บทที่ 3
เสียงใครกันที่ห่วงใยข้า
ข้าขอโทษ
ร่างบอบช้ำดั่งหักพับแขนขาบิดรูปคุดคู้อยู่ในกระสอบที่บัดนี้ถูกโยนขึ้นบนเกวียนบรรทุกขยะกลิ่นเหม็นเน่าจนไม่มีใครกล้าเดินเฉียดใกล้ เสียงล้อเกวียนบดลงบนดินกรวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ร่างเล็กอาบไปด้วยเลือดโยกคลอนไปมาตามแรงเหวี่ยง
คนพวกนั้นคงกำลังนำนางไปโยนทิ้งราวกับทิ้งเศษขยะเน่าเหม็นไร้ค่า ต่อให้พวกมันไม่ลงมือฆ่านางก็กำลังจะตายอยู่ดี เพราะความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจกำลังทำให้นางทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
ฟ่านลู่เสียนร่ำไห้ออกมาจนน้ำตาเป็นสายเลือด เวลานี้ดวงตาของนางเริ่มพร่ามัวมืดบอดมองไม่เห็นอะไร มีเพียงหูที่ยังได้ยินเสียงสรรพสิ่งต่างๆ รอบตัว
‘เพราะความโลภ ความมักใหญ่ใฝ่สูงของข้า ทำให้ครอบครัวของข้าต้องตาย ท่านพ่อ ท่านแม่ เฝ**นเอ๋อร์ น้องสาม ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ ข้าไม่มีหน้าจะไปเจอพวกท่านยังปรโลก ข้าละอายใจเหลือเกิน’
เมื่อห้าปีที่แล้วนางเป็นเพียงฟ่านลู่เสียนบุตรสาวของพ่อค้าขายผ้าในตลาดเมืองชิวแห่งแคว้นไห่เหอ ร้านขายผ้าขนาดเล็กที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก ตัวร้านเพียงขนาดสองชั้น ชั้นล่างแบ่งเป็นร้านขายผ้าทั้งปลีกและส่ง หน้าร้านมารดาทำขนมต่างๆ วางขายเพื่อเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ด้านบนชั้นสองเป็นส่วนที่หลับนอน นางมีน้องสาวหนึ่งคนที่มีวัยไล่เลี่ยกัน
แต่แล้วจู่ๆ ชีวิตของนางก็พลิกผันราวกับฝันไป เมื่อประมุขเถาผู้มีตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมสูงศักดิ์มาเยือนร้านผ้าเล็กๆ นางจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมารดาของนางเป็นบุตรสาวของอดีตประมุขเถาคนก่อนผู้วายชนม์ เป็นน้องสาวคนละมารดากับเสนาบดีเถา ทว่ามารดาเป็นบุตรนอกสมรสที่เกิดกับสาวใช้ต้อยต่ำภายในเรือนจึงไม่เป็นที่ยอมรับ
เมื่อแต่งงานมารดาจึงติดตามสามีมาตั้งรกรากยังเมืองชิวแห่งนี้และไม่ได้ติดต่อกลับไปยังตระกูลเดิมอีกเลย นั่นก็หมายความว่าท่านเสนาบดีกลาโหมคือ ‘ท่านลุง’ ของนาง
‘เถาเกอจื่อ’ เสนาบดีกลาโหมผู้มากไปด้วยอำนาจเดินทางมายังร้านขายผ้าเล็กๆ ที่แสนต่ำต้อยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ทันทีที่เขาเห็นนางเขาถึงกับทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ในแววตาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส
‘อา...เหมือนเหลือเกิน เด็กน้อยเจ้าช่างเหมือนบุตรสาวของข้าที่เพิ่งตายไปเสียเหลือเกิน’
เสนาบดีเจ้าเล่ห์บอกเล่าถึงโศกนาฏกรรมสะเทือนใจเมื่อบุตรสาวคนโตประสบอุบัติเหตุรถม้าตกหน้าผาจนเสียชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ไม่อาจบอกกล่าวแก่ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งรักหลานสาวยิ่งกว่าดวงใจ เพราะหลานสาวผู้นี้มีใบหน้าละม้ายคล้ายอดีตประมุขเถาผู้ล่วงลับ
เมื่อท่านลุงนำรูปเหมือนของคุณหนูเถาเหลียวเกอขึ้นมา ทุกคนในครอบครัวของนางก็ถึงกับตกใจ เพราะคุณหนูเถาผู้นั้นมีใบหน้าเหมือนฟ่านลู่เสียนแทบไม่ผิดเพี้ยน เหมือนราวกับฝาแฝด นั่นเพราะทั้งสองล้วนมีใบหน้าคล้ายอดีตประมุขเถาผู้วายชนม์นั่นเอง
เถาเกอจื่อวอนขอต่อบิดามารดาของนาง เพื่อที่จะนำนางไปแทนคุณหนูเถาผู้เคราะห์ร้าย โดยสัญญาว่านางจะได้ทุกอย่างตามที่คุณหนูเถาตัวจริงพึงจะได้ ทั้งการศึกษา การเข้าสังคม การใช้ชีวิต
ที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพราะไม่อยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่ชรามากแล้วต้องสะเทือนใจจนล้มป่วย และเพื่อไม่ให้ตระกูลเถาสั่นคลอน เพราะกำลังจะมีการหมั้นหมายระหว่างตระกูลเถาและองค์รัชทายาท
‘ข้าจะส่งเสริมให้บุตรสาวของพวกเจ้ากลายเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดินนี้ โปรดวางใจมอบบุตรสาวให้ข้าเถอะ ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าทั้งสองผิดหวังแน่นอน...’
เสนาบดีเถาไม่ได้ขู่บังคับ ใบหน้าของเขาหมองเศร้าอย่างคนที่อมทุกข์ บิดาของนางลำบากใจเพราะไม่อยากมอบบุตรสาวคนโตให้ไกลห่าง เพราะเวลานั้นนางมีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น
ส่วนมารดานั้นเศร้าสะเทือนใจด้วยรักและเคารพฮูหยินผู้เฒ่าไม่น้อย เพราะฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยกลั่นแกล้งรังแก แตกต่างจากเหล่าอนุภรรยาและพี่น้องคนอื่นๆ ที่คอยกลั่นแกล้งจนนางไม่อาจกลับไปที่ตระกูลนั้นได้อีก
ส่วนนางนะหรือ...
นางอยากออกไปจากตลาดที่แออัดและแสนคับแคบ อยากจะออกไปสู่โลกกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลาย เดินทางสู่เมืองหลวงศิวิไล และใช้ชีวิตในฐานะคู่หมั้นขององค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์
ด้วยวัยสิบหกปีนั้นเต็มไปด้วยความฝันที่ราวกับเมฆขาวฟู่ฟ่องไปบนท้องฟ้า อ่อนต่อโลก อ่อนต่อประสบการณ์ และไม่เฉลียวใจเลยว่าจิตใจมนุษย์นั้นลึกล้ำเกินจะหยั่งถึงเพียงใด
‘ท่านลุงข้าอยากจะไปกับท่านเจ้าค่ะ’
คำพูดนั้นได้เปลี่ยนโชคชะตาของฟ่านลู่เสียนไปตลอดกาล...
โครม!
จู่ๆ เกวียนบรรทุกขยะก็พลิกคว่ำระหว่างทาง ร่างที่อยู่ในกระสอบข้าวสีตุ่นกลิ้งหลุนๆ ลงมาจากเกวียน เสียงดาบปะทะดาบ เสียงคนร้องโหยหวนร้องขอชีวิตดังลั่นผืนป่า
ฟ่านลู่เสียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางจมสู่ห้วงแห่งความทุกข์จนไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ จนกระทั่งจู่ๆ กระสอบที่ถูกมัดแน่นก็เปิดออก มีมือหนาคู่หนึ่งโอบประคองนางเอาไว้ราวกับกลัวนางจะแลกสลาย
“พวกมันทำกับเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ! ไอ้พวกสารเลวเหตุใดจึงทำกับสตรีไร้ทางสู้ได้ถึงเพียงนี้! ข้ามาช้าเกินไป ข้าขอโทษที่ไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้เลย ลู่เสียนได้โปรดทำใจดีๆ ไว้นะ...”
น้ำเสียงช่างคุ้นหูเหลือเกิน เป็นเสียงคนรู้จักแน่ๆ แต่เป็นใครนางก็คิดไม่ออก
ใครกันนะที่เจ็บแค้นแทนนางถึงเพียงนี้
คนผู้นี้เป็นใครกันเขาตามมาช่วยข้างั้นหรือ
น้ำเสียงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใย
คนผู้นี้ห่วงใยข้างั้นหรือ...
“ทำใจดีๆ ไว้นะข้าจะช่วยเจ้าให้ได้ ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้!”
มือหนาบีบมือของหญิงสาวเอาไว้แน่น มองใบหน้าที่ถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะด้วยความเจ็บปวด
ประสาทสัมผัสยังไม่แตกดับทั้งหมด ชั่วเสี้ยวลมหายใจลู่เสียนรู้สึกได้ถึงมือสากกระด้างที่มีรอยแผลเป็นพาดกลางฝ่ามือเป็นรอยยาว
‘เป็นคนที่มีแผลเป็นที่ฝ่ามือสินะ ขะ...ข้าจะจดจำท่านเอาไว้...’
ดวงตาที่มืดบอดด้วยพิษร้าย และเวลานี้หูของนางซึ่งเป็นประสาทสัมผัสสุดท้ายก็กำลังจะดับลงเช่นกัน หลังจากนั้นแม้นางจะรับรู้ว่าชายผู้นี้กำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่นางไม่อาจได้ยินมันอีกต่อไปแล้ว
เสี้ยวลมหายใจสุดท้ายที่กำลังดับลง หัวสมองฉายภาพในอดีตให้เด่นชัดขึ้นในความทรงจำ นางในวัยเยาว์จูงมือบิดามารดาลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำจิงเหอ วันนั้นมีงานเทศกาลลอยโคมบูชาเทพเจ้า นางมีความสุขกับงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยร้านรวงและของกินมากมายให้เลือกสรร
‘เสียนเอ๋อร์ขอพรต่อท่านเซียนเหยียนเมิ่งสิลูก ท่านเป็นเทพแห่งความปรารถนาที่พวกเราล้วนเคารพบูชา หากท่านรับรู้ความปรารถนาที่แรงกล้าของลูก ท่านจะต้องดลบันดาลให้ลูกสมหวังแน่นอน’
ในวันนั้นนางที่มีวัยเพียงสามปีปล่อยโคมบูชาเทพเจ้าให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง อธิษฐานเพียงแค่ขอให้มารดาซื้อถังหูลู่ให้เท่านั้น
ช่างเป็นคำอธิษฐานที่ปราศจากความโลภเสียจริง
เหตุใดนางจึงหวนคิดถึงช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น ในเวลาที่ลมหายใจกำลังจะแตกดับเช่นนี้เล่า...
‘ท่านเซียนเหยียนเมิ่งได้โปรด ได้โปรดให้ข้าได้แก้แค้นพวกมันทุกคนอย่างสาสม ได้โปรด...’
ฟ่านลู่เสียนอธิษฐานก่อนที่ลมหายใจจะดับลง
“ลู่เสียน! ลู่เสียน!”
ชายหนุ่มตะโกนเรียกร่างไร้วิญญาณที่อาบไล้ไปด้วยเลือดส่งกลิ่นคาวคลุ้ง เขากอดศพของนางไว้อย่างไม่รังเกียจแม้ว่าอาภรณ์สีขาวของเขาจะเปรอะเปื้อนก็ตาม
“ข้าขอโทษ ขอโทษที่ช้าไป ขอโทษ!”
ใบหน้าหล่อเหลาอาบไล้ไปด้วยหยาดน้ำตา กัดข่มกรามเป็นสันนูนด้วยความชิงชังเหล่าคนชั่วพวกนั้นสุดหัวใจ เขาเพิ่งสืบรู้มาว่าคุณหนูเถาเหลียวเกอได้ออกจากที่ซ่อนตัวในวันนี้ เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเสนาเถาเจ้าเล่ห์จะลงมือฆ่าฟ่านลู่เสียนในทันที
“ท่านชินอ๋องขอรับ พวกเราต้องไปแล้ว จะให้ใครรู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด”
ชายหนุ่มจำต้องปล่อยร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวลงบนพื้น แรกทีเดียวเขาเกลียดชังนาง เกลียดชังคนของศัตรูจนเข้ากระดูกดำ ยิ่งเมื่อรู้ว่านางเป็นเพียง ‘ตัวปลอม’ เขาก็พยายามกลั่นแกล้งนางต่างๆ นานา
จนเมื่อได้เห็นว่านางสดใสและไร้พิษภัย คำพูด แววตาของนางเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์อย่างคนที่ไม่รู้จักโลกไม่รู้จักเล่ห์กลของมนุษย์ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังกลายเป็นเหยื่อ เขาจึงพยายามขับไล่ให้นางออกไปจากตระกูลเถา ขู่บังคับว่าจะเปิดโปงความลับหมายให้นางหวาดกลัวแล้วถอนตัวจากเรื่องบ้าๆ นี่เสีย
จ้าวเหวินฮวนเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวจนก่อเกิดเป็นความรักโดยที่ไม่รู้ตัว
ทว่า...
ภายในดวงตาของนางกลับมีเพียงองค์รัชทายาทผู้เป็นหลานชายของเขาเพียงเท่านั้น สายตาของนางไม่เคยมองมาที่เขาเลยสักครั้ง
“ลาก่อนลู่เสียน”