วันหยุดหมดลงเป็นที่เรียบร้อย
ต่อให้ร่างกายไม่พร้อมทว่าวันนี้ต้องไปเรียน แม้หลายวันที่ผ่านมาจะร้องไห้อย่างหนัก แต่จะขาดเรียนเหรอ ไม่มีในหัว ปวส.2 ถือว่าใกล้แล้ว เหลือฝึกงานและโปรเจกต์ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมาก
ที่ไหนกันล่ะ เรื่องปวดหัวเลยล่ะ เครียดมาก ๆ แล้วก็เพราะความเครียดนี่แหละทำให้แอบดื่มเหล้าจากนั้นก็เจอปัญหาใหญ่กว่าเดิมเลย
“พี่เอิ๊กมาทำอะไรคะ มาเช้าจัง มาหาพี่เบนซ์เหรอ” เดินออกมาจากห้องก็เจอพี่เอิ๊กนั่งหน้านิ่งอยู่โซฟา ปกติแล้วถ้าเจอเขาตอนเช้าก็จะเพราะเมื่อคืนเมาแล้วค้างที่นี่ แต่เมื่อคืนเขาไม่ได้มาดื่มที่นี่
“มารับน้องเบลไปเรียนครับ”
“เบลนั่งสองแถวไปได้ค่ะ แค่นี้เอง” ก็นั่งไปตลอดนะ วันไหนพี่เบนซ์ว่างถึงไปส่ง
“เป็นหน้าที่ที่พี่ต้องทำครับ”
“แต่ว่าเบลไปเองได้นะคะ”
“ต่อไปจะเป็นหน้าที่ของพี่ พี่จะเป็นคนรับส่งน้องเบลเองครับ”
“…”
“ถือว่าเราตกลงกันเรียบร้อยนะครับ”
“ฮื่อ” แบบนี้ไม่ได้เรียกตกลง เขาเรียกพูดเองเออเอง นี่คงจะตกลงกับพี่เบนซ์มาแล้วและอาจจะบอกผู้ใหญ่ไว้แล้วด้วย
ขัดไปจะได้อะไรใช่ไหม คำพูดของฉันแทบไม่มีประโยชน์อะไร
ฉันเดินมานั่ง หยิบแก้วมาวาง เทน้ำเต้าหู้ที่พี่เบนซ์ไปซื้อมาไว้ให้แต่เช้าตรู่กินก่อนไปเรียน พี่ชายฉันซื้อแบบนี้ประจำ
“จ้องเบลทำไมคะ” จ้องทำไม จ้องตั้งแต่เทน้ำเต้าหู้จนกัดปลาท่องโก๋ จ้องอยู่ได้ เป็นอะไรของเขา
“เปล่า”
“…” ดีเหมือนกัน จ้องทำไมก็บอกเปล่า ใครที่เกร็ง เบลนี่ไงคนที่เกร็ง
ระหว่างที่เกร็งกับสายตาของพี่เอิ๊ก พี่เบนซ์เดินออกมาจากห้องนอนของเขา พี่เบนซ์เป็นพนักงานไปรษณีย์ตอนนี้เขาแต่งตัวพร้อมไปทำงาน “ไอ้ดื้อ เอิ๊กบอกแล้วใช่ไหมว่าจะเป็นคนไปส่ง”
“ที่จริงเบลไปเองได้ ไม่เห็นต้องรบกวนพี่เอิ๊ก”
“ดูแลน้องเบลไม่ถือเป็นเรื่องรบกวนครับ”
“...” ไม่ได้อยากให้ไปส่งสักหน่อย ถ้าพี่เอิ๊กไปส่งฉันก็ไม่พ้นโดนจ้องสิ พี่เอิ๊กมีข่าวกับผู้หญิงได้ซะที่ไหนล่ะ
“อ้อ โทรหาแม่ด้วยนะดื้อ แม่อยากคุยด้วย แม่โทรหาดื้อก็ไม่รับสาย เดี๋ยวแม่ก็โมโห”
“เบลยังไม่อยากคุยนี่คะ”
“จะหนีปัญหาไม่ได้”
“แม่ดุแน่ ๆ”
“เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน” เป็นพี่เอิ๊กเสนอตัวช่วยคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อนสนิทของพี่เบนซ์ทุกคนรู้เรื่องครอบครัวแสนวุ่นวายของฉันเป็นอย่างดี รู้ว่าแม่ดุแค่ไหน รู้ว่าพ่อหูเบาเชื่อคนอื่นมากเพียงใดและก็รู้ด้วยว่าพ่อกับแม่ไม่ถูกกัน
“เย็นนี้เดี๋ยวเบลโทรหาแม่ค่ะ”
“เค โทรนะ พี่จะบอกแม่ไว้”
“ค่ะ”
“ฝากน้องกูด้วย ดูแลหน่อยยิ่งดื้ออยู่” ถามเบลสักคำไหมคะพี่เบนซ์ ถามเบลบ้างไหมว่าอยากไปกับพี่เอิ๊กหรือเปล่า
“อืม” ขานรับง่ายจัง ปฏิเสธบ้างก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างก็ได้
“เบลไม่ต้องการ” ต่อให้รู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ฉันก็ควรจะแย้งบ้าง ไม่งั้นฉันคงอกแตกตายแน่
“แล้วไงครับ” พี่เอิ๊กพูดหน้านิ่ง
“พี่เอิ๊ก”
“เฮ้อ กูไปทำงานนะ ฝากดื้อด้วย”
“เฮ้ยเดี๋ยวพี่เบนซ์ จะฝากเบลทำไม เบลไปเองได้”
“อย่าดื้อกับพี่” เสียงเด็ดขาดของพี่เอิ๊กทำเอาฉันเงียบ
โอเคดื้อกับคนในครอบครัวแค่ไหนก็ได้ แต่ดื้อกับคนอื่นมันไม่ควรฉันรู้ดี และที่รู้ดีมาก ๆ คือไม่ควรดื้อกับพี่เอิ๊ก เขามีมุมอ่อนโยนและยังมีมุมที่ไม่น่าสัมผัส ฉะนั้นฉันไม่ควรจะเข้าใกล้มุมนั้น
@วิทยาลัย C
“เดี๋ยวเลิกเรียนพี่มารับ” เป็นคำพูดหลังจากที่เก็บโทรศัพท์เข้าที่ ก็เขาได้เบอร์ได้ไลน์ ได้ทุกอย่างของสื่อโซเชียลที่สามารถติดต่อฉันได้ไปแล้ว ฉันไม่ได้อยากให้แต่เป็นเขาที่อยากจะเอาทุกอย่าง เขาบอกการรับผิดชอบเป็นหน้าที่ เขาต้องทำให้ดีที่สุด
“ค่ะ” อย่างที่บอกเหนื่อยจะขัด ขัดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เขาไม่ได้สนใจความคิดเห็นฉัน
“เย็นนี้ไปหาแม่พี่ที่บ้านนะ แม่อยากกินข้าวด้วย”
“ค่ะ” น้ำเสียงฉันอ่อนลงเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเราต้องแต่งกันจริงเหรอ พี่เอิ๊กเขาไม่ได้รักฉันและฉันไม่ได้รักเขา เราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ ทำไมพี่เอิ๊กทำเหมือนทุกอย่างมันง่ายจัง
“ตั้งใจเรียนนะครับ”
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” ยกมือไหว้ก่อนจะลงจากรถ ยังไงซะพี่เอิ๊กก็แก่กว่าหลายปี ฉันควรมีสัมมาคาระวะ
“ใครมาส่งอะเบล” ดาวเหนือจับสังเกต ฉันเจอดาวเหนือตรงทางเข้า ดาวเหนือลงจากรถคันหนึ่งก่อนพี่เอิ๊กจะจอดรถ
“แล้วใครมาส่งดาวคะ” ฉันยังไม่อยากบอกเพื่อน ฉันคิดว่าตัวฉันยังไหว ยังแบกรับคนเดียวได้ คนทุกคนล้วนมีปัญหาเป็นของตัวเอง ฉันไม่อยากจะเอาปัญหาของฉันไปทำให้เพื่อนหนักใจเพิ่ม
“เฮียไฟอะ”
“พี่ชายข้างบ้านนี่ขยันตื่นมาส่งแต่เช้าจังเลยนะ”
“เขาบอกมีธุระในเมือง”
“จ้า”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ใครมาส่งอะ ดาวว่ารถมันคุ้น ๆ ติดที่คิดยังไงก็คิดไม่ออก”
“ว่าที่สามีของกระต่าย”
“ใคร ใคร พี่เอิ๊กเหรอ กรี๊ด!” เสียงกระต่ายดังมาจากทางด้านหลัง กระต่ายคลั่งพี่เอิ๊กมาก ๆ ก็พี่เอิ๊กเขาฮอตในเมืองไง ใคร ๆ ก็รู้จักพี่เอิ๊กทั้งนั้น ถ้ารู้ว่าฉันได้กินพี่เอิ๊กไปแล้วนางคงจะแช่งชักหักกระดูกฉันเหมือนผู้หญิงที่มีข่าวเม้าท์มอยในเพจ
“อืม เสียงดังทำไม คนมองหมดแล้ว” ฉันอยากปิด แต่เพื่อนก็เสียงดังเหลือเกิน
“ไม่กรี๊ดได้ไง พี่เอิ๊กมาส่งเบลเลยนะ เป็นไปได้ยังไงอะ เกิดอะไรขึ้น มีอะไรที่เพื่อนไม่รู้ไหม เหลามาค่ะพร้อมฟัง”
“ก็แค่มาส่ง จะกรี๊ดอะไรนักรำคาญ” เพื่อนชายคนเดียวในกลุ่มที่นั่งฟุบหน้ากับม้าหินอ่อนทำเหมือนหลับอยู่เงยหน้าขึ้นมาโวยวาย
“ลี อีกแล้วนะ ว่าต่ายอีกแล้ว นิสัยไม่ดี” ขอบคุณลีที่โวยวายทำให้กระต่ายเปลี่ยนเรื่องได้
“ดาวลีหิว” การต่อว่าของกระต่ายกลายเป็นศูนย์เมื่อลีหันไปอ้อนดาวเหนือแบบที่เคยทำมาตลอดหลายปี
“ลีอยากกินอะไร”
“กินดาว”
“ลี…”
“กินอะไรก็ได้ ดาวซื้อให้ลีหน่อยนะ” ลีควักเงินแบงค์พันออกมาวางใส่มือดาวเหนือ
“เดี๋ยวเพื่อนจัดให้” ดาวเหนือยิ้มร่า
“ค้าบ” ลียิ้มเมื่อเห็นดาวเหนือยิ้ม
ดาวเหนือก็ย้ำอยู่ตลอดว่าเพื่อน เพื่อน เพื่อน แต่แปลกที่ลียังคงพยายามแบบเงียบ ๆ ความรักไม่เข้าใครออกใคร ขณะที่ลีแอบชอบดาว กระต่ายก็แอบชอบลีอีกที และไม่นานมานี้ฉันก็เพิ่งจะรู้ว่าพี่เอ้ที่ฉันชอบมากมาย เขาชอบกระต่าย โคตรอยากจะกรี๊ดให้เป็นคนบ้าไปเลย
ฉันคงจะต้องตัดใจจากพี่เอ้ เพราะไปมีสัมพันธ์ทางกายกับพี่เอิ๊กแบบเลี่ยงไม่ได้ จะดื้อด้านแอบชอบพี่เอ้ต่อมันคงจะเป็นผู้หญิงทุเรศ ต่อไปฉันคงต้องเก็บพี่เอ้ไว้ในใจ หรือไม่ตัดใจได้ก็ต้องรีบตัด
ช่วงเที่ยงเรามาทานข้าวที่โรงอาหารกันค่ะ กินข้าวเสร็จแล้วก็มาหาที่นั่งใต้ต้นไม้ วันนี้มีเรียนถึงแค่เที่ยงห้าสิบ เรียนอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะออกฝึกงาน ฝึกงานรอบนี้ลีจะใช้เส้นของพ่อฝากพวกฉันเข้าฝึกงาน ต้องรอฟังผลจากลีอีกทีว่าจะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า
“เดี๋ยวก็ฝึกงานแล้ว ตื่นเต้นอะ” ฉันตื่นเต้น ๆ จริง ถึงจะเคยผ่านการฝึกงานมาแล้วตอนปวช.3 แต่ทุกครั้งที่เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ฉันมักจะตื่นเต้นอยู่ตลอด
“แต่ต่ายยังไม่จบเรื่องพี่เอิ๊กนะเบล” ควรจบตั้งแต่เช้าแล้วนะกระต่าย นี่มันบ่ายแล้ว จะพูดถึงทำไม
“เดี๋ยวเพื่อนอยากเล่าเพื่อนก็เล่าเอง จะคะยั้นคะยอเพื่อนทำไม” คนที่จิกกัดก็ลีอีกไง ด้านดาวเหนือน่ะตั้งใจทำงาน เคลียร์งานที่รับจ้างมา เท่าที่ฉันรู้ ดาวเหนือไม่ได้ขาดเงิน แต่เธอไม่อยากใช้เงินที่พี่ชายข้างบ้านให้มา ก็เลยพยายามหาเงินด้วยการรับจ้างเขียนรายงาน ซึ่งลีก็ขยันจ้าง บางทีก็ช่วยดาวเหนือทำด้วย
“ไม่ขัดสักเรื่องได้ไหมลี” กระต่ายชักสีหน้า
“แล้วไม่อยากรู้สักเรื่องได้ไหมอะ”
“ถ้าเรื่องอื่นพอได้ แต่เรื่องพี่เอิ๊กไม่ได้” กระต่ายตอบเสียงดัง คนรอบข้างเริ่มสนใจ อย่านะกระต่าย อย่าเพิ่งให้ใครรู้ เบลยังไม่อยากรับมือกับปัญหา รู้ว่าหนีไม่ได้ แต่ก็อย่าเพิ่งมาเร็วนัก ตอนนี้เผชิญหน้ากับปัญหาช้าเท่าไหร่ยิ่งดี ใครบ้างจะอยากถูกคนอื่นเกลียดใช่ไหมล่ะ
ครืด ครืด…
ฉันละสายตาจากเพื่อนที่กำลังถกเถียงและฟาดฟันกันทางสายตา สองคนนี้ทะเลาะกันเป็นประจำ คนที่โทรเข้ามาก็พี่เอิ๊กค่ะ เห็นว่าเป็นพี่เอิ๊กที่โทรเข้ามาฉันก็เลยลุกหาที่คุยเงียบ ๆ
“ค่ะ”
(น้องเบลเลิกเรียนแล้วใช่ไหมครับ)
“ใช่ค่ะ”
(พี่ไปรับไม่ได้นะ หนูนั่งสองแถวมาลงที่ร้านได้ไหม รู้จักร้านพี่ใช่ไหม)
“ถ้าพี่เอิ๊กไม่ว่าง เบลกลับบ้านเลยก็ได้นะคะ”
(ไม่ได้ครับ พี่บอกแม่ไปแล้ว เย็นนี้เราจะไปกินข้าวบ้านพี่กัน น้องเบลนั่งรถมาหาพี่นะครับ รู้จักร้านพี่ใช่ไหม)
“รู้จักค่ะ”
(โอเค พี่รออยู่ที่ร้านนะ น้องเบลเดินเข้ามาได้เลย)
“ได้ค่ะ”
(ครับ)
แล้วตอนแรกจะส่งข้อความมาบอกให้รอทำไม ถ้าไม่ว่าจะนัดให้ไปหาทำไม แต่จะกลับบ้านเลยก็ไม่ได้ฉันรับปากแล้วว่าไปเจอแม่พี่เอิ๊ก ผิดคำพูดกับผู้ใหญ่ไม่ดี ฉันต้องให้เกียรติแม่ของพี่เอิ๊ก
“เบลกลับก่อนนะ” รวบหนังสือทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบลุกขึ้นยืน
“ทำไมรีบกลับ” ดาวเหนือเงยหน้าจากจอโน้ตบุ๊คที่พกพามาด้วย เธอไม่ถามสิแปลก ปกติเลิกเร็วเราต้องไปนอนกลิ้งที่หอดาวก่อน แต่นี่เพิ่งเลิกเรียนไม่ถึงชั่วโมงฉันก็จะกลับ
“เบลมีธุระ เดี๋ยวไลน์หานะ”
“อื้ม ๆ” ดาวเหนือเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ
“อะไรเบล จะกลับได้ไงยังไม่เล่าเลยนะ” ต่างจากกระต่ายที่ต้องรู้ให้ได้
“อืม เดี๋ยวเล่านะ เบลขอไปทำธุระก่อน” ฉันยิ้มให้กลุ่มเพื่อนแล้วเดินออกจากวิทยาลัย ฉันยังไม่พร้อมจะเล่าให้เพื่อนฟัง โดยเฉพาะกระต่ายที่เป็นแฟนคลับพี่เอิ๊ก
ถ้าจะเล่าให้ใครสักคนฟังคนนั้นก็คือดาวเหนือ