ตอนที่ 3
กินตับ(หมู) ฟินมากกกกก^^ 100%
“นี่คุณ! อยู่เงียบๆ ก็ไม่มีใครเขาว่าเป็นใบ้หรอกนะ” แหมะ! แต่ละคำที่แม่คุณสวนกลับมา ทำเอาอรรคณิตผู้ไม่เคยมีใครต่อปากต่อคำถึงกับสะอึกเบาๆ
แก้วกัญญาตักเครปเค้กใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติละมุนลิ้นสุดๆ จากนั้นเรียวปากกระจับก้มลงดูดกาแฟปั่น กลิ่นหอมกรุ่น อรรคณิตเหลือบสายตาเห็นแล้วอดคิดอกุศลไม่ได้ ถ้า ‘ปาก’ แม่คุณเปลี่ยนจาก ‘ดูดหลอด’ มา ‘ดูด’ อย่างอื่นจะ ‘เสียว’ สะท้านแค่ไหน...
เพราะแค่คิดก็ ‘เสียว’ จนขนกายเส้นเล็กลุกไปทั้งตัวแล้ว จอมหื่นพยายามควบคุมสติและอารมณ์ก่อนที่ ‘น้องชาย’ สุดรักจะทำขายหน้า
“งั้นก็ตอบตกลงมาสิ ว่าเย็นนี้จะไปกินหมูกระทะกับผม”
ด้วยความที่ไม่อยากต่อปากต่อคำ แก้วกัญญาจึงปฏิเสธอย่างรักษามารยาท “เมื่อวานฉันก็กิน วันนี้กินอีก น้ำหนักขึ้นแน่ๆ” พูดจบเคี้ยวเครปเค้กตุ้ยๆ อรรคณิตเห็นแล้วมองเพลินแต่ไม่ลืมพูดจาหว่านล้อม
“ถึงว่าได้ ‘อ้วน’ ไม่รักษาน้ำใจคนมองแบบนี้!”
“คุณณพ!”
“ล้อเล่นน่ะครับ” คำว่า ‘ล้อเล่น’ ของเขานั่นล่ะมันน่าเจ็บใจ หุ่นสรีระอันอรชรใช่เรื่องเอามาล้อเล่นไหม???
“เดี๋ยวเถอะคุณ!” นัยน์ตาเขียวปัดเห็นแล้วมันเขี้ยวชะมัดยาด อรรคณิตมองสักพักแล้วเอ่ยเอาใจ
“ไม่อ้วนหรอกน่า เลือกกินหมูที่ไม่ติดมันเอา”
“แต่ติดมันอร่อยกว่านี่นา”
มองเห็นปากกระจับที่ทำยื่นออกมาแล้วมันเขี้ยวสุดๆ จึงตัดบทออกไปว่า “งั้นก็กินโลด! เดี๋ยวผมพาออกกำลังกายในร่ม”
แก้วกัญญาหูผึ่ง พักการกินเอาไว้แล้วเอ่ยถามเสียงห้วน สมองคิดตาม...
“อะไร? ออกกำลังกายในร่ม อย่ามาลามกใส่ฉันนะ” คนหื่นยิ้มกริ่ม ยิ่งเห็นปากจิ้มลิ้มคู่งามขยับขึ้นลงยิ่งพอใจ ก่อนจะเอ่ยแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แค่จะพาตีแบดในโรงยิม ผู้หญิงอะไรสมองหื่นกว่าผู้ชายอีก”
“ไอ้คุณตำรวจบ้าเอ๊ย” บ่นอุบด้วยความอับอาย ก็ผู้ชายพันธุ์หื่นตรงหน้าสิ! ไม่รักษาหน้าเธอสักนิด พูดเสียงดังฟังชัดเจนสองรูหูจนคนในร้านต่างหันมามอง...
แก้วกัญญารีบก้มหน้าทานเครปเค้กที่เหลือกลบเกลื่อนความอาย แต่ต้องชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด เมื่อคนนั่งร่วมโต๊ะไม่ยอมหยุดปาก พูดนั่น แหย่นี่ ไม่รู้พ่อคุณไปอดพูดมาจากไหน ทั้งๆ ที่วันนี้เขาก็พูดทั้งวัน ผู้ชายปากมาก!
แม้จะไม่อยากมา แต่ว่าตอนนี้แก้วกัญญานั่งอยู่ร้านหมูกระทะเป็นที่เรียบร้อย และอรรคณิตก็เลือกโต๊ะที่อยู่ไกลตาผู้คนพอควร เป็นโต๊ะริมๆ มองเห็นภาพวิวสวยงามเพราะตัวร้านตั้งอยู่ติดกับริมน้ำ บริเวณขอบมีรั้วโมเดิร์นสีขาวกั้นไว้ มีลูกไฟสลัวหลากสีประดับอยู่ บรรยากาศคล้ายๆ ดินเนอร์
พอก้นแตะเก้าอี้ ก็มีสตรีสาวสวยเดินนวยนาดเข้ามาทักทาย ในมือถือสมุดเล่มเล็กๆ สำหรับจดออเดอร์
“สวัสดีค่ะ วันนี้กี่ที่คะ” มุมปากหยักของคนเจ้าชู้กดหยักลึกแล้วเอ่ยตอบเสียงทุ้ม
“สองที่ครับ เครื่องดื่ม ‘พี่’ ขอเป็นน้ำเปล่านะหนู” สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองและเรียกหญิงสาวตรงหน้าทำให้แก้วกัญญาขมวดหัวคิ้วด้วยความแปลกใจ พลันหมั่นไส้พ่อคนหน้าหม้อ ที่หม้อได้ทุกที่ทุกเวลา
สงสัยแม่คนตรงหน้าจะเป็นบรรดาเมียๆ ทั้งหลาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนที่เท่าไร
และแปลกประหลาดเมื่อพ่อคุณสั่งน้ำเปล่า เพราะโดยส่วนใหญ่เธอมักจะเห็นผู้ชายจิบเบียร์เย็นๆ ไม่ใช่หรอกเหรอ ทำไมผู้ชายตรงหน้าคนนี้ถึงสั่งน้ำเปล่า หรือว่าเขาต้องการสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นคนดี ขณะคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นพลันสะดุ้งตื่นตกใจ ครั้นหูได้ยินเสียงเข้มทุ้มเอ่ยถาม
“คุณเอาอะไรเพิ่มไหม”
“อะ อ๋อ ไม่ค่ะ” ลิ้นเล็กแทบพันกัน เพราะไม่ทันคิดว่าต้องมาตอบคำถามจากผู้ชายที่ตนกำลัง(แอบ)นินทาในใจ
ส่วนผู้หญิงสวยเปรี้ยวในชุดเซ็กซี่นั้นมองหน้าครูสาวแล้วกดมุมปากยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปหานายตำรวจหนุ่ม ซึ่งอรรคณิตเห็นแล้วยักคิ้วส่งให้แม่คุณทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปหลังจากรับออเดอร์เรียบร้อย ปล่อยให้บริเวณนั้นเป็นของสองหนุ่มสาว แล้วแก้วกัญญาก็เผลอปากโพล่งออกมาจนได้เรื่อง
“ท่าทางคุณสนิทกับสาวเสิร์ฟนะคะ” ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าครูสาวต้องการค่อนแขวะ แต่มีหรือที่คนเจ้าเล่ห์จะร้อนรนหรือเป็นกังวลใจ ตรงกันข้ามเขาโคตรพอใจสุดๆ เพราะหญิงถามแบบนี้ แสดงว่าหญิงหวงและหึง ถ้าเซ้นส์เขาไม่ผิดพลาดหรือคิดเข้าข้างตนเองไปหน่อยนะ
มองใบหน้าสวยงามแล้วเอ่ยบอก “สาวเสิร์ฟที่ไหน นั่นลูกสาวเจ้าของร้านนะครับ แล้วเขาก็เพื่อนน้องชายผม”
‘มิน่าล่ะ สนิทกันจัง’ ครูสาวเหน็บในใจ แล้วเอ่ยแก้เก้ออกมากลบเกลื่อนอาการที่กำลังเป็นอยู่
“อ้าวเหรอคะ” อรรคณิตเห็นใบหน้านวลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อแล้วมันเขี้ยว ปนคันปากอยากเย้าแหย่และไม่รีรอให้เสียเวลา
“ทำไมครับ หึงเหรอ” คำถามทื่อๆ ตรงๆ ของเขานี่ล่ะ ทำเอาแก้วกัญญาจะหัวคะมำหลายครั้ง และด้วยความที่เป็นคนขี้อายจึงทำให้หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบกลับเสียงแผ่วเบา
“จะหึงทำไม ฉันไม่ใช่แฟนคุณสักหน่อย”
คนเจ้าเล่ห์ยิ้มพอใจเพราะเข้าทางเต็มๆ “อยากเป็นแฟนไหมล่ะ จะได้หึงผมเต็มที่เลย”
“เดี๋ยวบรรดาเมียๆ ทั้งหลายของคุณมาถล่มกบาลฉัน” โต้ตอบได้อย่างคล่องปาก จากนั้นเสมองไปทางอื่น เพราะถ้าสบตาหรือเห็นหน้าเขาแบบเต็มๆ นี่เธอได้อายจนหน้าแหกแน่!
“ฮ่าๆ เข้าใจพูดดีเนอะ” นายตำรวยหนุ่มหรี่ตามองพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด และเพิ่งสังเกตนี่ล่ะว่าบริเวณเรียวปากสวยกระจับนั้นมีจุดเล็กๆ ถึงสามจุด ถึงว่าแม่คุณได้เถียงคำไม่ตกฟาก เห็นเงียบๆ หงิมๆ ที่จริงปากโคตรจัด!
ระหว่างทอดสายตาคมด้วยความเพลิดเพลินนั้น หญิงสาวได้กล่าวย้อนไปถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น เมื่อคราวเธอกับเขาพบกันครั้งแรก...
“ก็จริงไหมล่ะคะ ขนาดฉันไปจ่ายค่าปรับเมื่อคราวก่อนนู้น! ‘เมีย’ คุณยังโทรตามเลย” แปลกที่อรรคณิตไม่ยักแสดงอาการโกรธแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับมีความสุขเมื่อโดนเหน็บเรื่องผู้หญิง และถ้าไม่คิดเข้าข้างตนเองไปหน่อย ก็พอรู้ว่าเธอสนใจเขา(ไม่มากก็น้อย) ไม่งั้นแม่คุณจะเก็บรายละเอียดทุกเม็ดแบบนี้เหรอ...
.........“เห็นเชยๆ แบบนี้ไม่น่าขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดนะครับ” ตำหนิตรงๆ ต่อหน้าคนทั้ง สน. จะไม่ให้ครูสาวอย่างแก้วกัญญาโกรธได้อย่างไร แล้วที่ยอมไม่ได้คือเขาหาว่าเธอแต่งตัว ‘เชย’ ว่ามาได้น่ะพ่อคุณ
ด้านคนรู้ตัวว่าผิดและโดนปรับพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ดึงสติ เรียบเรียงคำพูดแล้วจึงกล่าวออกมา
“ถ้าไม่รีบ ฉันก็ไม่ขับเร็วหรอกค่ะคุณตำรวจ” น้ำเสียงในตอนท้ายห้วนกระแทกจนนายตำรวจหนุ่มหล่อคันปากอยากจะกวนประสาทให้แดดิ้น
“รีบไปส่งลูกหรือรีบไปส่งสามีล่ะครับ”
ป๊าดดดดด! แก้วกัญญาถึงกับกรีดร้องเป็นภาษาอีสานซึ่งเธอแอบจำมาจากเพื่อนสมัยเรียนอยู่ในใจ พูดมาได้ว่าเธอรีบไปส่งลูกส่งสามี ถ้าไม่อยากมีข้อหาเพิ่มเธอต่อยไอ้เจ้าหน้าที่ปากสุนัขนี่ไปนานแล้ว เห็นเงียบๆ เรียบร้อยแต่ก็ต่อยหนักเหมือนกันนะ พ่อกับพี่ชายสอนต่อยมวยประจำเถอะ!
“เรื่องของฉันค่ะ จะรีบไปส่งลูกหรือส่งสามีก็ไม่เกี่ยวกับคุณ!” ใบหน้านวลงามแดงเถือกด้วยความโมโหระคนอับอาย ก็ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนอยู่ใน สน. ต่างหันมามองซะ!
คราวแรกอรรคณิตอยากจะอบรมมารยาทบนท้องถนนให้แม่คุณสักหน่อย แต่พอต่อปากต่อคำไปนานๆ ชักคันปากอยากจะเอาชนะ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุขึ้นเลขสามไม่มีสตรีคนใดในโลกกล้าเถียงเขาสักคน เว้นแต่ยัยป้าตรงหน้า!
“คราวหลังถ้ารีบ ควรเผื่อเวลาเดินทางด้วยนะครับจะได้ไม่โดนใบสั่งแบบนี้”
แก้วกัญญาตวัดสายตามองแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าได้ค่าปรับแล้วกรุณาให้ใบเสร็จด้วยค่ะ”
“อย่าเพิ่ง! ขออบรมมารยาทบนถนนเสียก่อน ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมามันไม่ใช่แค่คุณ แต่เป็นคนทั้งถนน พึงระลึกไว้ด้วยนะครับ ก่อนทำใบขับขี่ก็ได้อบรมจราจรไม่ใช่เหรอ หรือว่าคุณซื้อเอา ใบขับขี่น่ะ”
แก้วกัญญาเพิ่งเคยประสบพบเจอกับผู้ชายพันธุ์นี้ ผู้ชายบ้าอะไรปากจัดจ้านกว่าผู้หญิง ผู้ชายอะไรกวนประสาทได้โมโหสุดๆ และที่สำคัญมาหาว่าเธอซื้อใบขับขี่! ทั้งพ่อ ทั้งพี่ชายนะคะ หัดขับรถให้และพาไปสอบใบขับขี่น่ะ เห็นแบบนี้รอบเดียวผ่านค่ะ บอกเลย!
แล้วประเด็นวันนี้คือเธอขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทั้งที่ก่อนหน้าเธอไม่เคยฝ่าฝืนกฎจราจรแม้แต่ครั้งเดียว เนื่องจากรีบและเห็นว่าถนนโล่งจึงเหยียบคันเร่งค่อนข้างเพลิน ทำให้โดนใบสั่ง กอรปกับรีบเข้าประชุมจึงได้มาจ่ายค่าปรับตอนเย็น และทำให้เจอตำรวจเขา ‘ตำรวจจอมกวนประสาท’
“นี่คุณ!”
“อ๊ะๆ อย่าตวาดใส่เจ้าหน้าที่นะครับ เดี๋ยวเจออีกกระทง”
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ครูสาวจึงได้แต่ทำท่าทางฟึดฟัดแล้วบ่นอย่างขัดใจ “ฮึ่ย! ไอ้คุณตำรวจอวดเบ่งเอ๊ย!”
อรรคณิตเตรียมเปิดปากต่อว่า แต่ต้องชะงักและกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงคอ เพราะสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสั่นเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า
ครืดๆ ครืดๆ
“เวรนรก!”
แก้วกัญญาได้ยินคำสบถไม่สุภาพของเขาแล้วย่นจมูกใส่พลางเหน็บเบาๆ “ชิ! เวลางานแต่ทำเรื่องส่วนตัว”
อรรคณิตจะต่อว่าก็ไม่ทันอ้าปาก เมื่อเจ้าสมาร์ทโฟนสั่นไม่ยอมหยุด นึกโมโหในใจและถ้าไม่เสียดายตังก์เกือบสามหมื่นเขาปามันทิ้งลงถังขยะไปนานแล้ว
ครืดๆ ครืดๆ
“รับแล้วโว้ยยย รับแล้ว!”
มองหน้าจอแล้วรำคาญนัก! พ่อมหาเศษรฐีใหญ่ วันๆ นี่ว่างจัด โทรนัดคนโน้นคนนี้ไปแดกเหล้า! และกำลังจะยกสมาร์ทโฟนขึ้นแนบหูแต่ต้องชะงักมือค้างเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงหวานห้วนเอ่ยแทรก
“ก่อนจะรับโทรศัพท์ ขอใบเสร็จด้วยค่ะ”
อรรคณิตครางจิ๊จ๊ะในลำคอ แล้วเขียนอะไรยุกยิก ก่อนจะยื่นส่งให้เธอพร้อมเอ่ยกระตุ้นก้านประสาทให้โมโหอีกระลอก
“คราวหน้าถ้ารีบไปส่งลูก ส่งผัวก็ควรเผื่อเวลาด้วยนะครับ”
“...” แก้วกัญญาไม่ตอบ เพียงแต่ส่งค้อนงามๆ ให้ กลีบปากบางขยับบ่นอุบอิบ
“ฝากไว้ก่อนเหอะ”………
แม้เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านมาหลายเดือน แต่นายตำรวจหนุ่มยังจำได้ดี ถ้าเขากับเธอเป็นคู่ครองแต่งงานมีลูกเต้าด้วยกัน ก็คงจะเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้เล่าให้ลูกฟัง ‘ครั้งแรกที่พ่อและแม่เจอกัน ^_^’
“เฮ้ย! ผมยังไม่มีเมีย อย่าเพิ่งเข้าใจผิด” อรรคณิตรีบบอก เพราะถ้าเธอเข้าใจผิดคิดว่าเขามีเมียแล้ว มีหวังขายไม่ออกพอดี
แก้วกัญญามองหน้าแล้วเอ่ยเหน็บให้เจ็บทรวงเบาๆ
“เชื่อไม่ได้หรอกค่ะ ผู้ชายสมัยนี้ ‘แรด’ กว่าผู้หญิงและยังปากร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ โดยเฉพาะ ‘คุณ’ ที่หาว่าฉันขับรถเร็วเพราะรีบไปส่งลูกส่งสามี คิดไปได้เถอะคนเรา” ทำปากยื่นเหมือนลูกเป็ดตัวเล็กๆ จนคนโดนต่อว่ารู้สึกมันเขี้ยว จึงกระตุ้นก้านประสาทด้วยการโยนคำบาดใจลงไป
“ฮ่าๆ ผมนึกว่าคุณแต่งงานแล้ว เห็นแต่งตัวซะ ‘ป้า’ เชียว” แก้วกัญญาหูผึ่ง ‘ป้า’ งั้นเหรอ! ข้อนี้ยอมไม่ได้จริงๆ หญิงสาวรีบโต้กลับทันควัน
“ป้าตรงไหนคะ ฉันออกจะสวย” ความมั่นใจไม่มีใครเกินเธออยู่แล้ว แม้จะเป็นคนไม่พูด เงียบๆนิ่งๆ แต่บอกตรงๆ เลยว่า ‘มั่น’ มาก!
อรรคณิตได้ยินสำลักน้ำเสียงดังแค่กๆ ก่อนจะเอ่ยเหน็บให้ครูสาวโมโห
“สวยจนฟ้าลั่น!” ช่างคิดเปรียบเปรยเสียจริงๆ แก้วกัญญาได้ยินแล้วตวัดตาเขียวปัดพลันก่นด่าในใจ ครั้นจะร่ายยาวออกมาก็เกรงใจโต๊ะข้างๆ กอรปกับเวลานั้นหมูสามชั้นที่ย่างอยู่บนเตาเริ่มสุก หลังจากย่างทิ้งไว้สักพัก
“คุณ!!”
อรรคณิตมองคนไม่ยอมแพ้ที่รั้งแต่จะเถียงเขาให้ชนะ ส่ายศีรษะแล้วเอ่ยบอกปัดเบาๆ
“กินๆ มัวแต่ทำหน้างอเป็นจวักตักแกงอยู่นั่น ไม่ได้กินพอดี” แม้แต่บอกให้เธอกินก็ยังไม่วายเหน็บ อยากจะเอาหน้าผากเขกโต๊ะสักสิบที พ่อคุณเอ๊ย!
ผู้ชายอะไรปากจัดชะมัด ถ้อยคำที่ยกมานี่เหน็บเจ็บทรวงยิ่งกว่ากวีสมัยก่อนอีก!
มือใหญ่พลิกหมูสามชั้นชิ้นบางๆ ที่กำลังสุกและส่งกลิ่นหอม แล้วคีบใส่จานให้เธอ
“เอ้านี่ กินเยอะๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะได้ล้างจานหรอกนะครับ! วันนี้ผมมีตังค์จ่าย” ไม่เพียงแค่คีบหมูส่งให้ แต่ชายหนุ่มบริการเพิ่มโดยตักน้ำจิ้มรสแซ่บใส่ แต่ต้องชะงักมือเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงหวานร้องห้าม!
“น้ำจิ้มไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ชอบ”
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ผู้หญิงบ้าอะไรแปลกประหลาด! แปลกแต่สากกะเบือยันเรือรบ เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเห็น!
จากนั้นชายหนุ่มคีบตับที่ย่างสุกใส่จานให้ จะปฏิเสธก็ไม่ทันการณ์ เมื่อพ่อคนเผด็จการประเคนมันใส่จานเธอเรียบร้อย ครูสาวจึงเอ่ยเพียงว่า
“ขอบคุณค่ะ”
ด้วยนิสัยชอบสังเกตเป็นทุน ทำให้ผู้กองหนุ่มเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับหญิงสาวแทบทุกอย่าง นอกจากแม่คุณจะไม่ชอบกินน้ำจิ้มแล้ว ยังไม่กินกุ้งและบรรดาหมูหมักต่างๆ เลือกกินแต่หมูสามชั้นสไลด์แผ่นบางๆ และที่สำคัญไม่กินผัก แต่กลับชอบซดน้ำซุปต้มในหม้อ...
นัยน์ตาคมมองกลีบปากเล็กที่ขยับขึ้นลง ดูท่าว่าสาวเจ้าจะมีความสุขในการกินมากๆ และเขาเองก็เป็นคนย่างหมูใส่จานให้ตลอดเวลา เพราะส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบกินเนื้อแต่จะกินพวกของทะเล หมึก กุ้ง หอย ปู ปลา และตับ พร้อมกับบรรดาผักต่างๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะกะหล่ำปลีที่ต้มนานๆ แล้วกินกับน้ำจิ้มนี่โคตรอร่อย!
ไม่ใช่แค่อรรคณิตที่จ้องมองเก็บรายละเอียด เพราะแก้วกัญญาก็แอบมองเขาเช่นกัน ผู้ชายคนนี้แปลกไม่แพ้เธอหรอก คนบ้าอะไรกินต้มผักใส่กับข้าวโพดเป็นว่าเล่น ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ต้องมานั่งกินหมูกระทะให้เปลืองตังก์หรอกมั้งพ่อคุณ! ซื้อผักที่ตลาดไปต้มใส่ข้าวโพดกินอยู่บ้านก็แล้ว ประหยัดกว่าเยอะ!
ขณะเคี้ยวหมูแผ่นบางๆ กลิ่นหอมๆ เพลินๆ อยู่นั้น หูพลันได้ยินเสียงทุ้มเอื้อนเอ่ย
“ถามจริงนะครับ คุณเคยมีแฟนหรือเปล่า”
“มีหรือไม่มี เกี่ยวอะไรกับคุณคะ”
คนถูกย้อนพักมือจากการปิ้งย่างแล้วเอ่ยจริงจัง เพราะเขาเองก็ไม่คาดฝันว่าเธอจะย้อนได้น่ามันเขี้ยวแบบนี้ ให้ตายเถอะ!
“ผมไม่อยากจะเชื่อน่ะสิ ว่าผู้หญิงที่โตมาจนอายุย่างเข้าเบญจเพสอย่างคุณ จะไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง”
แน่นอนว่าคนสัญชาตญาณแม่นอย่างเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเธอไม่เคยมีแฟน และแก้วกัญญาเองก็ชะงักนิดๆ ก่อนจะทำตัวให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยบอก
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะค่ะ ฉันไม่เคยมีแฟนจริงๆ”
อรรคณิตมองจ้องคนสวยตรงหน้าแล้วยกขยับกลีบปากหยักเร้าใจเอื้อนเอ่ย “แต่ข้างในนัยน์ตาคุณไม่ได้บอกอย่างนั้นนะ มันเหมือนมีอะไรซ่อนเร้นอยู่”
คนเคยมีอดีตฝังใจแค่นยิ้มออกมาแล้วเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่าๆ ไม่มีใครกล้าจีบฉันหรอกค่ะ พ่อหวง พี่ก็โหด มนุษย์เพศผู้ตนใดหลุดเข้ามา มีหวังได้ของต้อนรับเป็นลูกตะกั่วร้อนๆ แน่นอน” และมันก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟน แต่อีกเหตุผลนั้นไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนใกล้ชิด เว้นแต่ผู้ชายปากจัดตรงหน้านี่ล่ะ ที่ทำให้เธอเจ็บจี๊ดถึงหลืบเร้นหัวใจ
“อยากรู้จริงเชียวว่าโหดสักแค่ไหน”
“อย่าเสี่ยงเลยค่ะ ทั้งคุณพ่อ ทั้งพี่ชายของฉันเขาแม่นปืนทั้งคู่ คุณพ่อท่านสอนพี่ชายฉันยิงปืนตั้งแต่สามขวบแน่ะ”
“ผมก็แม่นปืนเหมือนกัน”
ได้ยินแล้วหมั่นไส้ เธอจึงกระแทกคำห้วนใส่อย่างไม่เกรงใจ
“ขี้อวด”
“เฮ้ย! พูดจริง! ผมที่หนึ่งของรุ่นนะครับ เป้าบินไม่เคยพลาด แม่นยิ่งกว่าจับวางนะ บอกเลย!”
“คุณตำรวจรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณเป็นคนขี้อวดและอวยตัวเองมากๆ”
“อวยตรงไหนครับ เขาเรียกว่าโฆษณาตนเองให้สาวมาสนใจต่างหาก” สาบานว่านี่คือ ‘มุข’ เสี่ยวๆ ไม่ใช่วิธีหลีหญิงของเขา ผู้ชายบ้าอะไรโฆษณาตัวเองยิ่งกว่าโฆษณาขายสินค้า
“เสียใจอย่างยิ่งค่ะ หนึ่งในนั้นไม่มีฉันแน่นอน!” ย้อนกลับแค่นี้ไม่ได้ทำให้ ‘หม้อตัวพ่อ’ ย่อท้อง่ายๆ เขาน่ะชั้นเซียน สาวสวย รวย เชิด หยิ่ง ที่ว่าจีบติดยากๆ น่ะนะ เจอมุขเสี่ยวๆ เข้าไปถึงกลับ ‘ไม่รอด’
แก้วกัญญาก็เริ่มเคลิ้มคล้อยตาม แต่ต้องปรี๊ดลั่นลมร้อนผ่าวพุ่งออกจากรูหู เมื่อท้ายประโยคผู้ชายปากร้ายกาจเหน็บให้เจ็บชนิดลืมไม่ลง “แต่ผมอยากให้คุณเป็นหนึ่งในนั้นนะครับคุณครูหมูป่า”
“อ๊ายยยย! เลิกเรียกฉันว่า ‘หมูป่า’ สักทีเถอะค่ะ น่าเกลียด!” จมูกรั้นเชิดๆ ของคนที่เขาชอบเรียกว่า ‘หมูป่า’ เห็นแล้วอยากจะบิดนัก คันไม้คันมือโคตรๆ
“น่าเกลียดตรงไหนครับ ออกจะน่ารัก” พูดจบนี่พ่อคุณยิ้มหล่อลากไส้ชวนใจละลายจนแก้วกัญญานึกหมั่นไส้ ผู้ชายคนนี้ใช่มีดีที่หน้าตา ทว่าเขารู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดีและไหลลื่นสุดๆ
ส่วนคนยอมพ่ายแพ้ก็คือเธอ เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย เถียงไปก็งั้นๆ ไม่มีทางชนะหรอก!
“งั้นก็เอาที่สบายใจเลยค่ะ”
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นแกมประชดประชัน ได้ยินแล้วมีความสุขสุดๆ แม้เธอไม่ใช่ผู้หญิงสวยหยาดฟ้า แต่ว่ามีมุมสวยๆ ให้มองจนเพลิน จนเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และยังมีมุมแตกต่างจากผู้หญิงหลายๆ คนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต...