชาเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่เธอวางเนื้อเรื่องเอาไว้
บทพระรองเป็นคนที่รักฝังใจ ชั่วชีวิตนี้ของพายุไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนได้อีกมันคือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก
“แน่ใจนะว่าเธอคิดแบบนี้จริงๆ” ร่างสูงก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าของคนตัวเล็กก่อนจะโน้มลงไปหาด้วยสายตาจับพิรุจเอวบางถูกรั้งเข้าแนบชิดร่างหนาด้วยแขนเพียงข้างเดียวในขณะที่แขนอีกข้างยันไว้กับผนังห้องน้ำตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรจากการที่นีรชาถูกอีกฝ่ายกอดทางอ้อม ไม่สิต้องบอกว่านีรชากำลังถูกจู่โจมชนิดที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงจะถูก
“จะทำอะไรถอยไปเลยนะ” จู่ๆนีรชาก็เกิดกลัวสายตาของพายุขึ้นมา พายุคือตัวละครที่นอกจากจะถูกแม่นักเขียนยัดเยียดให้ผิดหวังในความรักเธอยังให้เขาเป็นคนเฉลียวฉลาดรอบด้านจึงไม่แปลกถ้าเขาจะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
"ฉันถามว่าแน่ใจนะ" พายุเอ่ยด้วยสายตากดดันอีกครั้ง
“น่ะ…แน่ใจสิ” น้ำเสียงตะกุกตะกักยิ่งทำให้สมองระดับคุณหมอเคลือบแคลงสงสัย ปกติเจอเขาไล่ต้อนเข้าหน่อยคงจะโวยวายไปแล้วแต่นี่กลับแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนที่ดูจะผิดวิสัยยัยเพื่อนตัวร้ายที่เขารู้จักมานาน
“ฉันว่าตั้งแต่ที่เธอฟื้นขึ้นมาเธอแปลกไปนะ” เจ้าของใบหน้าคมคายโน้มลงไปใกล้ดวงหน้าสวยมากกว่าเดิม ใกล้ชนิดที่ถ้านีรชาขยับปากเพียงนิด ริมฝีปากของพวกเขาคงได้สัมผัสกันแน่
“แปลกยังไง” นีรชาแข็งใจถามแต่ก็ไม่อาจปิดบังสายตาที่กำลังร้อนตัวไปได้
“ฉันว่า…” การที่พายุหยุดพูดไปเฉยๆ ส่งผลให้หัวใจข้างในเต้นผิดจังหวะสิ่งที่กำลังกลัวไม่ใช่การถูกจับได้ว่าความจริงแล้วเธอไม่ใช่พราวดาวแต่กลัวที่จะพูดเรื่องเหลือเชื่อที่แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากเชื่อต่างหาก
“หรือว่าสมองเธอจะมีปัญหา” นีรชาโล่งใจขึ้นมาทันที
“ฉันจะไปรู้เหรอฉันไม่ใช่หมอสักหน่อยนายเป็นหมอไม่ใช่เหรอจะมาถามฉันทำไม” นีรชาได้ทีก็แกล้งโวยวายก่อนจะวกกลับมาเรื่องที่เธอควรจะพูดตั้งนานแล้ว
“ออกไปสิฉันจะได้อาบน้ำสักที" แม้ว่าคนพูดจะไม่ใช่พราวดาวแต่นีรชาก็ไม่อยากใกล้ชิดพายุสักนิดแต่ถ้าคนตรงหน้าคือเหนือเมฆพระเอกในฝันก็ว่าไปอย่าง
"ยัง" พระรองของนีรชาตอบอย่างหน้าตาเฉยก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนตัวเองอีกครั้งขายาวๆ ก้าวไปที่อ่างจากุซชี่ขนาดใหญ่พอจะวางคนทั้งคนลงไปได้อย่างสบาย
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะพายุ" นีรชาโวยวายไม่หยุดพายุนึกรำคาญเลยฟาดฝ่ามือไปที่แก้มก้นทีหนึ่งเสียงดัง ป๊าบ
"นี่พายุนายกล้าตีก้นฉันเหรอ" ดวงหน้าสวยของพราวดาวเห่อแดงขึ้นมาทันทีทันใด ตั้งแต่โตเป็นสาวสะพรั่งนีรชาไม่เคยมีใครถูกเนื้อถูกตัวขนาดนี้มาก่อน ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่เคยถูกผู้ชายแต๊ะอั๋งต่างหาก
"ถ้าเธอยังไม่อยู่เฉยๆ คราวนี้ฉันจะฟาดแรงกว่าเดิม" นัยน์ตาสีรัตติกาลของคุณหมอพายุบ่งบอกว่าเขาทำได้อย่างที่พูดแต่ก็ช่วยไม่ได้...นิสัยพูดจริงทำจริงนี้นีรชานั่นแหละที่เป็นคนยัดเยียดให้พระรองของเธอเองกับมือ
"ไอ้บ้าพายุ" คนตัวเล็กได้แต่กัดฟันกรอดเพราะไม่สามารถต่อกรอะไรได้ เจ็บใจนัก นีรชาคิดแค้นพายุอยู่ในใจ อย่าให้เธอกลับออกไปได้แล้วกันเพราะสิ่งแรกที่แม่นักเขียนจะทำนั่นคือแต่งให้พายุขับรถชนเสาไฟฟ้าต้นไหนสักต้น
"ช่วยเรียกฉันว่าคุณหมอด้วยเพราะคืนนี้ฉันต้องอยู่กับเธอในฐานะหมอเจ้าของไข้ เข้าใจ๊"
“ไม่เข้าใจ” เพราะความหัวดื้อพายุจึงฟาดมือไปที่ก้นงอนงามอีกข้างแต่ครั้งนี้เขาอาจจะหนักมือไปหน่อย
“พายุ” นีรชาดิ้นเร่าอยู่บนอ้อมแขนแกร่งในตอนนั้นมือเล็กก็อดไม่ได้เลยฟาดลงไปยังแผงอกกว้างเพื่อเอาคืนแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะแต่ระวังคืนนี้ฉันจะจับเธอฉีดยาแล้วกัน”
“ไอ้…..!” เป็นความโชคร้ายที่เรื่องกลัวเข็มฉีดยาจนขึ้นสมองของพราวดาวดันเป็นจุดอ่อนของนีรชาด้วยเหมือนกันหมัดที่ยกขึ้นมาหวังจะตะบันหน้าหล่อๆ ให้เขียวปูดเลยได้แต่กำเอาไว้อย่างนั้น
“อาบเสร็จเรียกฉันแล้วกัน” หลังจากวางร่างเล็กลงนั่งที่ขอบอ่างเสียงนุ่มทุ้มก็เอ่ยพร้อมกับจัดการเปิดน้ำลงไปในอ่างให้เสร็จสรรพ ความแสนดีนี้นีรชาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่เพียงแต่พอได้เจอมาเจอความอ่อนโยนด้วยตัวเองมันทำให้รู้สึกแตกต่างไปจากตอนนั่งเพียรเขียนนิยายก็เท่านั้น
“ไม่ต้องหรอก” เสียงหวานตอบกลับด้วยความมั่นใจในตัวเอง ครั้งหนึ่งนีรชาเคยถูกรถเฉี่ยวชนขณะปั่นจักรยานออกไปซื้อของหน้าปากซอยจนต้องใส่เฝือกอยู่เป็นเดือนๆ เธอยังช่วยเหลือตัวเองได้สบาย
“ตามใจแต่ถ้าเธอเกิดล้มหัวฟาดชักโครกจนขาหักเดินไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ อย่ามาโทษฉันทีหลังแล้วกัน” พายุว่าอย่างเอือมระอาร่างสูงเดินไปที่ประตู ก่อนที่นัยน์ตาคมจะชำเลืองไปด้านหลังแวบหนึ่งเพราะรู้สึกแปลกใจในท่าทีของแม่ดารา ต่อให้อุบัติเหตุอาจจะทำให้สมองของพราวดาวได้รับการกระทบกระเทือนอย่างที่เขาสงสัยแต่คนที่เป็นถึงดาราแถวหน้าโดยเฉพาะดาราที่ดูแลตัวเองยิ่งกว่าไข่ในหินปกติก็น่าจะเป็นคนเอ่ยปากให้เขาบริการตัวเองมากกว่าที่จะพูดด้วยสีหน้าอย่างนั้น แต่พายุก็ไม่ได้พูดความสงสัยของเขาออกมา
ผ่านไปราวสิบกว่านาทีเห็นจะได้ประตูห้องน้ำก็เปิดออกมา นีรชาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเแบบสายผูกเอวเธอเดินขากะเผลกๆโดยใช้แขนช่วยประคองมาตามผนังห้องสภาพที่ดูทุลักทุเลจนรู้สึกขัดตาไม่ได้ทำให้คุณหมอแปลกใจเท่าเวลาในการอาบน้ำ
นอกจากจะพูดจาแปลกๆยังใช้เวลาอาบน้ำน้อยกว่าเดิม
“ยังไม่กลับไปอีกเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามค่อนไปทางไล่ทางอ้อม ทำไมตัวเป็นๆถึงได้ดื้อด้านกว่าในนิยาย นีรชาได้แต่พึมพำในใจเมื่อเห็นว่าพายุยังไม่กลับออกไปหนำซ้ำเขายังถือวิสาสะขึ้นไปนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงสบายใจเฉิบราวกับเป็นห้องตัวเอง
“ก็บอกแล้วไงว่าคืนนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยตอบขณะที่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับตำราแพทย์เล่มหนา
“ก็บอกว่าไม่ต้องไงอีกอย่างนายจะค้างที่นี่ได้ไงไม่รู้เหรอผู้ชายผู้หญิงไม่ควร….” ตอนนั้นเองนีรชาก็นึกขึ้นมาได้ว่าในนิยายที่เธอแต่งมีอยู่หลายตอนที่ให้พายุนอนค้างอ้างแรมห้องพราวดาวโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่า…กว่าที่จะคิดได้เธอก็ถูกพายุจับพิรุจได้ก่อนแล้ว
“ทำไม ฉันกับเธอมันทำไม” เท่าที่เส้นหยักในสมองอันชาญฉลาดจดจำได้อย่างแม่นยำเขาเคยนอนร่วมห้องกับพราวดาวนับครั้งไม่ถ้วนและก็ไม่เห็นว่าแม่ดาราคนดังจะเดือดร้อนอะไรตรงกันข้ามเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายจำใจเพราะทุกครั้งที่พราวดาวมีเรื่องไม่สบายใจจะชอบไปนั่งดื่มคนเดียวจนเขานั่นแหละที่ต้องไปแบกกลับมาส่งถึงห้อง
แล้วท่าทีหวงเนื้อหวงตัวแบบนั้น มันคืออะไรกันแน่
“ก็…ก็ไม่ทำไมหรอกฉันก็แค่เกรงใจเลยไม่อยากรบกวนก็เท่านั้นอีกอย่างนายก็รู้ว่าฉันพึ่งเป็นข่าวถ้ามีใครเห็นนายออกจากห้องฉันแต่เช้าขนาดนั้นทำไง” คุณหมอพายุฉลาดก็จริงแต่ไม่มีทางฉลาดไปกว่าคนแต่งนิยายอย่างนีรชาได้หรอก
เขาเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า พายุเอ๋ย
“ที่เธอพูดมาก็ถูก” พายุพับหน้าตำราแพทย์ที่ถืออยู่ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างว่าง่าย
“ล็อกประตูให้ฉันด้วยแล้วกัน”
“ใครบอกว่าฉันจะกลับฉันจะเข้าไปอาบน้ำต่างหาก” คุณหมอผู้มีนิสัยดื้อด้านเดินไปยังตู้เสื้อผ้ามินิมอลสีขาวแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาซึ่งเป็นผืนที่เขาใช้ทุกครั้งที่มานอนค้างห้องของพราวดาวในขณะทีที่นีรชาได้แต่ตกใจจนพูดไม่ออก
“ยาวางอยู่ตรงนั้นนั้นนะกินตอนนี้เลยมันเป็นยาก่อนนอน อ่อ แล้วอย่าแอบเอายาไปทิ้งอีกล่ะไม่งั้นฉันจะเปลี่ยนจากยาเม็ดเป็นยาฉีดแทน” ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำคุณหมอผู้รอบคอบไม่ลืมจะหันมาขู่คนไข้ของเขาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำด้วยความสบายใจโดยที่นีรชาไม่มีจังหวะได้โต้ตอบอะไรกลับนอกจากหันไปมองตัวเองในกระจก มือเล็กยกขึ้นลูบใบหน้าที่ปรากฎอยู่ในกระจกบานใหญ่
มันไม่ใช่ความฝัน…หากคือความจริงที่ยากจะปฏิเสธเพราะถึงแม้ใบหน้าที่เธอกำลังมองอยู่ในตอนนี้จะยืนยันไม่ได้ว่าคือพราวดาวนางร้ายที่เป็นตัวละครในนิยายที่เธอเป็นคนแต่งแต่ดวงหน้างดงามอย่างไร้ที่ติที่เธอกำลังสัมผัสมันก็ไม่ใช่ตัวเธออย่างแน่นอน คำถามเดิมๆตีกันยุ่งเหยิงอยู่ภายในห้วงความคิด เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง