ตอนที่ 4
หัวใจต่างหากที่สำคัญ^^
“ฮึ่ย!!”
อรรคณิตหัวเราะหึๆ และคิดในใจอย่างมีความสุข สุขที่ได้อยู่ใกล้กับผู้หญิงแบบเธอ ผู้หญิงไม่หวือหวา ธรรมดาโคตรๆ แต่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขสุดๆ
ตลอดระยะเวลาที่นั่งรถมาด้วยกัน คนข้างกายไม่ยอมพักปากสักที ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ขับรถทั้งขาไปและขากลับ พาเธอเที่ยวจนครบทุกที่ แล้วตอนนี้ก็ยังพูดไม่หยุด ไม่เหนื่อยหรือไง? เพราะเธอน่ะเหนื่อยมาก ตาจะปิดอยู่หลายครั้งแต่ก็เกรงใจ ต้องคอยนั่งเป็นเพื่อนเขา
พอบอกให้หยุดพูดและห้ามชวนคุย พ่อคุณก็เปลี่ยนไปคุยคนเดียว แต่รู้ไหมว่าการคุยคนเดียวของเขานั้นมันสร้างความรำคาญโฮก!
คนลามก ก็ลามกวันยังค่ำ นอกจากจะชอบพูดจาสองแง่สามง่าม และทำให้เธออายอยู่เรื่อยแล้ว เพลงแต่ละเพลงที่พ่อคุณขับร้องออกมานะ เนื้อร้องโคตรอุบาทว์ แน่นอนว่าเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต เพิ่งผ่านกระทบรูหูถึงแกนประสาทก็วันนี้ล่ะ
“หน้ามลจ๋า…นอนตรงๆ ผัวจะขี่ นอนดีๆ ผัวจะขี่อย่างมันๆ เสียวๆ แซ่บๆ เดี๋ยวก็ถึงสวรรค์ ถ้าเมียไม่หายคัน เดี๋ยวผัว ‘เกา’ แรงๆ ถ้าไม่รักผัวไม่แทง ถ้าไม่แรงให้บอกมา อุ๊ย! อะไรใหญ่เท่าเสาไฟฟ้า อุ๊ย! อะไรใหญ่เท่าเสาไฟฟ้า บอกให้นอนอ้าๆ ครางอ๊ะ อ๊า แล้วผัวจะ ‘รัก’ แรงๆ”
“อ๊ายๆๆ ร้องเพลงบ้าอะไรของคุณ” ดุคนตัวใหญ่เสียงดัง จะให้เธอทนฟังต่อไปก็คงไม่ได้ ความคิดที่จะใส่หูฟังต้องเป็นอันยกเลิก เมื่อมือใหญ่วิสาสะยึดเอาเจ้านั้นมาไว้ในครอบครองของตน ครั้นเธอชักสีหน้าตวัดตาเขียวปัดใส่ เขาก็มองทอดด้วยสายตาแพรวพราวแล้วยิ้มอย่างกวนๆ ก่อนจะขยับกลีบปากหยักเร้าใจเอื้อนเอ่ย
“เพลง ‘บ้า’ ที่ไหน เพลง ‘รัก’ ขย่มเมีย ต่างหาก คุณไม่เคยได้ยินเหรอครับ เพลงเขาออกจะดัง” เพลงดังงั้นเหรอ? ดังที่ไหนกันเล่า? เขาแค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น เพราะแท้จริงแล้วเพิ่งแต่งขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ตอนอยู่กับเธอสองต่อสองบนรถนี่แหละ ไม่มีอะไรจะกวน จึงคิดหาอะไรมาออกกำลังกายปาก
อีกคนได้แต่ย่นจมูกแล้วตวาดแว้ดๆ “สารภาพเลยว่า แต่ละท่อนโคตรอุบาทว์”
“อุบาทว์ตรงไหนกัน เนื้อหาดี มีสาระ บอกกระบวนท่าชัดเจน แถมซาวเอฟเฟคให้อีก นี่มันเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีเลยนะครับ คุณว่าไหมหือ...” ละสายตาจากถนนเบื้องหน้า หันมาหาคนข้างกาย แล้วทำท่าอ้าปากจะร้องเพลงอีกครั้งแต่ต้องหยุดชะงักเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงหวานเอ่ยห้าม
“เลิกร้องเลยนะ” อรรคณิตทำตามคำสั่งแต่โดยดี เขาเลิกร้องเพลง ‘รัก’ ขย่มเมีย แต่เปลี่ยนไปร้องอีกเพลงแทนซึ่งแก้วกัญญาได้ยินแล้วแทบจะบ้าตาย ผู้ชายอะไรบอกหยาบชะมัด!
“หรือเอาเพลงนี้ครับ เนื้อหาดี กำลังมาแรงด้วย ...ใฝ่ต่ำ ป๋ามันใฝ่ต่ำ ชอบอายุต่ำๆ ไม่ชอบสาวสูงวัย ใส่แว่นเนิร์ดๆ นมใหญ่ๆ โดนอกโดนใจป๋าจริงๆ”
“โอ๊ยยย! เลิกร้องสักทีเถอะค่ะ ทั้งสองเพลงนั้นล่ะ เพลงอะไรทุเรศชะมัด ตั้งใจขับรถนู้น เอ๊ะ!” ใบหน้างอง้ำ นัยน์ตาคู่งามเขียวปัด เมื่อมือหนาด้านซ้ายละจากพวงมาลัยแล้วเลื่อนมาวางทับมือบางของเธอ ซึ่งกำลังเอื้อมไปคว้าเอาหูฟังที่โดนยึดไปวางไว้บนคอนโซลรถ
อรรคณิตสบตาเจ้าของมือนุ่มแล้วเอ่ยบอกเสียงทุ้ม
“จับมือเฉยๆ” ใบหน้าพ่อคุณนี่กรุ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้
แก้วกัญญาขืนมือออกห่าง แล้วบอกเตือนเสียงดัง “ใครสอนให้ขับรถมือเดียว หลักการขับรถที่ดีคือประคองพวงมาลัยสองมือนะคะ แล้วยิ่งเวลาขึ้นเขาลงเขานั่นอีก! มันหวาดเสียวนะคุณ” คนพูดไม่ได้คิดอื่นไกล แต่คนฟังนี่สิ!
“ไม่ ‘เสียว’ เท่าขึ้นสวรรค์หรอกผมว่า” แก้วกัญญามั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าหูเธอไม่ได้ยินผิดเพี้ยนไป ที่คนข้างกายเอ่ยบอกเช่นนี้ เสียงหวานกรีดร้องลั่นรถ แล้วต่อว่าจอมหื่นยกใหญ่
“อ๊ายยยย! ผู้ชายลามก วันๆ คิดแต่ใต้สะดือ หัดคิดเรื่องอื่นบ้างนะคะ เดี๋ยวสมองจะฟ่อเอา”
“พูดเรื่องจริงก็หาว่าลามก อยากลองเสียวจริงๆ ไหมครับ” โน้มหน้าเข้ามาใกล้ แก้วกัญญาผละหน้าออกห่างอย่างตกใจ ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้นี่น่า เว้นเสียแต่...
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วห้ามเสียงดัง
“หยุดหื่นเลยนะ”
อรรคณิตหาได้สนใจ ชายหนุ่มชะลอความเร็วยานพาหนะ แล้วเอ่ยถามหน้าระรื่น
“ถ้าจอดรถแล้วหื่นได้ใช่ไหมครับ”
ครูสาวไม่คาดคิดว่าเขาจะบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ เขามันประเภทไหนกันแน่! พูดปุ๊บ ทำปั๊บ และทำจริงๆ
“จอดรถทำไม?” เอ่ยถามให้แน่ใจ ว่าสิ่งที่เธอคาดเดาเอาไว้นั้นไม่ผิดพลาด และคำตอบที่ได้ก็ทำให้ครูสาวอ้าปากค้าง อึ้งและทึ่งไปสิบวินาที
“จอดรถทำหื่น” ไม่หื่นเปล่า เพราะทันทีที่จอดรถพ่อคุณขยับกายเข้ามาใกล้ ใบหน้าหล่อคมห่างจากใบหน้าเธอไม่ถึงคืบ ผู้ชายบ้าอะไร ‘บุก’ ชนิดที่หลีกหลบไม่ทัน ยิ่งรู้จักยิ่งหน้ากลัว
หัวใจดวงน้อยของเธอก็เต้นตุบๆ ด้วยความไหวหวั่น ยิ่งจมูกได้กลิ่นน้ำหอมจากกายทรงพลัง แก้วกัญญาแทบแดดิ้น ใบหน้านวลงามแดงปลั่งราวมะเขือเทศสุกงอม พยายามกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตน แล้วก่นด่าคนหื่นเสียงดัง
“โอ๊ยยย! ฉันจะบ้าตาย อะไรของคุณเนี่ย!”
ผลักอกกว้างออกห่าง ทว่ายิ่งผลักคนหน้าด้านยิ่งขยับเข้าใกล้ ปลายจมูกโด่งเฉียดผ่านพวงแก้มใสทำเอาหัวใจวูบวาบ ครูสาวขยับกายถอยห่างแต่ไม่ประสบผล คนบ้าอะไร! ยิ่งหลบยิ่งบุก
“ขอหื่นสักนิดก็ยังดีครับ”
อรรคณิตเคลิ้มไปกับเสน่ห์สาว ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยปรามาสไว้ว่าเธอไม่น่าพิสมัย แต่ครั้นได้ลองเข้าใกล้แล้ว อยากจะกลืนน้ำลายตนเอง ผู้หญิงที่ภายนอกดูจืดชืดไม่เร้าใจ ทว่าได้อยู่ใกล้ๆ มันก็เหมือนกองไฟดีๆ นี่เอง
จังหวะใบหน้าคมโน้มเข้าหาใกล้ๆ เจ้าของกลีบปากบางรีบเอ่ยสั่งเสียงแข็งกระด้างทันที “พอเลยค่ะ สตาร์ทรถแล้วรีบขับออกไปด่วน เดี๋ยวถึงที่พักช้า” มือนุ่มที่ยกขึ้นถูกรวบไว้ด้วยมือใหญ่ ยื้อพยศเขายิ่งกดรัดแน่น แก้วกัญญาจำต้องยอม พร้อมเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น
จึงเป็นโอกาสให้คนเจ้าเล่ห์ ได้กระทำตามอำเภอใจ
“โอเคครับ จุ๊บ!” เขาไม่ได้จุ๊บแก้มเธอ แต่เขาจุ๊บมุมปากของเธอ จุ๊บแรงด้วย จุ๊บจนเธอรู้สึกได้ ไม่ใช่เธอคิดไปเอง
“อ๊ายยยย! นั่นมันจุ๊บแรกของฉันนะ คนบ้า” มือเล็กที่ถูกรวบไว้ขืนออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรวบรวมพลังพอมีอยู่เพียงน้อยนิดระดมทุบไหล่กว้างพ่อคนฉวยโอกาส
กลีบปากบางบ่นอุบอิบตามนิสัย อรรคณิตเห็นแล้วหัวเราะชอบใจใหญ่ เอ่ยแบบไม่สะทกสะท้านใดๆ
“เดี๋ยววันหลังจะสอนจุ๊บสอง จุ๊บสามให้นะครับ รับรองความสนุกหรรษา” หางตาคนเจ้าชู้ขยิบให้เห็นแล้วหมั่นไส้โคตรๆ
“คนฉวยโอกาส ชิส์”
อรรคณิตครางจิ๊จ๊ะในลำคอแทบตลอดเวลา เพราะรู้สึกว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ กะว่ามื้อดึกมื้อนี้จะโรแมนติกสักหน่อย แต่ทุกอย่างกลับพังครืน เมื่อมาถึงร้านข้าวต้มร้านโปรด ก็มาเจอน้องเวรนรกที่วันนี้นึกคึกพาเด็กของมันมานั่งกินข้าวต้ม ถ้าจะปลีกไปนั่งโต๊ะอื่นก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีโต๊ะว่างเหลือเลย จะพาไปร้านใหม่ก็เกรงใจอีกคน เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว และตลอดระยะเวลานั่งรถมาด้วยกัน ท้องของเธอก็ร้องเสียงดังจ๊อกๆ
ส่วนภาคินทร์นั้นทำหน้าที่น้องชายที่ดี ด้วยการเรียนเชิญแขกของพี่ชายนั่งร่วมโต๊ะด้วยความสุภาพ แม้จะเจอสายตาพิฆาตส่งมาให้ก็ตามแต่เขาไม่หวั่นซะอย่าง อรรคณิตกัดฟันแนะนำครูสาวให้น้องชายตัวแสบรู้จัก และคิดผิดถนัดที่ทำแบบนี้ เพราะนอกจากมันจะไม่เกรงใจเด็กของมันแล้ว ยังมาทำหม้อใส่คนของเขาอีก เดี๋ยวเถอะ!
ผู้กองหนุ่มเห็นหน้าระรื่นชื่นบานเท่าจานดาวเทียมของคนเป็นน้องแล้ว อยากถีบมันนัก!
“สวยเวอร์ มีแฟนหรือยังครับ” ภาคินทร์เอ่ยถาม พลางทอดแววตากรุ้มกริ่มมองครูสาว ซึ่งแก้วกัญญาก็เพียงคลี่มุมปากบางส่งยิ้มให้ แต่อีกคนเห็นแล้วเคืองสายตาสุดๆ ทว่าทำได้เพียงเอ่ยเตือนเบาๆ
“เฮ้ยๆ อย่าหม้อให้มันมากโว้ย เกรงใจคนนั่งข้างๆ ด้วย” คนข้างๆ หมายรวมถึงตัวเขาด้วยที่นั่งอยู่ข้างแก้วกัญญา ส่วนคนข้างๆ อีกคนคือ พะพาย ที่นั่งข้างภาคินทร์ ซึ่งหญิงสาวก็เอาแต่นิ่งเงียบ ใช้ช้อนในมือเขี่ยข้าวต้มในชามเล่นพลางๆ
ภาคินทร์ไม่ได้สนใจสิ่งที่พี่ชายเอ่ยออกมามากนัก เพราะเขากับพะพายไม่มีอะไรต้องเกรงใจกัน แต่ประเด็นสำคัญตอนนี้อยู่ที่ว่าพี่ชายเขายังไงกันแน่กับสาวแว่นข้างกาย เพราะจากสังเกตผู้หญิงที่พี่ชายหนีบติดท้ายมาด้วยนั้น ไม่น่าใช่ประเภทชักจูงง่าย สแกนด้วยสายตาอันผ่านสตรีมาเยอะ รู้เลยว่าไม่ใช่ผู้หญิงพรรคนั้นแน่ๆ ก็แหงสิ! ใส่แว่นตาหนาเตอะ แต่งตัวเรียบร้อยซะ ซึ่งมันขัดจากสาวๆ ที่พี่ชายเขาเคยควง หรือว่า ‘สเป็ค’ (อันสูงลิ่ว)ของมันเปลี่ยนไป...
“หึงก็ว่ามาเถอะ”
“อยากให้หึงเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าครูแก้วจะหึงหรือเปล่า” พูดจบทอดสายตาแพรวพราวมองคนนั่งข้างๆ แก้วกัญญาไม่ได้ว่าอะไร เธอตั้งใจ ‘เขี่ย’ ข้าวต้มในชามต่อไป
ภาคินทร์ได้ยินพี่ชายเอ่ยแล้วหมั่นไส้อย่างหนัก! หม้อเหลือเกินพี่กู!
“อย่าเชื่อพี่ชายผมมากนะครับ มัน ‘แรด’ ใส่หญิงทุกคน ผมนี่นับถือจริงๆ” นัยน์ตาคู่งามหลังแว่นแวบมองคนพูดแล้วส่งยิ้มบางๆ ให้
ตรงข้ามกับอีกคนที่โดนกล่าวหา เกิดอาการคันมือคันเท้ายิกๆ
“อ้าวเวร! จะได้เตะน้องในไส้ก็วันนี้ล่ะวะ ไอ้ปากอัปมงคล!”
คิดเหรอว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มจะเกรงกลัว นอกจากเขาจะเหยียดริมฝีปากเร้าใจ ไหวไหล่น้อยๆ แล้ว พ่อคุณยังเอ่ยถามเสียงหนักแน่น
“เอาจริงดิ”
“เออ! รู้แล้วก็อย่า ‘เสนอ’ หน้าให้มันมาก หวง!” ภาคินทร์ได้ยินเสียงห้วนกระแทกของพี่ชายถึงกับโพล่งถามด้วยความอยากรู้และอยากกวน(ส้น)ทีน!
“หวงหรือหึง” คนถามยักคิ้วแล้วมองหน้า ส่วนคนโดนถามเกิดอาการเกรงใจสาวๆ ทั้งสองที่นั่งร่วมโต๊ะ ยิ่งคนนั่งข้างเขานี่ไม่ต้องพูดถึง ทั้งเขินทั้งอาย เห็นนิ่งๆ เงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่ถ้าแม่คุณได้อยู่สองต่อสองกับเขาล่ะก็ สวดยับ!
อรรคณิตมองหน้าครูสาวแวบหนึ่ง ถึงได้ใจกล้า(หน้าด้าน) ยอมรับกับน้องชายพร้อมเตือนเบาๆ
“เออๆ ทั้งสองอย่างนั่นแหละ อย่า ‘เสือก’ มาก มึงน่ะ”
“แค่อยากทำความรู้จัก” ริมฝีปากหยักของผู้กองหนุ่มเบ้ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะกระแทกเสียงห้วนใส่อย่างไม่ไว้หน้า
“ถ้ากูเชื่อ กูคงไม่ใช่พี่มึง” พูดจบหันไปสนใจคนข้างกาย ตักหมูในชามของตนไปให้ แล้วบอกเสียงทุ้ม
“กินเยอะๆ นะครับ มัวแต่ไปฟัง ‘ไอ้คนผีเจาะปาก’ มันพล่าม ไม่อิ่มแน่ๆ มื้อนี้”
แก้วกัญญาอยากจะเอ่ยปฏิเสธแต่ไม่ทัน เพราะกำลังจะอ้าปาก เขาก็หันไปเจรจากับสาวสวยที่นั่งข้างน้องชายของเขาอย่างสนิทสนม ซึ่งเธอก็ไม่รู้รายละเอียดต่างๆ ของผู้หญิงคนนี้มากนัก รู้แค่ว่าเป็นคนของน้องชายเขาเท่านั้น
“น้องพายก็เหมือนกัน อย่าไปใส่ใจที่ไอ้คินทร์พูดเลย มันเป็นคนปากพล่อย! คิดไปรกสมองเปล่า”
ถึงจะรู้ว่าทั้งสองคนมีข้อตกลงและเข้าใจข้อตกลงนั้นเป็นอย่างดี แต่ด้วยนิสัยผู้หญิงทำให้อรรคณิตอดเป็นห่วงไม่ได้ เกรงว่า(ว่าที่น้องสะใภ้) จะคิดเล็ก คิดน้อย และเก็บเอาไว้คนเดียว ยิ่งมาเจอผู้ชายประเภทน้องชายเขาอีกนะ บอกเลยว่าน่า ‘เห็นใจ’
พะพายก็ไม่ได้ว่าอะไร หญิงสาวเพียงมองหน้านายตำรวจหนุ่ม ซึ่งเธอเองก็นับถือเขาเสมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งแม้จะเจอกันไม่นาน แต่เวลามีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจเธอก็กล้าปรึกษา กล้าคุย เพราะเขามีความเป็นกันเอง ไม่ได้ถือตัวอะไร
คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางๆ อรรคณิตมองปราดเดียวก็รู้ว่า ว่าที่น้องสะใภ้คนนี้ฝืนยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มที่มาจากข้างในจริงๆ
เขาเป็นตำรวจ การดูบุคลิก ท่าทางของคนนั้นเขาก็พอมีความรู้อยู่บ้าง เพราะงานของเขาก็เป็นงานที่ต้องสัมพันธ์กับผู้คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขามักจะอ่านกิริยาอาการ อารมณ์ต่างๆ ของคนได้ และพอจะอนุมานได้ว่าความสัมพันธ์ของภาคินทร์กับพะพายคงไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ เพราะทั้งสองไม่ได้มีเฉพาะความสัมพันธ์ทางกาย หากแต่มีความสัมพันธ์ทางใจด้วย เพียงแต่ไม่รู้ตัวเท่านั้น สรุปแล้ว คือ ‘บื้อ’ ด้วยกันทั้งคู่