มีนา สุขสวัสดิ์

1919 Words
มีนา สุขสวัสดิ์ ณ ตึกแชงกรีล่า “มีน คุณทิโมธีเขาเลือกแกนะ ไม่ต้องโชว์ไม่ต้องเต้นอะไรทั้งนั้นคุณเขาจะพาไปด้านนอก ดังนั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแต่งชุดสวยๆ และลงมาหาเจ๊ที่ห้องรับรองเข้าใจไหม” “เข้าใจค่ะเจ๊” “จำที่เราคุยกันไปเมื่อช่วงเย็นได้ใช่ไหม” “หนูจำได้” “ดี จำเอาไว้ว่าหน้าตาที่สวยและความดอกความปังของแกมันเป็นใบเบิกทางให้ได้เจอกับคนรวยๆ ก็จริงแต่มันไม่ใช่ทุกอย่าง แกต้องรู้จักใช้สมองด้วย” “ค่ะเจ๊” “ส่วนหัวใจน่ะแกไม่ต้องไปใช้มากหรอก ตอนเป็นกะหรี่ใช้จิ๋มกับสมองก็พอ ค่อยไปมีหัวใจตอนที่มีทุกอย่างพร้อมจนแกไม่ต้องง้อเงินจากผู้ชายคนไหนแล้ว ไปเถอะ รีบไปเปลี่ยนชุด เจ๊จะพาคุณเขาไปรอที่ห้องรับรอง” มือเล็กที่จับอยู่บนหัวไหล่บางสีน้ำผึ้งของเด็กสาววัยยี่สิบสองปีบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ดวงตาเรียวรีของแม่เล้าสาวใหญ่มองมายังเด็กในสังกัดคู่ใจขณะที่เอ่ยประโยคนั้น ด้านเจ้าตัวเมื่อได้ยินคำอนุญาตก็พยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปฝั่งห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนจากชุดสำหรับโชว์เป็นชุดเดรสที่สามารถออกไปข้างนอกได้แทน เดินไปคำพูดของเจ๊นภาก็เล่นวนซ้ำในหัวไป บทสนทนาที่คุยกันไปเมื่อเย็นเป็นดั่งการปรับทัศนคติที่มีมาทั้งชีวิตของเธอใหม่ทั้งหมด และแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครได้ง่ายๆ ทว่าคราวนี้เธอกลับเชื่อฟังและทำตามสิ่งที่เจ๊นภาสอนแทบทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ เพราะเมื่อเอามาตรองดูแล้วก็พบว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด กับเจ๊นภาถึงจะมีความสัมพันธ์เป็นเพียงแม่เล้ากับเด็กในสังกัด ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือรู้จักกันมาก่อน ทว่าเธอก็สัมผัสได้ว่าในเส้นทางของผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายจะได้รับจากการขายตัวเธอมันมีความหวังดีปะปนอยู่ ชีวิตของกะหรี่มันไม่ง่าย ประโยคนั้นเป็นเรื่องตลกร้ายเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของ มีนา สุขสวัสดิ์ ถึงที่แชงกรีล่าแห่งนี้จะมีคำว่าโชว์เอาไว้บังหน้าแต่ทุกคนที่นี่รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่นั้น อย่างที่บอกว่าอาชีพนี้มันไม่ง่ายและไม่เคยง่าย คนที่ไม่เคยได้เข้ามาอยู่ในวงจรนี้ไม่มีวันรู้เลยว่ามันไม่ใช่แค่อ้าขาก็ได้เงิน งานนี้ไม่ใช่งานสบายเงินดี ไม่ใช่งานที่ใครก็ทำได้ รายละเอียดยิบย่อยมันมากมายกว่านั้นไปโข ทั้งเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งเรื่องจิตวิทยา ทั้งเรื่องดวง ทั้งการต้องบริหารเสน่ห์ ทั้งเรื่องบางเรื่องที่มองไม่เห็น ทั้งลูกค้าร้อยพ่อเพื่อนร่วมอาชีพพันแม่ที่ต้องเจอในแต่ละวัน หากให้เล่าว่าช่วงระยะเวลาเกือบปีที่เธอคลุกคลีอยู่กับวงการนี้ ทั้งทำงานที่แชงกรีล่า ทั้งถูกรับเลี้ยงจากผู้ชายรวยๆ หลายต่อหลายคน มีนากล้าพูดว่าคงต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะเล่าหมด ใครบอกว่าง่ายแนะนำว่าให้ลองมาขายตัวดู แล้วจะรู้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมันไม่เกินจริง ตัวเธอเองหากตอนนั้นไม่ต้องหาเงินมารักษาพี่สาวที่ป่วยหนัก ลำพังแค่ส่งตัวเองเรียนเธอคงไปทำงานเสิร์ฟเหมือนสุดที่รัก ไม่คิดเดินเข้ามาทางนี้เด็ดขาด แต่พอเข้ามามันก็ออกลำบาก มันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเงินจำนวนมากที่เคยจับ แต่เป็นความรู้สึกแปดเปื้อนที่ไม่อาจลบจากใจได้ หลังจากที่พี่สาวคนเดียวเสียไป มีนาจำความรู้สึกว่างเปล่าของการทำทุกอย่างแม้กระทั่งขายศักดิ์ศรี แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ในตอนนั้นได้ดี เธอนั่งมองรูปของพี่สาวทุกวันอยู่พักใหญ่ๆ วันหนึ่งจึงคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเอาอะไรกลับคืนมาไม่ได้สักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของพี่สาวหรือประวัติที่เสียไป ไม่ว่าอย่างไรตัวเธอก็จะโดนตราหน้าว่าเคยขายตัว ต่อจากนี้จะยากดีมีจนเรื่องนั้นมันก็จะไม่เปลี่ยนเพราะไม่มีใครเปลี่ยนอดีตได้ และเมื่อคิดได้แบบนั้น สุดท้ายมีนาจึงยืนขึ้นอีกครั้งและสัญญากับตัวเองว่าในเมื่อเสียประวัติไปแล้วเธอจะกอบโกยให้ตัวเองหลุดพ้นจากความจน รวยเมื่อไหร่เธอก็จะไม่หันหลังกลับมาทำอาชีพนี้อีก แต่มันก็เป็นเพราะความโง่ของเธออีกเหมือนกัน ที่ทำให้วันนั้นมาไม่ถึงเสียที “อ้าวอีมีน มึงกลับมาทำไมเนี่ย ไหนว่าเจ๊นภาเรียก” ทันทีที่เดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว กุ๊บกิ๊บ เพื่อนร่วมอาชีพที่สนิทที่สุดก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ มือที่กำลังเก็บของในล็อกเกอร์ใส่กระเป๋าพลันชะงักขณะที่มองมาทางเธออย่างสงสัย “ลูกค้าจะพาออกไปข้างนอก เจ๊แกให้กูมาเปลี่ยนเสื้อผ้า” เธอตอบก่อนจะเดินเข้าไปไขล็อกเกอร์ของตัวเองแล้วหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาเปิด “แหม มึงนี่มันฆ่าไม่ตายได้ใจกูจริงๆ เพิ่งกลับมาวันแรกก็มีคนอยากพาออกไปข้างนอกเสียแล้ว” ฝ่ายนั้นพอรู้เหตุผลที่เธอกลับมาก็เอ่ยขึ้นยิ้มๆ มือยังเก็บของของตัวเองไม่หยุดหย่อน ด้านมีนาเองเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง “แล้วมึงล่ะอีกุ๊บกิ๊บ เก็บของแล้วก็ไม่ได้มาทำงานแล้วใช่ไหม” เพราะมองจากการเก็บของทั้งหมดกลับไปแบบไม่เหลือเลยสักชิ้น ดูท่าเพื่อนที่พอจะพูดคุยได้เพียงคนเดียวในแชงกรีล่าของเธอจะมีคนรับเลี้ยงเสียแล้ว แถมกุ๊บกิ๊บมันไม่โง่เหมือนเธอเสียด้วย กว่าจะไว้ใจตอบรับใครก็เลือกแล้วเลือกอีก กระทั่งได้เจอคนที่ดีที่สุด “อืม คุณอเล็กซ์เขาไม่ให้ทำแล้ว เขาเสนอว่าจะสนับสนุนให้เปิดธุรกิจอะไรสักอย่าง กูเองก็อยากเลิกขายตัวแล้ว วันๆ เจอแต่คนประสาทมึงก็รู้” ฝ่ายนั้นว่าน้ำเสียงเหมือนปลงกับชีวิต พอเก็บของเสร็จก็เอากระเป๋ามาวางบนโต๊ะหน้ากระจก แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกันกับที่มีนากำลังยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องแต่งตัวเลย ส่วนพวกเธอก็เคยเห็นกันมาหมดทุกส่วนแล้ว เพราะแบบนั้นมีนาจึงไม่ได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำแต่เปลี่ยนตรงนั้นเลยแบบไม่อาย “เออ กูเข้าใจ ที่กูดิ้นรนอยากมีผู้ชายเลี้ยงดูก็เพราะไม่อยากเจอคนบ้าๆ บอๆ ทุกวันนี่แหละ แล้วมึงคิดไว้ยังล่ะว่าจะทำอะไร” “กูอยากลองเปิดแบบร้านชำน่ะมึง เป็นร้านชำแบบมีระบบสต๊อกดีๆ สักหน่อย คุณอเล็กซ์เขาบอกกูว่าจะสนับสนุนจนกว่าธุรกิจจะมั่นคง” “ดีแล้วแหละมึง วันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นมันไม่มีใครรู้หรอก อย่าให้เลิกกับผู้ชายแล้วไม่เหลืออะไรทุกรอบเหมือนกู” “อืม กูก็คิดงั้นแหละอีมีน นี่ก็เพิ่งคุยเรื่องเงินเดือนกันไป ตอนแรกกูก็ไม่กล้าปักใจเชื่อหรอก มึงก็รู้กูเจอคนให้ความหวังแต่จริงๆ เหลวเป๋วมาเยอะ พอมาเจอเขาควักเงินซื้อคอนโดให้เป็นชื่อกู กูก็เลยตอบตกลง” “กูได้ยินอีพวกข้างนอกมันเมาส์กันว่ามึงขับรถใหม่มา อันนั้นเขาก็ซื้อให้เหรอ” เด็กสาวเอ่ยถามพลางพยักพเยิดไปในทิศทางของลานจอดรถของแชงกรีล่า เธอไม่ได้ถามว่าผู้ชายของเพื่อนให้เงินเดือนเท่าไหร่เพราะถือว่าเป็นมารยาทที่ควรให้เจ้าตัวเล่าเอง เรื่องบางเรื่องยิ่งเป็นเรื่องเงิน ไม่ใช่ทุกคนจะสบายใจในการเอามาแบให้คนอื่นรู้ “เปล่า รถเขานั่นแหละแค่ให้กูเอามาขับ แต่แค่ให้คอนโดกูกับโอเคเรื่องตัวเลขที่กูขอก็เซอร์ไพร้ส์มากแล้วล่ะ อย่างอื่นให้มันค่อยเป็นค่อยไป” “กูเข้าใจมึง พวกที่ทุ่มเป็นบ้าเป็นหลังตั้งแต่แรกมักไม่ค่อยยั่งยืนหรอก บางคนแม่งเหมือนคนป่วยจิต” มีนาทำหน้าแหยยามที่นึกไปถึงผู้ชายคนล่าสุดที่เลิกรากันไป นึกถึงหน้ามันก็พลันเจ็บแปลบที่รอยช้ำซึ่งยังไม่จางดี “แล้วมึงล่ะ โอเคแล้วใช่ไหม ทั้งร่างกายทั้งจิตใจ” กุ๊บกิ๊บมองมายังร่างระหงผิวสีน้ำผึ้งสว่างอย่างเป็นห่วง พอพูดมาถึงตรงนี้ก็อดนึกถึงเรื่องที่มีนาโดนลูกชายสส.ซ้อมจนเขียวช้ำไปทั้งตัวไม่ได้ ไปแจ้งความก็ทำอะไรมันไม่ได้เลยเพราะแบ็คหนา ดีแค่ไหนที่มันตีเพราะเบื่อแล้วไม่มายุ่งอีก ผู้หญิงตั้งกี่คนที่โดนฆ่าตายในลักษณะแบบนี้ โชคดีที่เพื่อนเธอมันรอดมาได้ ด้านมีนาเห็นสายตาเป็นห่วงของเพื่อนก็พลันพยักหน้า แม้เราสองคนจะไม่ได้สนิทกันเหมือนที่เธอสนิทกับสุดที่รัก แต่กุ๊บกิ๊บก็ยังเป็นเพื่อนที่เธอพอจะพูดคุยด้วยได้แบบสบายใจ “โอเคแล้วแหละมึง” อีกฝ่ายเป็นคนไม่ขี้อิจฉาเพราะอย่างนั้นจึงอยู่ด้วยง่าย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะโดนแทงข้างหลังเมื่อไหร่ และแม้จะดีใจกับเพื่อนที่ได้มีโอกาสได้รับอะไรดีๆ แต่เธอก็ใจหายอยู่เหมือนกันที่ต้องกลับมาแล้วทำงานนี้เพียงลำพัง ต้องอยู่ร่วมกับพวกขี้อิจฉาและคนไม่รู้จักคนอื่นๆ ที่ผ่านมาที่เธอมีคนเลี้ยงออกไปตั้งหลายรอบ แล้วกุ๊บกิ๊บต้องอยู่ต่อไปจะมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันไหมนะ หรือมันมีแค่เธอที่ขี้แพ้ “ไปเถอะ กูต้องรีบไปหาเจ๊นภากับลูกค้าที่ห้องรับรองแล้วเดี๋ยวจะได้เดินไปด้วยกันเลย” แต่จะเป็นอย่างไรนั้นตอนนี้คงจะไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาคิด เพราะชีวิตมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ทำ “เออๆ” เจ๊นภาพูดถูกว่าอาชีพนี้มันใช้แค่จิ๋มกับสมองก็พอ แม้จะยากแต่หากยังไม่มีแรงออกไปจากตรงนี้ เธอก็ควรจะพยายามทำมันให้ได้ ก่อนที่ความสาวความสวยจะหมดไป เธอควรมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม้อาชีพนี้จะไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เธอก็ไม่ได้อยากอยู่จุดนี้ไปอีกนานเหมือนกัน การที่เพื่อนได้ออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งที่มีผู้ชายรับเลี้ยงแค่คนเดียว ในขณะที่เธอโดนรับเลี้ยงมาหลายครั้งแต่ก็ยังต้องกลับมาอยู่จุดเดิม มันทำให้มีนารู้ว่าทุกอย่างควรจะเปลี่ยนได้แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD