ตอนที่ : 4

2522 Words
เปรมหัวเราะเล็กๆ กับการต่อปากต่อคำของสองสาวต่างวัย แต่ถ้าหากใครได้รู้จักกับป้าแจ๊บหรืออิงครัตน์คงไม่สนใจเรื่องตัวเลขที่เป็นตัวบอกวัยของแต่ละคน “เชื่อป้าแจ๊บ ฟังป้าแจ๊บ รายนี้น่ะ มืออาชีพมากๆ เชื่อเถอะวันหนึ่งโต๊ดจะหลงรักป้าแจ๊บเหมือนที่พี่รัก” เปรมยิ้มๆ มองสบตากับ ภัสสรา “แค่จับมือไม่ได้คิดอะไรกับฉัน เธอจะบ่นทำไมล่ะ” อิงครัตน์ยิ้ม “แล้วป้าน่ะ แกล้งทุกคนเหมือนที่แกล้งหนูไหมล่ะ” ภัสสราถาม “ฉันแกล้งอะไรเธอจ๊ะ แม่โต๊ด นายป๊อกเป็นคนสั่งให้ฉันจับมือเธอ ใส่ความกันแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าเขาสั่งให้หอมแก้มเธอฉันก็ต้อง ทำ” อิงครัตน์พูดขึ้น เปรมได้ยินเข้าถึงกับหัวเราะ “อยากขอเหมือนกัน แต่กลัวสาวๆ จะด่าเอา” เปรมหัวเราะอีกครั้ง เมื่อเห็นภัสสราทำหน้าจ๋อยทันที เมื่อได้ยินเรื่องหอมแก้ม ภัสสรามาคิดดูเป็นจริงอย่างที่อิงครัตน์บอก เพราะเป็นการบอกจากคนถ่ายภาพ อิงครัตน์ปฏิบัติตามและภัสสราคงต้องทำตามด้วย เช่นกัน แต่ความอ่อนโยนไม่ว่าจะเป็นแววตาหรือมือที่ค่อยๆ เกาะกุมกันและกันนั่นต่าง หากที่ทำให้ภัสสราแปลกใจ “ดีครับ มือสวยด้วยกันทั้งสองคนเลย” ภาพที่ถ่ายออกมาทำให้คนถ่ายภาพถึงกับยิ้มกว้างทันที การจับมือกันใช่ว่าทุกภาพจะออกมาดูดีแต่กับสองสาวดูอ่อนโยนได้อย่างน่าประหลาดใจทั้งๆ ที่ต่อปากต่อคำต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ก่อนหน้าตลอดเวลา “มือป้าเหี่ยวแล้วมั้ง นายป๊อก” อิงครัตน์หันมายิ้มให้เปรม “แต่สวยเนอะว่าไหม โต๊ด” เปรมถามภัสสราที่ยิ้มๆ ให้ “ใบ้กินเลย พี่เขาถามทำไมไม่ตอบ” อิงครัตน์หัวเราะ “รังแกเด็กไม่น่ารักเลย” ภัสสราทำปากขมุบขมิบ “ผมโชคดีจังที่ป้าแจ๊บยอมเป็นแบบให้” “มือเหี่ยวๆ จับมือสาวๆ เทียบกันจะเหมือนแม่ลูกเอานา” “โอ๊ย ไอ้ที่มาติดพันน่ะ ไม่ได้คิดแบบแม่ลูกมั้งครับ” เปรมหัวเราะ หลังจากได้พูดแหย่อิงครัตน์ที่หัวเราะกับแววตาที่ดูสงสัยของ ภัสสรา เปรมพนมมือไหว้อิงครัตน์ เพราะยอมเป็นนางแบบให้ ส่วนภัสสราได้รับเงินเป็นค่าตอบแทน โดยเปรมนำภาพที่ถ่ายเอาไว้ขึ้นจอโปรเจคเตอร์ทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนขึ้น ภัสสรามองดูด้วยความรู้สึกทึ่งในความ สามารถของคนถ่ายภาพ “โห สวยขนาดนี้เลย” ภัสสรารำพึงออกมาเบาๆ “อันนี้สวยสุด พี่ถ่ายเอาไว้ แต่คงไม่เอาลงขาย” เปรมบอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม ขณะโชว์ภาพของสองสาวที่หันหลังแต่จับมือกันและกันเอาไว้ “ป้าไม่มีปัญหา เธอล่ะ” อิงครัตน์ถามภัสสรา “ไม่มีปัญหา โต๊ดได้ค่าจ้าง พี่ป๊อกควรได้งานไปนะคะ” ภัสสราบอก “ไม่ล่ะ เก็บไว้เป็นที่ระลึกดีกว่า น่ารักดี เก็บไว้เป็นที่ระลึกสำหรับเราสามคน ดีไหมครับป้าแจ๊บ” อิงครัตน์หัวเราะเล็กๆ หันไปมองดูภาพถ่ายที่ปรากฏอยู่บนกำแพงห้อง ซึ่งตัวเองปล่อยให้ผนังห้องส่วนนั้นว่างเปล่าเพื่อใช้แทนหน้าจอสำหรับฉายภาพสไลด์ “ระลึก หรือระทึกก็ไม่รู้” อิงครัตน์ยิ้มๆ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของภัสสราดังขึ้นทันที เมื่อเจ้าตัวเปิดเครื่อง หลังจากปิดไปตั้งแต่เริ่มทำงานและชื่อที่ปรากฏขึ้นทำเอา เจ้าตัวถึงกับถอนใจ “มีอะไรสกาย” ภัสสราเดินออกมาอยู่ที่สวนหน้าบ้านของอิงครัตน์ “เราโทรฯ หาทั้งวันเลยทำไมปิดเครื่อง โต๊ดโกรธเราเรื่องอะไร” “สกายมีเรื่องอะไรที่ทำให้คิดว่าเราโกรธ” ภัสสราถาม “ก็เผื่อป้าแจ๊บเล่าอะไรให้ฟัง” “ไม่นี่ โต๊ดทำงานอยู่กับป้าแจ๊บทั้งวันเลยวันนี้ ไม่เห็นเอ่ยถึงสกายเลย ว่าแต่สกายมีอะไรจะบอกหรือเปล่า” ภัสสรารอยยิ้มจางลง เมื่อนึกถึงเมื่อวันก่อนที่ได้พบกับเมฆา อิงครัตน์เอ่ยพาดพิงไปถึงผู้หญิงอีกคนที่ชื่อ จูน ซึ่งท่าทางคงสนิทสนมกับเมฆาอยู่มาก “ไม่มีอะไรเป็นห่วงเรื่องงานนั่นแหละ” เมฆาพูดน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “ขอบใจ เรื่องนั้นเดี๋ยวโต๊ดค่อยๆ หา แต่คงหางานพิเศษทำไปเรื่อยๆ ก่อน เพราะไม่อย่างนั้นอดตายแน่” “ฟังดูสกายเป็นคนแย่เนอะที่ปล่อยให้โต๊ดลำบาก” “โต๊ดลำบากจนชินแล้ว” ภัสสรายิ้มจางๆ “เสียงผู้ชายที่ไหน หัวเราะดังเชียว” เมฆาถาม “พี่ป๊อกเป็นช่างภาพ ถ่ายรูปโคตรสวยเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งมาก” เมฆาแปลกใจเพราะไม่ค่อยได้ยินภัสสราเอ่ยชื่นชมใครมากนักมาก่อน “ต้องเป็นหนุ่มที่พิเศษมากแน่นอน” เมฆาพูดเสียงเรียบ “จิตใจดี ทำงานเก่ง ไม่ถึงกับหล่อ แต่รวมๆ แล้วดูเท่ดี” ภัสสรายิ้มกับสิ่งที่ตัวเองบอกออกไป ซึ่งเป็นเพราะถูกชะตากับชายหนุ่มรุ่น พี่ที่ชื่อเปรม “เขาจีบโต๊ดหรือเปล่า” เมฆาถาม “โต๊ดน่าสนใจในสายตาชายหนุ่มขนาดนั้นเลย” “ไม่รู้สิ ไม่เห็นเคยชมใครให้เราฟัง” เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ “ไปจัดการตัวเองเรื่องผู้หญิงที่ชื่อ จูน ก่อนดีกว่าไหมค่อยมาพูดจาแบบนี้กับโต๊ด ถ้ามีคนอื่นช่วยบอกด้วยจะได้ไม่เสียเวลา แต่ อยากให้สกายบอกโต๊ดตรงๆ อย่าให้ได้ยินจากคนอื่น” คำพูดของภัสสราทำให้ปลายสายเงียบไปทันที เพราะตอนแรกคิดว่าไม่ได้สนใจอะไร “จูนเป็นเพื่อนสนิทและเป็นหลานป้าแจ๊บ เข้าใจยัง” “ต้องเข้าใจอะไร ถ้าสกายว่าอย่างนั้น ก็ตามนั้น” ภัสสราถอนใจ “แค่นี้ก่อนนะ ต้องขับรถแล้ว” เมฆาวางสายทันที เสียงหัวเราะของอิงครัตน์กับเปรมเงียบไปทันที เมื่อเห็นภัสสรากลับเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ “ยิ้มเข้าไว้โต๊ด ผู้ชายมีเยอะบนโลกนี้” เปรมพูดแหย่ แต่สายตาดุๆ กลับไปจ้องมองที่อิงครัตน์ ซึ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “ดีๆ มีน้อยหรือเปล่าคะ พี่ป๊อก” ภัสสราถาม “ป้าขอตัวไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มก่อน เปรมจัดการเองนะ ถ้าไม่รีบไปไหน เดี๋ยวจะเอาผลไม้มาให้ทานด้วย” อิงครัตน์เดินออกไปทาง ด้านที่เป็นห้องครัว “โต๊ดขอตัวสักครู่นะ พี่ป๊อก” ภัสสราบอก “มีอะไร” เปรมถาม “ไม่มีอะไรค่ะ” ภัสสรามาหยุดยืนมองดูอิงครัตน์ที่กำลังผ่าแตงโมและหั่นออกเป็นชิ้นๆ ใส่ในจาน เจ้าบ้านมัวแต่สนใจการจัดเตรียมเลยไม่ทันเห็น ว่า มีคนมายืนมองดูอยู่ “ทำไมต้องนินทากันด้วย ออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บเดียวเอง” “นินทา เรื่องอะไร” อิงครัตน์ถาม “ก็เรื่องที่พี่ป๊อกพูดเมื่อกี้” ภัสสรามองดูอิงครัตน์ที่กำลังจ้องมองมา “ป๊อกแค่แซวเล่นหรือเปล่า” “ป้านั่นแหละบอกอะไรพี่ป๊อกหรือเปล่า” “บอกอะไร ฉันขอนึกก่อนนะว่าฉันคุยอะไรเรื่องเธอบ้างหรือเปล่าแต่ที่อยากให้รู้เอาไว้ ฉันไม่ใช่คนช่างนินทา ฉันโตแล้ว ฉันรู้ดีว่าเรื่องไหนเรื่องส่วนตัว ฉันไม่จำเป็นต้องไปยุ่ง เพราะเธอคงไม่อยากให้ฉันยุ่งเรื่องของเธอใช่ไหมล่ะ ถึงได้ชักสีหน้าใส่ อารมณ์ที่ครุกรุ่นเรื่องของตัวเองก็อย่าเอามาเหวี่ยงใส่หรือมาอารมณ์เสียใส่คนอื่น ถ้าไม่อยากให้ยุ่ง ฉันก็จะไม่ยุ่งด้วย เธอพอใจหรือยังล่ะทีนี้” อิงครัตน์พูดจบ ก็หันกลับไปสนใจสิ่งที่ทำค้างอยู่ หลังจากล้างไม้ล้างมือเสร็จก็เดินถือจานผลไม้เข้าไปให้เปรม โดยไม่ได้สนใจภัสสราที่ยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไร “งานเข้าล่ะแก ปากไม่ดี ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่” ภัสสรารู้สึกผิดที่พูด จาไม่ดีออกไป ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดว่าอิงครัตน์จะพูดคุยกับเปรมเรื่องของตัวเอง อิงครัตน์พูดคุยกับเปรมเรื่องงาน ภัสสรานั่งเงียบอยู่พักใหญ่ไม่กล้าแม้จะรับประทานแตงโมที่วางอยู่ตรงหน้า เพราะเจ้าบ้านไม่ได้เอ่ยปากเชื้อเชิญเลยแม้แต่น้อยต้องเรียกว่าไม่สนใจเลยน่าจะดีกว่า เปรมยิ้มๆ กับท่าทางแปลกๆ ของภัสสราที่เดาได้ไม่ยากนักว่า น่าจะโดนอิงครัตน์เอ็ดเข้าให้ “ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับป้าแจ๊บ ลืมไปว่าจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวมัวแต่ยุ่งๆ เรื่องรถชนเมื่อเช้าและเรื่องงานที่เสร็จเรียบร้อย เสียดายว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย เออโต๊ดอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนป้าแจ๊บก่อนสิ ขับรถมาใช่ไหมเราน่ะ” เปรมคิดว่าสองสาวต่างวัยน่าจะมีเรื่อง พูดคุยกัน เพราะก่อนหน้าต่อปากต่อคำกันเสียจนเหมือนคนสนิท แต่เพียงครู่เดียวที่ภัสสราตามออกไปที่ห้องครัวด้านหลังพอกลับเข้ามา ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน “ค่ะ แต่ว่า” ภัสสราชำเลืองมองไปทางอิงครัตน์ “กลับไปเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันเก็บของนิดหน่อยก็จะเอนนอนอ่านหนังสือสบายๆ อยู่คนเดียวได้” อิงครัตน์พูดขึ้น “โดนไล่เลยเห็นไหมล่ะ พี่ป๊อก” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ “ไล่ตรงไหนกัน ไม่ได้ไล่ พี่ไปก่อนนะ ลาล่ะครับป้าแจ๊บ” เปรมรีบพูด รีบลาและรีบออกไปทันที อิงครัตน์ทำอย่างที่บอกไปเมื่อสักครู่ เริ่มเก็บของเข้าที่เข้าทางให้เหมือนกับเมื่อช่วงเช้า โดยมีภัสสรานั่งมองดูอยู่และรู้สึกว่าตัวเอง เกะกะขึ้นมาทันที “หนูขอโทษ ป้าอย่าโกรธหนูเลยนะ นะ” ภัสสราพูดขึ้น แต่เจ้าบ้านยังคงสาละวนกับการเก็บของเหมือนไม่ได้ยิน จนกระทั่งเห็นนิ้วก้อยยื่นมาตรงหน้า “ไม่ได้โกรธ แต่เธอไม่อยากให้ฉันยุ่งเรื่องของเธอ ฉันก็จะไม่ยุ่งไง” “ไม่โกรธก็ต้องเกี่ยวนิ้วก้อยเข้าด้วยกันสิ ป้าก็” ภัสสรารู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย เมื่ออิงครัตน์ยอมพูดด้วย “ไม่ได้โกรธ ก็ไม่ต้องดีกัน ฉันไม่ได้ยกนิ้วโป้งให้ไม่ใช่เหรอก่อนหน้านี้น่ะ” อิงครัตน์ยิ้มน้อยๆ ให้ “งอนล่ะสิ งั้น” “เธอคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดที่ฉันต้องงอนเลยหรือ” อิงครัตน์ถาม “รู้ว่าไม่ได้สำคัญอะไร หนูรู้ด้วยว่า หนูไม่เคยเข้าไปเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของใครสักคนเลยด้วยตั้งแต่เกิดมา” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ “อายุเท่าไรแล้วเราเนี่ย” อิงครัตน์ถาม “36 จะ 37 แล้ว” “ขี้ใจน้อยเป็นเด็กเลย อายุหายไปตั้ง 30 ปีเลยมั้ง ตอนน้อยใจน่ะ” “ก็ป้าอ๊ะ ทำไมไม่น่ารักเหมือนเมื่อเช้าจนบ่ายล่ะ” ภัสสราพูดคล้ายต่อว่าจนอิงครัตน์หันมายืนท้าวเอวจ้องมอง “เวลาโกรธหรือมีเรื่องอะไร คิดก่อนพูด เราเพิ่งเจอกัน ป๊อกก็ด้วย เราเด็กสุดแต่จะมาพูดคล้ายเหวี่ยงใส่ผู้ใหญ่ที่เขาเป็นห่วงแบบนี้ ไม่ได้” “หนูจะระวัง” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ แต่ท่าทางกวนโมโหทำให้คนที่พร่ำบ่นหัวเราะออกมา เพราะภัสสราพนมมือไหว้ตั้งแต่อิงครัตน์ เท้าเอวและเริ่มพูดสอน “มีคนเป็นห่วง ดีกว่าไม่มี เธอเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้ ฉันรู้ว่าเธอแยก แยะได้ว่า คนไหนหวังดี ใช่ไหม” อิงครัตน์ถาม ภัสสราทำหน้าเศร้ามากกว่าเดิมและยังพนมมือไหว้อยู่ “ค่ะ แต่ป้าเกี่ยวก้อยกับหนูก่อนสิ เพื่อความสบายใจและเป็นการยืนยันว่า ป้าไม่ได้โกรธจริงๆ” ภัสสรายื่นนิ้วก้อยพร้อมทั้งยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ๆ อิงครัตน์ส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ยื่นนิ้วก้อยออกไปคงต้องต่อปากต่อคำกันอีกนาน “เซ้าซี้เหลือเกิน แม่คุ๊ณ” อิงครัตน์ยิ้มๆ จ้องมองแววตาที่ดูสดใสขึ้นของภัสสราพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทะเล้นแต่ก็น่ารัก “น่ารักที่สุด” ภัสสรามองดูนิ้วก้อยที่ยื่นมาเกี่ยวที่นิ้วก้อยของเธอ “เวลาชมช่วยเสียงดังฟังชัดหน่อยให้เหมือนเวลาต่อว่า ไม่ใช่พึมพำงึมงำอยู่ในลำคอ” อิงครัตน์แกล้งพูดดุ “น่ารักที่สุดเล๊ย” เสียงตะโกนดังลั่นทำให้สองสาวต่างวัยหัวเราะขึ้นพร้อมๆ กัน อิงครัตน์ยิ้มมองดูภัสสราที่ยังคงหัวเราะคิกคักแถมยังเต้นแร้งเต้นกาทำท่าดีใจ “เหรอ ตอบแทนด้วยกับข้าวอร่อยๆ อีกสักมื้อสิ” “ฮั่นแน่ ติดใจล่ะสิ ป้าอยากกินเมื่อไหร่ หลังจากนี้โทรฯ บอกนะ หนูจะรีบแจ้นมาทำให้ทานทันทีเลย” ภัสสรายิ้มน้อยๆ เมื่อสบตากับ แววตาของคนที่ยิ้มน้อยๆ จ้องมองอยู่ก่อน “เป็นแม่ครัวเคลื่อนที่หรือไง” อิงครัตน์ถาม “เฉพาะป้าคนเดียว” ภัสสรายิ้มอายๆ “มานี่ขยับเข้ามาใกล้ๆ ผมเฝ้ายุ่งเหยิงหมดแล้ว กระโดดโลดเต้นเสียจนบ้านฉันเกือบฟัง” อิงครัตน์ยิ้มๆ เมื่อเห็นภัสสรายิ้มอายๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ “ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ หาทางแก้ไขไป อย่าใจร้อน เข้าใจนะ” อิงครัตน์พูด ขณะลูบไล้ไปที่เส้นผมเพื่อจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้กับภัสสราที่ยืนนิ่งทำตัวแข็งทื่ออยู่ “ป้าจะอยู่ช่วยบ่น ช่วยสอนไปเรื่อยๆ ไหม” ภัสสราถามเสียงอ่อยๆ หลังจากอิงครัตน์ช่วยรวบผมให้ “ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ เธอ” อิงครัตน์หัวเราะเล็กๆ เมื่อคนที่ยืนก้มหน้าอยู่รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที “เอาจริงๆ สิ เอาที่ออกมาจากในนี้ด้วยนะ” ภัสสราพูดเสียงอ่อยๆ ขณะเอามือจิ้มไปที่หน้าอกด้านซ้ายของอิงครัตน์ “ถ้าไม่รำคาญคนแก่ ก็ตามใจ ห้ามไล่กันด้วยล่ะ” อิงครัตน์ขยับเข้าใกล้ๆ เสียจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผม เมื่อขยับเข้าใกล้อีก นิดจนริมฝีปากไปทาบทับอย่างแผ่วเบาโดยไม่ให้เจ้าของเส้นผมนั้นรู้ตัว “ป้าก็อย่ารำคาญหนูนะ” ภัสสราพูดขึ้น การได้อยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึก สบายใจ อุ่นใจ หรือนั่นเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ของอิงครัตน์ที่ แสดงออกให้เห็นถึงความห่วงใยอันแสนอบอุ่น “ไม่รับปาก รวบผมให้เรียบร้อยแล้ว เวลาทำกับข้าวจะได้ไม่ร้อน” “เอ๊า ไม่รับปากได้ไงล่ะ” ภัสสราพูดต่อว่า “เอ๊า ก็เราน่ะแสบจะตาย จะให้รับปากง่ายๆ ได้ไงล่ะ” อิงครัตน์หัวเราะมองดูคนหน้างอเดินปึงปังเปิดประตูออกไปทางห้องครัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD