“พวกเราพร้อมโจมตีในทันทีที่ได้รับคำสั่งจากผู้พันครับ” ผู้กองฟาดิสเอ่ยตอบบ้าง ซึ่งเขาเองก็ติดไมค์ไว้กับตัวเพื่อติดต่อกับหน่วยสวาทด้วย
ผู้พันฮาคิมพยักหน้ารับ เอ่ยสั่งเสียงเครียด “พยายามกันเด็กและผู้หญิงออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห้ามทำร้ายเด็กและผู้หญิง เราต้องการเด็ดหัวแค่ไอ้นาฟซากับลูกน้องของมันเท่านั้น”
“ครับ ผู้พัน” ผู้กองฟาดิสรับคำ
และหน่วยสวาทก็รับทราบในคำสั่งนี้ “รับทราบครับ”
ผู้พันฮาคิมพยักหน้าแล้วเอ่ยสั่งผู้กองฟาดิสต่อ พลางตบลงไปบนสีข้าง เพื่อให้มั่นใจว่าอาวุธประจำกายพร้อมสำหรับการปลิดชีวิตคนชั่ว
“ตัวประกัน เราอยากให้นายช่วยไกด์คนนั้นออกมาให้ได้”
“ผมสัญญาว่าจะช่วยเธอให้ได้ครับ”
ผู้กองฟาดิสรับคำเสียงเข้ม นอกจากให้สัญญากับผู้พันแล้ว ยังให้สัญญากับตัวเองว่าจะช่วยชีวิตไกด์สาวให้รอดปลอดภัย แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตามที...
และเมื่อเดินเร็วๆ ถึงลานชุมนุมแหวกฝูงชน ที่กำลังสนุกสนานกับการมุงดูเหยื่อถูกทรมานโดยนาฟซากับชิยาด์ ก็ได้เห็นร่างโชกไปด้วยเลือดของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งถูกมัดมือมัดเท้ายึดติดกับเสาที่ปักอยู่บนพื้นดิน ใบหน้าของอีกฝ่ายแตกยับเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน ดวงตาทั้งคู่ถูกทำร้ายจนมีเลือดออกจากตรงหางตา สภาพใบหน้าของเหยื่อไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น และที่หนักไปกว่านั้นมีเลือดออกทางปากและจมูกในทุกครั้งที่เขาหายใจ...
ผู้กองฟาดิสละสายตาจากเหยื่อที่กำลังถูกทรมาน เพื่อกวาดสายตามองหาไกด์สาว แม้ไม่เคยเห็นตัวจริงของหญิงสาวมาก่อน แต่น่าแปลกใจเมื่อเขาจดจำใบหน้าของหญิงสาวได้อย่างแม่นยำ หลังจากได้มองภาพของเธอที่ลูกน้องได้นำมาให้ดู
และทันใดนั้น ดวงตาคมก็เห็นคนที่กำลังตามหาอยู่ ผู้กองฟาดิสจ้องมองไปยังไกด์สาวที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ราวกับถูกสะกดด้วยสายตา ร่างใหญ่กำยำจึงเดินตรงไปหาเชลยสาวโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่ดวงตาที่มองด้วยความพิศวาสหรือรักใคร่ ทว่า...เป็นดวงตากลมโตที่จ้องมองมาด้วยแววตาหวาดกลัวสุดชีวิต และในความหวาดกลัวนั้นแฝงไปด้วยการร้องขอให้ช่วยเหลือชีวิตของเธอ ผู้กองฟาดิสจึงเดินตรงดิ่งไปหาไกด์สาวที่ถูกจับเป็นเชลยโดยไม่รอช้า
‘ผมจะช่วยคุณเอง’
ผู้กองฟาดิสเอ่ยบอกผ่านดวงตาทั้งคู่ มั่นใจว่าหญิงสาวเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสารผ่านดวงตาทั้งคู่ เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้ารับช้าๆ
และเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ผู้กองฟาดิสจึงหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ กับไกด์สาวโดยไม่พูดอะไรออกมา แม้ดวงตาคมกริบยังจ้องมองเชลยหนุ่ม ซึ่งยังคงถูกทรมานอยู่กลางลานชุมนุม กระนั้นผู้กองก็พร้อมช่วยไกด์สาวในทุกนาที เมื่อได้รับคำสั่งให้โจมตีจากผู้พันฮาคิม
แสนรักไม่รู้ว่าตนเองสลบเหมือดไปนานมากเพียงใด ไม่รู้ว่าลูกทัวร์ทุกคนเป็นอย่างไร ปลอดภัยดีไหม และไม่รู้ว่าตนเองถูกพาไปที่ไหน
และจากที่คิดว่าจะได้โพสต์ท่าสวยๆ เพื่อถ่ายรูปบนคลื่นทะเลทราย ที่อาบไปด้วยลำแสงสีทองของดวงสุริยาในยามอัสดง กลับกลายว่าต้องตกเป็นเชลยอยู่ท่ามกลางกองโจรที่โหดเหี้ยมทุกหยดเลือด
และตอนนี้ก็กำลังมีเรียลลิตี้โชว์อันน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น เชลยคนหนึ่งถูกมัดมือมัดเท้าติดกับเสาไม้ และแน่นอนว่าเชลยถูกทรมานทุกรูปแบบจนเลือดสาดเพราะคนชั่วเหล่านี้ต้องการข้อมูลบางอย่างจากเชลย ซึ่งไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว
“นี่เราถูกจับตัวมาเรียกค่าไถ่จริงหรือนี่ มาถึงดินแดนที่ใฝ่ฝัน ไม่ทันได้เหยียบลงบนทะเลทราย ก็ถูกโจรทะเลทรายต้อนรับขับสู้เลยหรือ...”
แสนรักพึมพำกับตัวเอง หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่ก็พยายามตั้งสติให้มั่น อีกทั้งภาวนาให้ทางตำรวจ ทหาร ได้ตามมาช่วยเธอให้รอดพ้นจากกองโจรอันโหดเหี้ยมแห่งนี้
และขณะถูกจับตัวให้มานั่งเป็นเชลย โดยยังไม่รู้ชะตากรรมอยู่ท่ามกลางคนเลวเกินครึ่งร้อย หญิงสาวก็กลายเป็นผู้ชมเรียลลิตี้โชว์อันน่าสะพรึงกลัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกครั้งที่เห็นเชลยผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ถูกทำร้ายจนเลือดไหลนองส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว ก็แทบร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่าเรียลลิตี้โชว์คงจบลงพร้อมๆ กับชีวิตของเหยื่อคนนี้
แสนรักจ้องมองการทรมานเหยื่อแทบไม่กะพริบตา ภาวนาให้ตนเองและชายผู้นี้รอดปลอดภัยด้วยกัน และพลันนั้นก็เห็นมีผู้ร่วมชมเรียลลิตี้โชว์อีกสองคน ที่กำลังเดินแหวกฝูงชนคนชั่วเข้ามา
ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าและดวงตาของชายทั้งสองชัดๆ แสนรักบอกกับตัวเองว่า แม้ชายทั้งสองคนนี้อยู่ท่ามกลางกองโจรครึ่งร้อย แต่พวกเขากลับไม่เหมือนโจรทั่วไป
“ขอให้พวกเขามาช่วยเราด้วยเถอะ”
แสนรักภาวนากับตัวเอง อยากให้เป็นเช่นนั้นเหลือเกิน อยากให้มีพระเอกขี่ม้าขาวสักคนมาช่วยเธอให้หลุดไปจากขุมนรกแห่งนี้
เมื่อบุรุษร่างใหญ่กำยำเดินตรงมาหา สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้แตกต่างจากพวกโจรโหดเหี้ยมที่จับตัวเธอมา มีกระแสบางอย่างบอกว่าเขาเป็นคนดี และจะสามารถช่วยเธอได้ในที่สุด
‘ช่วยฉันด้วย...ได้โปรด...’
แสนรักส่งสายตาวิงวอนขณะร้องก้องอยู่ในใจ พลันนั้นความรู้สึกปลอดภัยก็วิ่งวนอยู่ทั่วตัว ขณะมองสบตากับดวงตาคม แม้แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว แต่ก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังให้คำสัญญากับเธอว่า เขาจะช่วยเธอหนีไปจากขุมนรกเอง
ผู้กองฟาดิสเหลือบสายตามองไกด์สาวที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่ชั่วขณะ แม้หญิงสาวไม่ได้เอ่ยพูดออกมา ทว่าเขากลับรับรู้ในสิ่งที่หญิงสาวสื่อสารผ่านดวงตาคู่สวยทั้งคู่
ปฏิบัติการถอนรากถอนโคนกองโจรของนาฟซาในครั้งนี้ กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ผู้พันฮาคิมและผู้กองฟาดิสรอหน่วยสวาทที่เก่งที่สุดในประเทศคาลาส์มาเป็นกองหนุน ซึ่งหน่วยสวาทจะเดินทางมาถึงในอีกห้านาที และตอนนี้ผู้พันฮาคิมพยายามถ่วงเวลาไม่ให้นาฟซาฆ่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย