-เช้าวันใหม่ ณ.สิงคโปร์-
"ตื่นได้แล้ว..."
เสียงทุ้มของธนินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของภรรยาสาว มินดาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาผ้าม่านของห้องถูกเปิดออกรับแสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่เข้ามา อาธนินที่ดูเหมือนจะอาบน้ำแต่งตัวใหม่อยู่ในชุดลำลองแล้ว มินดายิ้มให้เขาอย่างสดใสและเบิกบาน ทำให้ธนินพลอยยิ้มไปกับรอยยิ้มนั้นด้วยแต่ไม่ได้ยิ้มออกมาจริงๆ ต่อหน้าของมินดาความคีฟลุคของเขายังคงที่ไม่มากและไม่เยอะเกินไป
"วันนี้มีงานตอนค่ำ..ตอนกลางวันวันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งที่ไหนบ้าง?"
อาธนินถามมินดาออกมาเบาๆ มุมปากถูกยกขึ้นนิดหน่อยดูเหมือนว่ายิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มกว้างและก็เป็นเวลาครู่เดียวเท่านั้น
"อยากนอนนิ่งๆ อยู่แบบนี้มากกว่าค่ะ"
มินดาตอบอาธนินเบาๆ ในขณะที่ตายังหลับอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมา
"ถ้ายังไม่ลุกเดี๋ยวอาจะปลุกด้วยวิธีอื่นดีมั้ย?"
อาธนินพูดขู่ออกมาแต่เหมือนกับว่าจะทำจริงๆ เพราะสายตาร้อนระอุของอาธนินที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความเสน่หาแก้มของมินดาเปลี่ยนสีทันทีที่ถูกจ้องอย่างตั้งใจแบบนั้น
"จะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ"
ร่างบางลุกขึ้นมานั่งอย่างงัวเงียและอ้อยอิ่งดั่งกับเด็กน้อยที่ถูกปลุกให้ไปโรงเรียนยามเช้าตรู่
"เดี๋ยวอาไปรอที่โต๊ะอาหารนะ..ถ้าช้าจะไปตามถึงห้องน้ำ"
"ไม่นะคะ!"
ร่างเพรียวรีบวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำไปทันที มุมปากของธนินประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างเอ็นดูเมื่อลับตามินดาแล้ว เขาผ่านผู้หญิงมาเยอะแต่ไม่เคยเจอใครที่ไร้เดียงสาขนาดนี้มาก่อน
'เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะมินดา..ถึงทำให้คนอย่างชั้นเผลอยิ้มออกมาได้บ่อยๆ ขนาดนี้...แต่อดีตมันเจ็บปวดเกินกว่าที่ชั้นจะให้ใจใครได้อีกแล้ว ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาพวกเธอจะเป็นได้แค่คู่นอนหรือเธอที่เป็นเมียก็เป็นได้แค่เมีย..ชั้นจะไม่มีวันให้ใจใครอีก'
14:00
อาธนินพามินดาออกไปเที่ยวและช้อปปิ้งไปทั่วในสถานที่ขึ้นชื่อของสิงคโปร์ไม่ว่าจะไปถ่ายรูปที่รูปปั้นเมอร์ไลอ้อน ไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าสิงคโปร์ฟลายเออร์ ถึงจะรำคาญที่มีผู้ติดตามเพื่อรักษาความปลอดภัยของอาธนินในสิงคโปร์เยอะแยะไปหมดแต่ก็คงเว้นระยะห่างเอาไว้ ส่วนอาธนินก็ทำตัวอบอุ่นมาก
'แบบนี้มั้ยนร้าา ที่เค้าเรียกว่าแดดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ'
มินดายิ้มเขินออกมาเมื่อนึกขึ้นมาแบบนั้น ตอนนี้เธอรู้สึกว่าจะหลงสามีเอามากๆ ความอบอุ่นแบบนี้ที่เธอกำลังตามหา
"อยากได้อะไรเพิ่มอีกมั้ย?"
"ไม่ค่ะ..ไม่ได้อยากได้อะไร..มินดาซื้อของฝากให้ต้นข้าวเรียบร้อยแล้วค่ะ"
"ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นของอาคงจะดีใจที่อาถามแบบนี้..แต่เธอกลับไม่ได้อยากได้อะไร..แปลกคน"
มินดาถึงกับหุบยิ้มที่ได้ยินอาธนินพูดออกมาแบบนั้น
"ผู้หญิงคนอื่น.."
มินดาถามย้ำออกมาเบาๆ อีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
"ตอนไม่แต่งงานอาก็ต้องพาผู้หญิงมาออกงานทุกครั้งนั้นล่ะ..ไม่มีก็ไม่ได้..มันเป็นปกติของนักธุรกิจที่จะควงผู้หญิงมา"
"คุณอาคงจะดูแลเทคแคร์พวกเธอเหล่านั้นดีทุกคนเหมือนทำกับมินดาใช่มั้ยคะ?"
"ถูกแล้ว..ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของอาทุกคนจะได้ไปจากอาไม่น้อยอยู่แล้ว"
มินดาถึงกับน้ำตาซึมที่ได้ยินอาธนินพูดออกมาแบบนั้นความเจ็บจี๊ดมันผุดขึ้นมากลางใจ ดอกรักที่ปักอยู่กลางอกเริ่มสั่นเอนไปตามอารมณ์ของความหวั่นไหวทันที
"ถ้าไม่อยากได้อะไรแล้วกลับกันเถอะ...คืนนี้ต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยง"
"ค่ะ"
มินดาเงียบงันลงจนธนินนึกแปลกใจที่ความสดใสเมื่อสักครู่ของเธอหายไปราวกับเป็นคนล่ะคน
'เป็นอะไรขึ้นมาอีก..ผู้หญิงเอาใจยากจริงๆ ..หรือยังอยากได้อย่างอื่นอีก'
19:00
มินดาในชุดราตรีสีแดงเลือดนกทรงหางปลาปักเหลื่อม ผมถูกม้วนลอนและเกล้าต่ำให้อยู่บริเวณท้ายทอยไม่เน้นเครื่องประดับ ลำคอระหงของมินดาประดับไปด้วยเครื่องเพชรราคาแพงที่ธนินเตรียมไว้ให้ เขามองมินดาอย่างตกตะลึงในความสวยหวานดั่งดุจเจ้าหญิงของเธอด้วยฝีมือการแต่งหน้าของช่างแต่งหน้าทำผมชื่อดังที่ธนินจ้างมาในราคาแพง
"คุณค่ะ..สามีของคุณมองคุณตาค้างเลยนะคะ"
ช่างแต่งหน้าแต่งตัวของมินดาแซวขึ้นมาหลังจากที่พามินดาออกมาจากห้องแต่งตัวเพื่ออวดโฉมให้กับธนินเห็น ซึ่งธนินนั้นคงสวมสูทตามปกติแต่วันนี้การเซทผมและสีของสูทจะดูเป็นทางการมากกว่าวันปกติ
"ไปกันเถอะ...สายแล้ว"
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูห้าดาวแห่งหนึ่งในห้องBallroomที่รองรับนักธุรกิจนับพัน ธนินเดินเคียงคู่เข้ามากับมินดาที่ตอนนี้กำลังเดินคล้องแขนเขาอยู่ ทันทีที่เข้ามาถึงก็มีนักข่าวในแวดวงของธุรกิจมารุมถ่ายรูปเพราะวันนี้เหมือนธนินจะมาเปิดตัวภรรยาครั้งแรกด้วย
จึงเป็นที่สนใจต่อสื่อมวลชนมากกว่าทุกครั้ง ซึ่งมินดาก็วางตัวได้ดีในการเข้าสังคมทั้งภาษาเธอก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร เรื่องนี้คงต้องยกความดีความชอบให้บิดาของมินดาที่เข้มงวดกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเกรงว่ามินดาจะทำให้ตัวเองขายหน้า บิดาของเธอมักจะสนใจหน้าตาทางสังคมเป็นอันดับหนึ่งอยู่เสมอมา
"เหนื่อยมั้ย?"
คำพูดที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของธนินเอ่ยออกมาเบาๆ แต่มินดากลับคิดว่าเขาคงจะพูดแบบนี้กับทุกคนหน้าของเธอเลยยังบึ้งตึงอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นมากนัก
เวลาล่วงเลยผ่านไปสักพักซึ่งตอนนี้ก็คงจะประมาน4ทุ่มแล้วทั้งคู่ยังเดินยืนควงคู่กันอยู่ อาธนินยังคงถูกทักทายจากเหล่าบรรดานักธุรกิจด้วยกันซึ่งมินดาก็ฉีกยิ้มให้พวกเขาเหล่านั้นตามมารยาทจนตอนนี้แขกเหรื่อก็ต่างๆก็เริ่มซาลง เวลาในการทำหน้าที่ภรรยาออกหน้าออกตาของเธอในงานเลี้ยงก็ใกล้จะจบลงแล้วเหมือนกัน
"นิดหน่อยค่ะ"
"ธนิน!"
เสียงเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ทั้งคู่หันหน้าไปตามเสียงเรียกทันที
"ทีน่า..."
ผู้หญิงสวยในชุดราตรีสีดำปักเหลื่อมประกายระยิบระยับ แต่แววตาที่มองอาธนินดั่งกับว่าอาธนินคือคนพิเศษของเธอพร้อมกันนั้นเธอก็เข้าไปโอบกอดอาธนินทันที มินดามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ชอบใจมากนักที่มีผู้หญิงคนอื่นมาถึงเนื้อถึงตัวกับสามีของเธอ..แต่มินดาจะมีสิทธิ์ไปว่าอะไรเขาได้ก็รู้ๆกันอยู่ว่า..สัญญาการแต่งงานมันเป็นยังไง
"คุณหายไปไหนมาคะ..ทีน่าคิดถึงคุณเหลือเกิน" ทีน่ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวานออดอ้อน
"ผมคิดว่าเราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดกันอีกแล้วนะทีน่า..วันนี้ผมมากับภรรยา"
ธนินกระซิบตอบทีน่าเบาๆเพราะไม่อยากให้มินดาได้ยินถึงบทสนทนา
"ถ้าคุณไม่มาเคลียร์กับทีน่าดีๆทีน่าจะไปพูดกับภรรยาของคุณให้หมดว่าเราเป็นอะไรกัน"
ธนินหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อโดนขู่แบบนั้น เห็นทีวันนี้เขาคงต้องเคลียร์กับทีน่าให้จบไปจริงๆสักที
"ชาลี"
ชาลีที่ยืนอยู่ใกล้ๆตรงนั้นอยู่แล้วเดินเข้ามาตามเสียงเรียกของผู้เป็นนายทันที
"ครับนาย"
"พาคุณผู้หญิงไปส่งโรงแรมก่อน"
"ครับนาย"
ชาลีเดินมาหามินดา ซึ่งตอนนี้มินดาทำหน้าสงสัยมากที่ได้ยินอาธนินบอกให้เธอกลับไปก่อนเพื่อที่เขาจะไปกับผู้หญิงคนอื่นอย่างนั้นเหรอ?
"คุณผู้หญิงครับ"
"อืม...ฉันได้ยินแล้ว..งั้นไปกันเถอะ"
"งั้นเชิญทางนี้ครับ"
ชาลีผายมือให้ผู้เป็นนายผู้หญิงเดินออกไปก่อน ก่อนที่เขาจะเดินตามออกมาติดๆเพื่อขับรถไปส่งมินดาที่โรงแรมตามคำสั่งของเจ้านายทันที