ตอนที่ 1 อาวรณ์
ณ เมืองอู๋ซี ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันลี้
ดวงตางดงามดุจหยาดน้ำค้างต้องแสงตะวันจ้องมองร่างชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตรงหัวมุมตรอกเล็กๆ ซึ่งไม่ไกลจากระเบียงไม้ที่ร่างแน่งน้อยยืนอยู่นัก คนทั้งคู่คล้ายกับถูกปลดแอกจากพันธนาการต่างๆ ยามเมื่อชายหญิงคู่นั้นสบตากัน สรรพสิ่งโดยรอบคล้ายกับว่ามีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
เหยาเยว่เล่อกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกแสนเจ็บปวด เหตุการณ์เช่นนี้ นางต้องประสบพบเจอมากี่ครั้งแล้ว ตลอดหนึ่งปีที่นางถูกบิดาซึ่งเป็นขุนนางกรมกลาโหมอัปเปหิมาอยู่ที่ต่างเมืองเช่นนี้ นางก็รู้สึกชอกช้ำเหลือทนแล้ว ผู้ใดจะนึกว่าชายงามที่นางหมายตาเอามาเป็นทาสอุ่นเตียง จู่ๆ จะกลายเป็นบ่าวที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเช่นนี้ เขากลับกล้าทรยศลักลอบแอบเล่นชู้กับสาวใช้คนสนิทใต้จมูกนาง วันนี้พ่อบ้านประจำเรือนที่บิดาหมายมั่นให้ติดตามมาคอยควบคุมความประพฤตินางอย่างมู่หลิ่งอินก็เพิ่งจัดการไล่คนทั้งสองไป ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะถวิลหาอาเล่ออย่างมิอาจที่จะตัดใจได้
หยดน้ำดั่งพิรุณแรกแย้มค่อยๆ ไหลรินอาบใบหน้างดงามผุดผ่อง ยามเมื่อสายลมวสันต์พัดกระทบใบหน้างาม ชวนให้คนมองรู้สึกอยากทะนุถนอมนัก
“ข้าเยว่เล่อช่างเป็นคนที่อาภัพนัก แม้แต่สามีก็ยังเขียนใบหย่าไม่ต้องการคนเช่นข้า สวรรค์! ท่านคงสาแก่ใจแล้วกระมัง”
ความโดดเดี่ยวที่ถูกบิดาและสามีทอดทิ้งยิ่งทำให้เหยาเยว่เล่อรู้สึกทุกข์ระทมนัก เมื่อย้อนกลับไปในอดีต ตัวนางช่างคล้ายกับเป็นกาฝากไร้ประโยชน์ที่ไม่มีผู้ใดต้องการเลยจริงๆ
“แค่ไม่เป็นที่ต้องการ ท่านก็คิดจะฆ่าตัวตายแล้วรึ?” มู่หลิ่งอิน พ่อบ้านหนุ่ม หรืออีกในหนึ่งก็คือผู้ที่คอยควบคุมความประพฤติคุณหนูเหยาเยว่เล่อเอ่ยถามขึ้นขณะเดินมาหยุดยืนข้างๆ นาง ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งแฝงไว้ซึ่งความเย็นชาไร้ความรู้สึก
“หึ! สุนัขรับใช้บิดาเช่นเจ้าจะไปรู้อะไร ไสหัวไปเดี๋ยวนี้นะ!” เหยาเยว่เล่อเผยอาการเกรี้ยวกราด ทุกครั้งที่นางเจอบุรุษเช่นมู่ หลิ่งอิน นางแทบอยากจะหยิบดาบแทงคนปากปีจอเช่นเขานัก!
ตั้งแต่นางเป็นเด็ก มู่หลิ่งอินคือชายหนุ่มที่บิดาของนางชุบเลี้ยงเป็นทหารลับชั้นยอด ทว่านางกลับเกลียดคนผู้นี้เท่ากระดูกดำ แม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาดุจพยัคฆ์ของเขาจะเป็นที่ต้องตาหมายปองของเหล่าสตรีมากมายในเมืองหลวง ทว่าลับหลังผู้คนคนผู้นี้กลับชอบกลั่นแกล้งนางไม่เว้นวัน!
บิดา! ท่านคงเกลียดชังข้ามากสินะ ที่ส่งคนเช่นมู่หลิ่งอินมาคอยติดตามข้าทุกฝีก้าวเช่นนี้ ที่จวนสกุลเหยาใช่ว่าจะขาดแคลนผู้คน ไยท่านถึงได้ใจร้ายกับข้าส่งคนสารเลวเช่นเขามาคอยควบคุมข้าด้วย!
“…” เหยาเยว่เล่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะจ้องมองอีกฝ่ายราวอริศัตรู
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ไป…ท่านจะทำอะไรข้ารึ?” มือหนาพลันเกี่ยวเอวคอดกิ่วมาอยู่ในอ้อมกอดราวกับไม่ใส่ใจถึงความแตกต่างในฐานะของเขาและนาง
“เจ้ากล้าดียังไงมากอดข้า ปล่อยนะ!” เหยาเยว่เล่อใช้กำปั้นของนางทุบตีไปที่แผงอกแกร่งของพ่อบ้านหนุ่ม ทว่ามู่หลิ่งอินกลับยิ่งเพิ่มแรงกอดรัดนางแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ในฐานะที่ข้าเป็นพ่อบ้านและผู้คอยคุ้มกันความปลอดภัยของท่าน การที่คุณหนูทำเรื่องเหลวไหลคิดจะฆ่าตัวตายเช่นนี้ พ่อบ้านเช่นข้าไม่ห้ามปรามได้อย่างไรไหว” มู่หลิ่งอินเอ่ยหน้าตายขณะกอดรัดร่างนุ่มนิ่มไม่ยอมปล่อย
“ผู้ใดจะฆ่าตัวตาย เจ้าตาบอดรึ? ไม่เห็นหรือไรว่าข้ายืนชมวิวทิวทัศน์อยู่บนนี้แท้ๆ” เหยาเยว่เล่อเอ่ยอย่างเหลืออด นางแค่อาลัยอาวรณ์คู่ขาของนางเงียบๆ ไยคนหน้าไม่อายเช่นมู่หลิ่งอินถึงชอบสอดมือมายุ่งย่ามกับเรื่องของนางนักนะ ที่ผ่านมาเขายังกลั่นแกล้งนางไม่พออีกหรือไร
“ข้าเห็นแต่สตรีขี้แยที่มายืนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนนี้”
“จะมากไปแล้วนะมู่หลิ่งอิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของข้า!” ดวงตากลมโตถลึงจ้องอีกฝ่ายด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
คิ้วรูปดาบเลิกขึ้น “แล้วอย่างไร?”
“สารเลว!” มือเล็กเงื้อขึ้นฟาดไปที่ใบหน้าหล่อเหลา ทว่าพ่อบ้านหนุ่มเช่นมู่หลิ่งอินมีหรือจะยอมให้คุณหนูเช่นนางฟาดโดนใบหน้าเขาได้
“นี่เจ้า! เจ้า! ปล่อยมือข้านะ!” เหยาเยว่เล่อตะคอกเสียงดังลั่น นางถูกบุรุษสารเลวเช่นเขารวบตรึงข้อมือทั้งสองข้างไว้ในมือเดียว
“ข้าไม่ปล่อย”
“ข้าจะฟ้องบิดา อยากรู้นักว่าถ้าหากท่านพ่อรู้ว่าสุนัขรับใช้เช่นเจ้ากล้าเหิมเกริมไม่เจียมตัวกับข้าเช่นนี้ บิดาจะจัดการกับเจ้าเช่นไร!?” เหยาเยว่เล่อพูดขึ้นด้วยอารมณ์เดือดดาล ใบหน้างามตอนนี้แดงก่ำไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นอย่างถึงขีดสุด
“สตรีที่ถูกสามีเขียนใบหย่าให้กลับบ้านเดิม แถมบิดาที่รักหน้าเท่าชีวิตเช่นเจ้ากรมจั้นกลับมองว่าบุตรสาวเช่นเจ้าเป็นรอยด่างพร้อยของวงตระกูล คุณหนู…ถ้าท่านคิดว่าข้ารังแกเจ้ามากเกินไป ก็เชิญร่อนจดหมายไปหาบิดาเถอะ!” คำพูดของมู่หลิ่งอินช่างแทงใจดำนัก เล่นเอาร่างแน่งน้อยถึงกับสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดและสะเทือนใจ