“ว้าย! ใครก็ได้ไปจับมันแยกกันที เดี๋ยวก็ตีกันตายหรอก มีนมันเป็นบ้าแล้ว!”
เสียงร้องห้ามและมือหลายคู่ที่พากันมาช่วยแยกพวกเธอออกจากกัน ความชุลมุนดำเนินไปอย่างนั้นอยู่อีกพักใหญ่ๆ กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ดับเสียงความวุ่นวายภายในห้องแต่งตัวไปโดยปริยาย
"พอๆ เลิกกัดกันเดี๋ยวนี้!!” เจ้าของเสียงนั้นคือเจ๊นภาในชุดเซทกางเกงขายาวสีทองประดับเลื่อมหรูหราที่เดินเข้ามาในห้อง พอเห็นว่าแม่เล้าสาวใหญ่เดินเข้ามา ทั้งคนตบและคนที่กำลังช่วยกันจับก็พลันชะงัก
“ไปๆ คนที่ไม่เกี่ยวแยกย้ายกันไปทำงานทำการกันได้แล้ว" สิ้นเสียงนั้นกลุ่มก้อนก็พลันแตกฮือไปคนละทิศละทาง โดยที่ทุกคนมีสิ่งที่รู้ร่วมกันคือต้องออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พวกแกด้วย มีนไปทำงาน ส่วนแกชมพู่เจ๊ให้พักหนึ่งวัน ไปหาหมอซะแล้วเอาค่ารักษาพยาบาลมาเบิก เจ๊จะจ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด”
"แต่เจ๊คะ! มันตบจนจมูกหนูเลือดออกเลยนะ จะเบี้ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ๊จะไม่ลงโทษอะไรมันเลยเหรอ" และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะจบง่ายๆ ทั้งที่ตัวเองเจ็บตัวจนเลือดตกยางออกชมพู่ก็พลันค้านขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“ก็แกไปหาเรื่องมันก่อนไม่ใช่เหรอ อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หูตาฉันมีอยู่ทุกที่ย่ะ”
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือในมือของแม่เล้าสาวมีโทรศัพท์ซึ่งเปิดคลิปตั้งแต่ช่วงแรกที่เดินเข้ามาหาเรื่องมีนาเอาไว้ คลิปนั้นถูกกดหยุดในช่วงที่มีการกระชาก หมายความว่าเจ๊นภารู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมด
“...แต่”
“พอๆๆ ไม่ต้องมีใครพูดอะไรทั้งนั้น ไม่งั้นก็ออกไปหางานทำกันที่อื่น แชงกรีล่ามีไว้สำหรับให้คนที่อยากมีเงินเข้ามาทำงาน ไม่ต้อนรับพวกเจ้าปัญหา”
“...”
พอเจ๊นภายื่นคำขาดแบบนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ทั้งชมพู่ที่ถูกจับได้ว่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทั้งมีนาที่ยังโมโหไม่หายแต่ก็ยังยอมหยุด เพราะครั้งนี้เธอสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะเชื่อฟังแม่เล้าสาวทุกอย่าง
“ไปสิ! ไปแต่งตัวซะใหม่ไป๊ คุณเขารอแกอยู่ในห้องรับรอง แล้วรอยเล็บที่คอน่ะถ้ามันแต่งปิดไม่ได้ก็ไม่ต้องปิด ถ้าเขาถามแกก็แต่งเรื่องเอา”
และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครเถียงอะไรแล้วแม่เล้าสาวใหญ่ก็หันมาไล่มีนา ก่อนจะหันกลับไปหาชมพู่ที่ยังยืนเอาทิชชูซับเลือดที่จมูก
“แล้วแกชมพู่ สรุปจะไปหาหมอไหม! ถ้าไม่ไปก็ไปทำงาน ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งห้ามพวกหล่อนตีกันมากนักหรอกนะ”
“ค่ะเจ๊ ไปค่ะ”
“ไปก็ไป แยกย้าย!”
“หนูขอโทษนะเจ๊ที่สร้างความวุ่นวาย แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ” ด้านมีนาที่ยืนนิ่งไม่หือไม่อือมาตั้งแต่แรก พอเห็นว่าชมพู่เดินกระทืบเท้าจากไปแล้วเธอเองก็จะเดินกลับไปแต่งตัวบ้าง ทว่าก่อนเดินไปเด็กสาวก็หันมายกมือไหว้ขอโทษคนอายุมากว่า
“เจ๊เห็นคลิปแล้ว” ฝ่ายนั้นว่าพลางถอนหายใจยาว เพราะในชีวิตการทำงานประเภทนี้ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นเด็กตบกัน แล้วเด็กอย่างชมพู่มันก็มีน้อยเสียที่ไหน แต่เด็กแบบมีนานั้นมีไม่มาก
“ไปแต่งตัวแต่งหน้าใหม่แล้วก็ปรับอารมณ์ใหม่เถอะ คุณทิมเขามาซ้ำหมายความว่าต้องถูกใจแกพอสมควร คนนี้น่ะรวยสะบัดเลยนะ มีกาสิโนที่มาเก๊ากับลาสเวกัส ถ้าเขาเอ็นดูแกจะได้สบาย”
“ค่ะ”
คนที่มีรูปเป็นทรัพย์และมีสมอง มีเสน่ห์หาตัวจับยาก แม้ก่อนหน้านี้จะพลาดเพราะใช้หัวใจมากเกินพอดี แต่พอบอกพอสอนก็ฟังและปรับตัวอยู่ตลอดไม่อวดเก่ง มันไม่ได้หากันง่ายๆ
“จำที่เจ๊พูดได้ไหมมีน ว่าให้ใช้สมองกับจิ๋มก็พอ”
“จำได้ค่ะเจ๊”
“ดี ไปเถอะ อย่าให้คุณเขารอนาน”
ตัวเธอเองก่อนมาเป็นแม่เล้าก็ทำงานแนวนี้มาเหมือนกัน ทำไมจะไม่รู้ว่าเรื่องที่สอนเด็กไปมันทำยากในแง่ของมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีนาทำได้มาขนาดนี้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว
ถึงในการแนะนำมันจะมีความคาดหวังเรื่องผลประโยชน์ที่จะได้รับจากลูกค้ากระเป๋าหนักของเด็กสาว แต่ชีวิตของนังหนูนี่มันก็จะได้สบาย มีเงินส่งตัวเองเรียนให้จบ และมีอนาคตที่ดีแหละนะ
ท่ามกลางเสียงเพลงแจ๊ซสบายๆ และบรรยากาศที่คุ้นเคยของบาร์เครื่องดื่มในโรงแรมเดิม เป็นอีกคืนที่มีนาออกมากับเขา ครั้งนี้คุณทิโมธีไม่ได้สวมชุดลำลองเหมือนอย่างเมื่อวาน แต่เขาสวมสูทเต็มยศตอนที่นั่งรอเธอในห้องรับรองของแชงกรีล่า
แม้ตอนนี้จะถอดสูทตัวนอกออกแล้วแต่ความภูมิฐานก็ยังคงอยู่ คืนนี้เขาหล่อไปอีกแบบ ไม่ได้ดูเป็นพี่สุดหล่อแบดบอยคนเดิมแต่ดูมั่นคงมีอำนาจ ดูแด๊ดดี๊ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อมากๆ
บอกตามตรงว่ามีนาอยากเข้าไปซบอกแน่นๆ ของเขาใจจะขาด หากไม่ติดว่าเธอเองก็ต้องเก็บทรงไว้กิริยาอยู่บ้าง
“คุณมีน ที่คอไปโดนอะไรมาครับ” เสียงนั้นดึงหญิงสาวให้ออกจากภวังค์ หลังแอบกรี้ดเขาในใจไปหลายตลบ พอโดนถามขึ้นมาเธอก็พลันเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงแน่ว เพราะเสียงของคุณทิมนั้นค่อนข้างดุ
ดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ แต่เธอก็ยังไม่แจ้งใจว่าเป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่
"หนู...มีเรื่องไม่เข้าใจกับเพื่อนร่วมงานนิดหน่อยค่ะพี่ทิม" และเพราะดูเขาจะอารมณ์ไม่จอยเท่าไหร่มีนาจึงเล่าเท่าที่จำเป็น นอกจากนั้นก็ยังเรียกชื่อนำหน้าด้วยคำว่าพี่แบบที่เขาเคยบอกอย่างเชื่อฟัง
"ไม่หน่อยมั้งครับ ถ้าถึงขนาดลงไม้ลงมือกัน"
"..."
ทว่าพอมีนาตอบแบบนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นคล้ายมองออก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมันมีหลักฐานอยู่ทนโท่เป็นรอยเล็บของอีชมพู่ที่โดนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แต่ครั้นจะให้ยอมรับไปตามตรงว่า 'อ๋อ เพิ่งไปกระชากหัวตบมันจนกระเด็นมาค่ะ' มันก็ใช่ที่
"เอาเถอะ หนูคงไม่อยากพูดถึงแล้ว" ด้านคุณทิม พอเห็นเธอเงียบเขาก็พลันพูดขึ้นคล้ายไม่อยากซักไซ้ ทำให้มีนาหายใจหายคอโล่งขึ้นเพราะไม่ต้องเอาเรื่องแต่งในหัวมาใช้
"ขึ้นข้างบนกันเถอะครับ" เขาว่าก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือหนาเอื้อมมาช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน ต่อจากนั้นเขาก็จับมือเธอไม่ยอมปล่อย
ด้านมีนาแม้ไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอปล่อยให้เขาจูงมือเดินขึ้นห้องไปแบบนั้น โดยมีบอดี้การ์ดสี่คนที่เดิมกระจายตัวอยู่ในบาร์เดินนำหน้าสองคนและตามหลังอีกสองคน ให้ความรู้สึกปลอดภัยและลักชัวรี่ไปในเวลาเดียวกัน
มองไปก็ได้แต่ย้อนคิดถึงคำพูดของเจ๊นภาที่บอกว่าคุณทิโมธีเอ็นดูเธอเป็นพิเศษถึงได้มาซ้ำ คิดมาถึงตรงนี้ดวงตาสวยก็หันไปมองคุณเขาอีกครั้ง
การทำอาชีพนี้มันไม่ได้ง่ายเลยแต่ก็ไม่ได้แย่ แม้เป็นการขายศักดิ์ศรีแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ทว่าเพื่อนร่วมอาชีพหาคนดีๆ ยากมาก เท่าที่เจอมาใช้มือเดียวนับได้ แต่พอเป็นคนไม่ดีถึงกับต้องยืมนิ้วเท้าคนอื่นมานับ
เธอควรลืมความเจ็บปวดในอดีต แล้วทำอะไรสักอย่างให้สามารถหลุดออกไปจากจุดนี้ได้เร็วๆ เสียที หากคุณทิโมธีเอ็นดูอย่างที่เจ๊นภาว่า เธอสัญญาเลยว่าคราวนี้จะไม่ทำพังอีก