คนของกองทัพจะมีท่าทางเฉพาะตัวที่บ่งบอก เวลาหมุนตัวปลายเท้าจะมีองศาที่สังเกตได้ไม่ยาก เวลาพูดกับคนที่ต่ำกว่าตนเองก็มีคำพูดและมุมของคางที่สูงขึ้นเล็กน้อย การแสดงออกของคิ้วที่เปลี่ยนมุมเพียงนิดหน่อย ไม่เหมือนพวกลูกน้องของเธอ
แต่เมื่อได้กลิ่นสมุนไพรจากร่างกายของเขาก็ทำให้หลี่ซีเหมยทำความเข้าใจได้ว่าอะไรที่ไม่เหมือนทหารทั่วไป เพราะเขาน่าจะเป็นหมอทหาร ไม่ใช่นายทหารทั่วไปนั่นเอง
“เชิญนั่งลงก่อน” หมอทหารหนุ่มผู้ไม่รู้ตัวว่าท่าทางของเขาบ่งบอกถึงอาชีพตัวเองอย่างเปิดเผย แม้จะพยายามแต่งกายเหมือนคุณชายในเมืองเพื่อกลบเกลื่อนตัวตนของตนเองไว้ก็ตาม แต่กลับไม่สามารถปิดบังจากสายตาแหลมคมของหลี่ซีเหมยได้
มันน่าโมโหตรงที่ตอนยังอยู่ในร่างเดิม โซเฟียวิเคราะห์เรื่องเหล่านั้นได้ในเสี้ยววินาที แต่ในร่างหลี่ซีเหมยที่มีไอคิวระดับต่ำกว่าเกณฑ์คนฉลาดนี้ ใช้เวลาวิเคราะห์นานขึ้นเป็นสิบเท่า เวลานี้เธอคิดถึงสมองอัจฉริยะของตัวเองเหลือเกิน
“ห้องอาหารนี้จะเสิร์ฟตามเมนูที่มีในแต่ละวัน หากมีอาหารชนิดไหนที่กินไม่ได้ สามารถแจ้งผมได้นะครับ ผมจะให้คนไปถามพ่อครัวให้ก่อน”
“ฉันไม่เรื่องมาก” หลี่ซีเหมยชะงักเล็กน้อยเพื่อทบทวนดูว่าร่างเดิมแพ้อาหารชนิดไหนหรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีก็กล่าวยืนยัน “ฉันกินได้ทุกอย่าง”
“คุณหลี่ผมรู้ว่าการที่คุณออกมาหาคนซื้อที่ตลาดมืดนี้มีความเสี่ยง และขอบอกตามตรงว่าผมทำการค้ากับทางการ ดังนั้นจึงมีความต้องการสินค้าที่สม่ำเสมอและจำนวนไม่น้อยเลย แต่ถ้าคุณหาได้เท่าไร ก็สามารถแจ้งตามจำนวนที่หาได้ ผมไม่กดดันคุณ”
“ฉันก็คงไม่ได้หาของดีในกล่องให้คุณได้เสมอหรอกนะ” หลี่ซีเหมยตอบอย่างเฉยชา ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ท่าทางของเขาอ่อนโยนราวกับลมวสันต์ ทำให้คนรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมได้อย่างรวดเร็ว
“ถึงอย่างนั้นที่ต้องการมากเห็นจะเป็นเจ้าต้นเล็ก ๆ ที่คุณเพิ่มเข้ามาในกล่องพวกนี้ คุณต้องรู้ว่าถึงทางการจะให้มีการขึ้นเขาเก็บมันนับรวมเป็นคะแนน แต่ชาวบ้าน…ก็คาดหวังมากไม่ได้” ชายหนุ่มพูดพร้อมส่ายหน้าช้า ๆ
“คุณคงลำบากมากที่ต้องพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ลุล่วงด้วยดี” หลี่ซีเหมยรู้สึกเห็นใจ คนที่จะผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้จนถึงช่วงเวลาที่จะมีเกียรติโดยไม่ถูกทำลายไปก่อน มีน้อยมากจริง ๆ
แต่ทว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปแล้ว ความต้องการนักวิทยาศาสตร์เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาชีพหมอก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ หากได้รับสมุนไพรจากเธอ เขาคงสังเคราะห์ยาได้ไวกว่าในชาติก่อนมาก
แน่นอนว่าหลี่ซีเหมยเพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร ก็ตอนที่เขาแนะนำตัว
เขาคือ ‘เมิ่งเทา’ ศาตราจารย์ผู้ผลิตยาปฏิชีวนะหลายตัวเพื่อคนในชาติ ทำให้การแพทย์ของประเทศก้าวหน้าตามทางตะวันตกทัน
หลี่ซีเหมยในตอนนี้ถือเป็นคนของประเทศนี้ หากหมอเมิ่งทำสำเร็จได้เร็วก็ถือเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศของตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจตามไปด้วย
“สมุนไพรของคุณมันดีมาก หากผมวิจัยสิ่งเหล่านั้นสำเร็จ หวังว่าคุณจะหาสมุนไพรมาขายต่อในราคามิตรภาพอย่างนี้ต่อไปนะครับ”
“นั่นก็ต้องดูว่า ถึงตอนนั้นคุณยังเป็นมิตรอยู่หรือไม่”
หมอเมิ่งยิ้มจาง ๆ เขาคงตีสนิทหญิงสาวผู้ลึกลับไม่สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่ออาหารถูกนำขึ้นโต๊ะ เธอก็ยอมเปิดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ดูธรรมดาไม่ค่อยกล้าสู้หน้าคน ไว้หน้าม้ายาวปิดหน้าปิดตาเอาไว้
แม้จะสงสัยแต่หมอหนุ่มแซ่เมิ่งก็คิดเพียงเรื่องประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่คิดเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของคู่ค้าคนใหม่ เขายังส่งเธอกลับตลาดมืดและไม่ได้ให้คนติดตามไป อีกทั้งยังกันคนที่คิดจะแอบติดตามหญิงสาวให้อีกด้วย
หลี่ซีเหมยรับรู้ได้เช่นกันว่ามีคนแอบติดตามมา และมีคนจัดการคนพวกนั้นแทนตัวเอง จึงยกยิ้มมุมปากขึ้นรู้สึกว่าหมอเมิ่งคนนี้จะได้รับการประเมินว่าเป็น ‘มิตร’ ไปได้นานอีกสักหน่อยแล้ว
เมื่อเดินออกมาจากตลาดมืดไม่ไกลนัก เธอก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้น จึงตัดสินใจย้อนกลับไปดูในตรอกที่ผ่านมา และเห็นดวงตาสีเหลืองทองเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางความมืด
“เจ้าแมวน้อย มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คาดไม่ถึงว่าจะมีแมวน้อยอยู่ในตรอกแห่งนี้ มันร้องเพียงไม่กี่ครั้งราวกับต้องการเรียกหญิงสาว เมื่อเห็นเธอย้อนกลับมาก็ยังไม่ได้หลบหนีไปอย่างแตกตื่นตามนิสัยแมวทั่วไป
หากนำแมวตัวนี้กลับบ้านไปด้วยไม่แน่ว่าเจ้านายจะอนุญาตให้ผู้อาศัยตัวนี้อยู่ต่อได้หรือไม่ ทำให้เธอคิดจะจากมาและปล่อยให้เจ้าแมวน้อยร้องเรียกหาเจ้าของคนใหม่อยู่ในตรอกแห่งนี้ต่อไป
หลี่ซีเหมยพลันนึกถึงสัตว์ป่ามากมาย ซึ่งอยู่บนภูเขาหลังคฤหาสน์ ทำให้เธอนึกสงสัยว่าจะสามารถเลี้ยงแมวน้อยในมิติได้หรือไม่ ยิ่งมองดวงตาสีเหลืองทองกระจ่างที่จ้องตอบกลับมานิ่ง ๆ ก็ยิ่งหลงใหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
สุดท้ายเธอจึงนำอาหารแมวออกมาจากโกดังเก็บของ เปิดกระป๋องและวางเอาไว้ตรงหน้า เจ้าแมวดำดูลังเลเล็กน้อยเดินเข้าหาอาหารที่ส่งกลิ่นหอมอย่างช้า ๆ กระทั่งเมื่อลองก้มลงเลียดู พบว่ามันเป็นอาหารรสเลิศชั้นดีก็ก้มหน้าลงกินอีกหลายคำ สลับกับเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยท่าทีหวาดระแวง
หลี่ซีเหมยอาศัยจังหวะที่แมวน้อยก้มลงกินอาหาร ส่งมันเข้าไปในมิติ พร้อมกันนั้นร่างของหญิงสาวก็หายไปจากตรอกนั้นเช่นเดียวกัน
แง้ว ~ เมื่อเจ้าแมวเงยหน้าขึ้นและพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในตรอกมืดอีกต่อไป แต่ย้ายมาอยู่ในสนามหญ้าสีเขียวขจี ก็ตกใจจนคิดจะวิ่งหนีไป น่าแปลกที่มันขยับร่างกายไม่ถนัดจนไม่สามารถหนีไปได้สำเร็จ
“ใจเย็นก่อนเจ้าแมวน้อย” หลี่ซีเหมยนึกถึงสินค้าในโกดัง ยังมีอาหารสัตว์และของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงอยู่เล็กน้อย เนื่องจากน้องสาวของเธอเลี้ยงแมว ส่วน... สามีก็เลี้ยงสุนัข ยังมีสุนัขที่พวกลูกน้องเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านอีก เมื่อนึกถึงก็ได้เบาะนอนของเจ้าแมวมาพร้อมอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงสัตว์ครบถ้วน
“ที่นี่เป็นบ้านใหม่ แกอยู่ที่นี่ได้” หญิงสาวพูดกับแมวน้อยสีดำสนิท ขนของมันปุกปุยมีแผงคอราวกับสิงโต
“แกอยู่ที่นี่ได้” เธอเอ่ยย้ำเมื่อแมวน้อยเลิกดิ้นแล้วยังจ้องมองตอบกลับมา ราวกับแมวน้อยจะรู้เรื่องมันนั่งลงเลียขนด้วยท่าทีที่สงบลง เหมือนรับรู้แล้วว่าที่นี่เป็นบ้านใหม่ของตน
“ต่อไปนี้แกชื่อเฮย…” เมื่อพูดขึ้นมาแบบนั้นแมวน้อยก็ตวัดสายตามองเจ้านายคนใหม่อย่างเฉียบคมราวกับรู้ว่ามันจะได้ชื่อตามสีขน ซึ่งดูจะไม่พอใจสักเท่าไร หลี่ซีเหมยจึงเปลี่ยนใจใหม่อีกครั้ง
“อย่างนั้นให้ชื่อเจ้าจินเป่าแล้วกัน”
แง้ว ~ เจ้าแมวตอบรับท่าทางอารมณ์ดี ทำให้หลี่ซีเหมยคาดเดาว่ามันรับรู้และฟังคำพูดเธอออก ซึ่งอาจเป็นเพราะความมหัศจรรย์ของมิติแห่งนี้ก็ได้
หญิงสาวปล่อยให้เจ้าจินเป่าอยู่ในคฤหาสน์ ดูเหมือนมันจะชอบบ้านหลังใหม่มากจนวิ่งเล่นไปทั่ว เห็นดังนั้นหญิงสาวก็เบาใจลงและออกจากมิติเพื่อรีบกลับบ้าน
วันนี้ได้เงินจากตลาดมืดไม่น้อย คิดว่าจะไปสะสมเงินอีกเล็กน้อย ระหว่างที่รอป้าบอกกล่าวกับเจ้านายเพื่อขอออกไปเรียนต่อ
วันเวลาผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว นับตั้งแต่หลี่ซีเหมยคนใหม่มาอยู่ในบ้านหลังนี้ ตอนแรกเธอคิดจะย้ายออกไปเพื่อมาเรียนมัธยมปลาย แต่ป้ากลับคัดค้าน เพราะเจ้านายอนุญาตให้เธอสามารถอยู่ต่อไปได้
ระหว่างนี้เธอจึงได้รับสิทธิพิเศษในการไม่ต้องไปทำงาน แน่นอนว่าเงินเดือนที่เคยได้ก็ไม่มีอีกต่อไป แต่นั่นไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากหญิงสาวมีเงินจากการขายสินค้าให้กับหมอเมิ่งจำนวนไม่น้อยตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา
หากต้องการย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ในตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย แถมทะเบียนบ้านของคนรับใช้ในคฤหาสน์ยังอยู่ที่นี่อีกด้วยทำให้พวกเขามีสิทธิ์เป็นคนในเมือง
หากต้องการซื้อบ้านในเมืองตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้อย่างเปิดเผย ยิ่งไม่มีคนรู้จักที่มีอำนาจมากพอก็เลิกคิดที่จะซื้อบ้านและย้ายทะเบียนบ้านไปได้เลย
หลี่ซีเหมยจึงต้องอยู่ในบ้านต่อไปเพื่อรอให้ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง เปิดการค้าเสรีเมื่อไร เธอจะหาซื้อบ้านและย้ายออกทันที
ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ หญิงสาวเข้าไปติดต่อโรงเรียนมัธยมปลายเพื่อขอสอบเทียบอยู่สามครั้ง สำหรับชั้นปีที่หนึ่ง สอง และสาม ตามลำดับ จนสามารถสอบเทียบรับวุฒิจบมัธยมปลายมาได้แล้วในวันนี้