หลี่ซีเหมยคิดว่าเวลานี้เธอแต่งกายด้วยชุดสาวใช้แล้ว คงต้องใช้ให้เป็นประโยชน์เสียหน่อย คิดได้อย่างนั้นจึงเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจคำพูดที่ป้าพูดย้ำเอาไว้ว่าให้เธอพักผ่อนเยอะ ๆ
วันนี้ได้ยินว่าเจ้านายออกไปเจรจาธุรกิจข้างนอก ไม่รู้ว่ากลับมาหรือยัง และจากที่เคยได้ยินมานั้นนายท่านมักไม่ค่อยออกจากคฤหาสน์เท่าไรหากไม่จำเป็นจริง ๆ โอกาสที่จะได้พบจึงน้อยมากหากไม่ได้รับใช้ใกล้ชิดอย่างป้าหลี่หง ซึ่งคนสนิทที่เหลือของเจ้านายหนุ่มยังเป็นชายทั้งหมดอีกด้วย
ส่วนสาวใช้ก็เฝ้ารอเพื่อดูแลแค่ในช่วงเวลาอาหารสามมื้อเท่านั้น ซึ่งงานที่ต้องใกล้ชิดเจ้านายแทบทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของหัวหน้าแม่บ้าน ส่วนสาวใช้ทั่วไปก็เพียงยืนรอเป็นลูกมือ คอยช่วยหยิบจับเวลาเติมอาหาร หรือนำจานเปล่าเข้าไปเก็บในครัวเท่านั้น
ต้องบอกว่าเป็นเจ้านายที่แทบไม่ให้ผู้หญิงเข้าใกล้ในระยะสามเมตร เว้นแต่เป็นคนสนิทหรือคนที่ป้าไว้ใจ การเฝ้ามองคนกินข้าวจะไปรู้นิสัยใจคอเขาได้อย่างไรกัน ดังนั้นเลยต้องหาโอกาสอื่น ๆ เพื่อศึกษานิสัยที่แท้จริงของชายหนุ่ม
และหนึ่งในนั้นก็คือ ท่าทีหลังกลับมาจากทำงาน ซึ่งปกติแล้วคนเราเมื่อถึงบ้านก็จะเผยธาตุแท้ออกมาชั่วขณะหนึ่ง บางคนก็ผ่อนคลายความระวังลง จึงเป็นจังหวะที่เหมาะจะลงมืออย่างมากหากต้องการลอบสังหารและนี่เป็นมุมมองของมาเฟีย แต่กับคนทั่วไปคงไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้น
หญิงสาวเดินลัดเลาะไปตามพุ่มดอกกุหลาบที่ถูกตัดแต่งไว้ในสวนอย่างดี มีบ้างที่มันออกดอกประปรายสวยงามจนอยากเด็ดมาดอมดม
ความนึกคิดแบบนั้นทำให้หลี่ซีเหมยชะงักไปอีกครั้ง เธอไม่เคยชอบของสวยงามอย่างผู้หญิงธรรมดามาก่อน แต่หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ กลยุทธ์การวางแผนธุรกิจและอาวุธเท่านั้น
แต่ตอนนี้การมาครอบครองร่างของเด็กสาวนานเข้าก็เริ่มส่งผลต่อความนึกคิดอีกครั้ง กระทั่งความชอบก็โดนส่งต่อมา ทำให้รู้ว่าแต่เดิมร่างนี้ชอบดอกกุหลาบมาก และมักจะมานั่งลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่บริเวณจุดที่ลับตาคนในสวนแห่งนี้เป็นประจำ
“นายท่านกลับมาแล้ว” เสียงเรียกของกลุ่มชายชุดดำทำให้หลี่ซีเหมยกลับมาได้สติ
เธอลอบเดินเข้าไปใกล้บริเวณหน้าบ้าน มองรถยนต์สีดำสนิทที่แล่นเข้ามาจอด มีชายชุดดำพร้อมกับป้าหลี่หงออกมารอต้อนรับนายท่าน
ในที่สุดหญิงสาวก็ได้เห็น ‘นายท่าน’ ที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมซึ่งเป็นเพียงเงาทะมึนเสียที แต่ก็เห็นเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เมื่อชายหนุ่มคล้ายจะรับรู้ได้ เขาก็หันขวับกลับมามองยังบริเวณสวนกุหลาบทันที
หลี่ซีเหมยที่หนีออกมาด้วยความคล่องตัวรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก รีบเดินเร็ว ๆ กลับห้องตัวเอง พอมาถึงก็ได้แต่พรั่งพรูลมหายใจออกมา
ภาพที่เห็นทำให้ตกใจไม่น้อย เมื่อชายหนุ่มถูกนำลงจากรถโดยใช้รถเข็น เพราะในความทรงจำที่ร่างเดิมมองเห็นเจ้านายได้ก็มีแค่เพียงในห้องอาหาร ซึ่งสาวใช้จะถูกเรียกมาเตรียมโต๊ะ และถูกเรียกเข้ามาอีกครั้งหลังเจ้านายมาประจำที่หลังจากเตรียมรับประทานอาหารแล้ว
‘เขาพิการ ?’ ความประหลาดใจที่เกิดจากเรื่องนี้ค่อนข้างมากทีเดียว หลี่ซีเหมยคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ที่พิการจะไปควงปืนสู้กับมาเฟียกลุ่มอื่นได้อย่างไร อำนาจบารมีที่มีคงหมดสิ้นกันพอดี
‘ดูเหมือนว่าแฟมิลีนี้จะหมดอนาคตแล้ว’
หญิงสาวรู้สึกสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก เพราะนายท่านคนนี้เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้าน ดังนั้นอย่าหวังเลยว่าจะมีเจ้านายคนอื่นขึ้นมาแทนที่ ต่อให้เขาจะเสียชีวิตหรือพิการไปจริง ๆ
นี่มันเรียกว่าวิกฤติขั้นสูงสุดของกลุ่มมาเฟียก็ว่าได้ แล้วเธอจะไว้ใจให้ป้าอยู่กับเขาต่อไปได้อย่างไร เชื่อเลยว่าตอนนี้กลุ่มมาเฟียคงอยู่ในช่วงเวลาที่ระส่ำระส่ายไม่น้อย
“ดูเหมือนต้องทำอะไรสักอย่าง” คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ลงมือทันที โดยเริ่มจากเดินออกไปนอกห้องและหายลับไปในความมืด
ทางด้านซ่งซีห่าวเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็รู้สึกถึงสายตาของใครบางคน แม้ว่าจะไม่ได้มุ่งร้าย แต่ในบ้านหลังนี้แม้กระทั่งลูกน้องก็ยังไม่กล้ามองชายหนุ่มตรง ๆ ทำให้เขารับรู้ถึงคนคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะการมองนี้เป็นการมองมาอย่างประเมิน ไม่ใช่สายตาปกติที่เขาคุ้นชิน
“ไปตามหาหนูที่แอบอยู่ในสวนออกมา มีคนแอบมองฉันอยู่” ชายหนุ่มกล่าวกับลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง โดยไม่ต้องหันไปมอง สายตาที่เคยรู้สึกได้หายไปทันทีที่ลูกน้องขยับตัว
ซ่งซีห่าวส่ายหน้าน้อย ๆ ดูเหมือนหนูตัวใหญ่ตัวนี้จะมีความระมัดระวังตัวอย่างมาก คงไม่สามารถจับมันได้ง่าย ๆ
เมื่อเข้ามาในบ้าน นอกจากแม่บ้านคนสนิทพ่วงตำแหน่งแม่นมอย่างหลี่หงแล้ว ก็ไม่มีสาวใช้คนอื่นอยู่อีก เนื่องจากเขาไม่ต้องการรับรู้ถึงสายตาสอดรู้สอดเห็นของสาวใช้พวกนั้นเวลากลับมาถึง ลำพังแค่ได้รับสายตาอย่างนั้นยามออกไปด้านนอกก็เพียงพอแล้ว
ก่อนหน้านี้ซ่งซีห่าวเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองอันดับต้น ๆ เขามักจะได้รับสายตาชื่นชม อิจฉาริษยา เคียดแค้น และคิดคำนวณต่าง ๆ นานาจากคนรอบข้างเมื่อออกไปด้านนอก
ทว่านับตั้งแต่ชายหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนต้องสูญเสียความสามารถในการเดิน ซ่งซีห่าวก็มักจะได้รับสายตาแห่งความเวทนาสงสาร และความรู้สึกสะใจที่คิดว่าเขาสมควรได้รับสิ่งนี้แล้ว หรือกระทั่งความรังเกียจ คิดว่าคนแบบเขาไม่คู่ควรตำแหน่งผู้มีอิทธิพลอีกต่อไป
แต่สายตาที่ชัดเจนที่สุดสำหรับซ่งซีห่าวกลับเป็นสายตาของคู่หมั้นสาวที่เปลี่ยนไป คนที่เขาคิดว่ารักตนเองด้วยใจจริง โดยไม่ได้นึกถึงเงินทองชื่อเสียง แต่สุดท้ายเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุจนพิการ เธอก็เลือกที่จะถอนหมั้น แถมยังไปหมั้นหมายกับศัตรูตัวฉกาจอีกด้วย
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้หัวใจที่เย็นชาอยู่แล้ว ด้านชาขึ้นกว่าเดิม จนตอนนี้คนสำคัญของเขาจึงเหลือเพียงป้าหลี่หงเท่านั้น นั่นเพราะเธอคือคนเดียวที่อยู่เคียงข้างไม่จากไปไหน ไม่ว่าจะผ่านวิกฤติมากี่ครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มที่รู้จักแต่ความเย็นชาและปากหนักเกินกว่าจะพูดหรือกล่าวอะไรดี ๆ ออกมา เมื่อพบหน้าแม่นมหลี่ ซึ่งเธอมักจะยืนยิ้มอ่อนโยนให้เสมอ โดยที่ในแววตาคู่นั้นราวกับมีภาพของเขาซ้อนทับกับภาพลูกชายของเธออยู่
แม้อะไรหลายอย่างจะทำให้ซ่งซีห่าวคิดแบบนั้น แต่เขาก็ยังยินดีและพอใจ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่า แม่นมหลี่จะไม่หนีหรือทิ้งเขาไปไหน และจะไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ในชีวิตที่ผ่านมา
ทว่าสิ่งเดียวที่เขาตอบแทนหญิงวัยกลางคนได้ก็มีเพียงคำพูดสั้น ๆ ไม่กี่คำต่อวันเท่านั้น เช่นเดียวกับวันนี้ที่แม่บ้านหลี่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับทำได้เพียงพูดว่า
“ไปกินข้าวเย็นเถอะ…”
ทั้งที่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อกลับบ้านมา จะพยายามพูดคำว่า ‘ขอบคุณ’ ขอบคุณที่ป้าคอยอยู่เคียงข้างมาตลอดแท้ ๆ แต่กลับปากหนัก จนพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
มันน่านัก!
ส่วนทางด้านคนของซ่งซีห่าวที่ออกไปตามหาหนูตัวใหญ่ได้แต่พบกับความผิดหวังเมื่อหาหนูตัวนั้นไม่เจอ
เช้าวันใหม่ของคฤหาสน์ตระกูลซ่ง ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงบเหมือนในทุก ๆ วัน เนื่องจากเจ้านายของพวกเขามีกิจวัตรประจำวันแบบเดิม ๆ ยิ่งในตอนนี้หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้ กิจวัตรก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ
จนวันหนึ่งนอกจากอาศัยช่วงเวลาที่เจ้านายไม่อยู่บ้านเข้าไปทำความสะอาดคฤหาสน์หลังใหญ่แล้ว สาวใช้ในบ้านก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก เพราะถึงอย่างไรก็มีแม่ครัวดูแลในครัวอยู่แล้ว
โดยเฉพาะสาวใช้กิตติมศักดิ์อย่างหลี่ซีเหมยนั้นแทบไม่มีงานอะไรเลย ระหว่างรอมื้อเช้าก็มานั่งเล่นกับกลุ่มสาวใช้เพื่อฟังข่าวสาร เธอพบว่าช่วงเวลานี้ดูเหมือนมีข้อมูลหลุดมาถึงหูได้เยอะกว่าตอนอยู่ในมื้ออาหารเสียด้วยซ้ำ
นั่นก็เพราะสาวใช้ในบ้านจะนำเรื่องราวที่เหล่าสามีของพวกเธอที่ได้ออกไปเผชิญโลกกว้าง เอามานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่ที่นี่ แม้ว่าในสายตาของคนทั่วไปมันเป็นข้อมูลที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยก็ตาม แต่สำหรับหลี่ซีเหมยที่นั่งปะติดปะต่อข้อมูลจนเป็นแบบแผนขนาดใหญ่ก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้