แต่...จริงๆ แล้วทั้งสองได้หลบมาพักอยู่ในบ้านพักแห่งนี้ ซึ่งไม่ปรากฏอยู่บนแผ่นที่ในประเทศคาลาส์ และไม่สามารถค้นหาด้วยดาวเทียมได้ และในขณะกำลังเช็คสภาพรถเพื่อเตรียมตัวกลับไปยังดงโจรอีกครั้ง นายทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็เดินตรงมาหาด้วยความใจร้อน
“ผู้กองครับ มีรายงานว่าลูกน้องของไอ้นาฟซาดักปล้นรถนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยครับ” ผู้หมวดโอฮาลเอ่ยรายงานรัวเร็วแทบไม่ได้หายใจ
และนั่นทำเอาผู้กองฟาดิสถึงกับตีสีหน้าเครียด กัดฟันกรอดขณะเอ่ยพูดออกมา “มันเล่นงานนักท่องเที่ยวอีกแล้วหรือนี่ มีใครได้รับบาดเจ็บหรือตายไหม”
“ทหารนอกเครื่องแบบตายสามคน รวมทั้งคนขับรถตู้ครับ” เอ่ยบอกไปแล้ว ผู้หมวดโอฮาลก็ยื่นโทรศัพท์ให้ผู้กองฟาดิสได้รับไปดูภาพจากสถานที่เกิดเหตุ
“บ้าฉิบ! มันยิงซะรถพรุนไปทั้งคัน”
ผู้กองฟาดิสเผยความโกรธจัดให้เห็น ยิ่งเลื่อนเห็นสภาพของคนขับรถที่นอนตายฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถ ก็ยิ่งโกรธเป็นเท่าตัว
“มันคงยิงคนขับในระยะเผาขน และนัดเดียวจอด”
“ใช่ครับผู้กอง” ผู้หมวดโอฮาลรับคำ พลางเอ่ยรายงานต่อ “นักท่องเที่ยวถูกกวาดทรัพย์ไปเกลี้ยง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว แต่พวกมันจับตัวไกด์ไปครับ”
“แล้วตอนนี้ไกด์ที่ถูกจับตัวไปเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่มีรายงานเข้ามาว่าถูกฆ่าหรือปลอดภัยดี”
“เราหวังว่าเธอยังไม่ถูกทำร้ายและทรมานด้วยวิธีชั่วๆ ที่พวกมันทำกับเหยื่อสาวทุกคน” ผู้กองฟาดิสได้แต่หวังว่าเป็นเช่นนั้น
“ผมก็หวังว่าเธอจะปลอดภัย” ผู้หมวดโอฮาลพึมพำเบาๆ แม้รู้ดีว่าแทบไม่มีทางเป็นไปได้แต่เขาก็หวังให้เชลยมีชีวิตรอดปลอดภัย
“เราจะไปรายงานให้ผู้พันทราบเดี๋ยวนี้”
ผู้กองฟาดิสขบกรามแน่น จากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องนอนของผู้พันฮาคิม เคาะประตูเรียกเบาๆ แค่ไม่กี่ครั้ง ประตูห้องนอนก็เปิดออกกว้าง
“ว่ายังไง ฟาดิส” ผู้พันฮาคิมเอ่ยถามลูกน้อง พอเห็นสีหน้าของผู้กองฟาดิสแล้ว ก็พอคาดเดาได้ว่าต้องมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“สายของเราแจ้งว่าลูกน้องของไอ้นาฟซาเพิ่งปล้นรถของนักท่องเที่ยวครับ”
ผู้กองฟาดิสรายงานเสียงเครียดไม่แพ้สีหน้า ซึ่งมีริ้วรอยของความเป็นกังวลวิ่งวนอยู่ทั่วใบหน้าคมเข้ม
“นักท่องเที่ยวโดนจับไปกี่คน”
“คนเดียวครับ เป็นไกด์จากประเทศไทยครับ”
ผู้กองฟาดิสรายงานพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ผู้บังคับบัญชาดูภาพของไกด์สาวจากประเทศไทย ผู้เคราะห์ร้ายถูกจับตัวในวันแรกที่พาลูกทัวร์มาเที่ยวประเทศคาลาส์
ผู้พันฮาคิมเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์มามองดูภาพอยู่ชั่วครู่ เคร่งเครียดจนต้องออกคำสั่งรัวเร็ว “ไปคุยกันต่อในห้องทำงาน”
“ครับผู้พัน “ ผู้กองฟาดิสรับคำ รีบเดินตามร่างใหญ่ล่ำสันเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ถัดออกไปอีกห้อง
“ไอ้นาฟซามันเรียกค่าไถ่หรือยัง”
ผู้พันฮาคิมเอ่ยถามต่อ เมื่อเข้ามาในห้องทำงานแล้ว ร่างใหญ่ล่ำสันเดินไปเดินมาภายในห้องทำงาน กังวลกับสถานการณ์อันเลวร้ายในบ้านเมืองจนไม่อาจนั่งลงได้
“ยังครับผู้พัน สายของเราแจ้งว่ามันดักปล้นรถของนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปเที่ยวทะเลทรายและโอเอซิส และก็จับตัวไกด์คนนี้ไว้ครับ”
“มันยังไม่เรียกค่าไถ่ ซึ่งผิดปกติจากที่ผ่านๆ มา ที่มันจะเรียกร้องหาเงินในทันที ไอ้นาฟซามันกำลังเล่นเกมอะไรอยู่” ผู้พันฮาคิมเอ่ยถามตัวเองมากกว่าจะถามลูกน้องที่ยืนตีหน้าเครียดใกล้เขา
“หรือว่า...มันกำลังคิดการใหญ่มากกว่าการเรียกค่าไถ่” ผู้กองฟาดิสวิเคราะห์สถานการณ์อันร้อนระอุ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ
ผู้พันฮาคิมนิ่งเงียบใช้ความคิด แล้วเอ่ยถามลูกน้องต่อว่า “เมื่อสักครู่นายบอกเราว่าไกด์มาจากประเทศไทยยังงั้นหรือ”
“ใช่ครับ ผู้พัน” ผู้กองฟาดิสพยักหน้ารับ พลางเอ่ยรายงานต่อ “มีนักท่องเที่ยวชาวไทยรวมกับไกด์เดินทางไปที่โอเอซิส ไอ้นาฟซามันดักปล้นระหว่างทางครับ”
“ไอ้นาฟซามันจงใจจับไกด์ชาวไทย และแน่นอนว่านอกจากเงินที่มันจะได้แล้ว มันต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ท่านพ่อเพิ่งเซ็นสัญญาทำธุรกิจร่วมกับรัฐบาลไทย ไอ้นาฟซามันต้องการเห็นประเทศคาลาส์ย่อยยับในทุกทาง”
ผู้กองฟาดิสก้มลงมองภาพของไกด์สาวจากโทรศัพท์มือถือของตนเอง จู่ๆ ก็ถูกความรู้สึกที่เหนือกว่าความเป็นห่วงแล่นมาปะทะหัวใจ จนต้องพึมพำออกมาว่า “ผมหวังว่าตอนนี้เธอยังคงปลอดภัยดี ไม่ถูกคนของไอ้นาฟซาทำร้ายเอา”
พันฮาคิมถอนหายใจลึก แล้วเอ่ยสั่งผู้กองฟาดิสเสียงเครียด “เห็นทีว่าเราต้องปิดบัญชีไอ้นาฟซาขั้นเด็ดขาดแล้ว แจ้งข่าวไปทุกหน่วยให้เตรียมกองกำลังให้พร้อม ทันทีที่กันเด็กกับผู้หญิงออกมาจากค่ายของไอ้นาฟซาได้แล้ว ให้ทุกหน่วยลงมือโจมตีได้เลย เราจะเด็ดหัวไอ้นาฟซาภายใน 24 ชั่วโมง เอาให้สิ้นซาก!”
“ครับผู้พัน”
หน่วยสวาทที่เก่งที่สุดในประเทศคาลาส์ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้เตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ ถูกสั่งการจากผู้กองฟาดิสเป็นการเร่งด่วน
และแน่นอนว่าทันทีที่ได้รับคำสั่ง หน่วยสวาทซึ่งมีอาวุธครบมือก็เคลื่อนพลตรงไปยังกองโจรของนาฟซา พร้อมถล่มคนชั่วให้ราบเป็นหน้ากลอง
“อยากเล่นงานไอ้นาฟซาเต็มทนแล้ว”
ผู้กองฟาดิสกระตุกยิ้มตรงมุมปากหลังจากโทร.สั่งการกับหน่วยสวาทแล้ว เขาคันไม้คันมืออยากเล่นงานไอ้นาฟซาและลูกน้องชั่วทั้งโขยงมานานแล้ว และขณะเดินตามผู้บังคับบัญชาตรงไปยังรถยนต์ มือใหญ่ก็ตบไปบนปืนพก ที่เหน็บอยู่ตรงซอกเอวทั้งสองด้าน พึมพำกับอาวุธคู่ใจว่า
“อีกไม่เกินชั่วโมงก็จะได้ส่งคนชั่วไปลงนรกแน่”
ทันทีที่ขับรถมาถึงกองโจรของนาฟซา ผู้พันฮาคิมกระโจนลงจากรถ ตามด้วยผู้กองฟาดิส สีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ขณะก้าวเดินตรงไปยังลานชุมนุม ผู้พันก็กระซิบถามผ่านไมค์อันเล็ก ซึ่งแอบซุกซ่อนไว้เพื่อติดต่อกับหน่วยสวาท ที่กำลังเดินทางมาสมทบในอีกไม่นาทีข้างหน้านี้
“ทุกหน่วยพร้อมแล้วใช่ไหม”
“พร้อมครับ ผู้พัน...พวกเรากำลังเคลื่อนกำลังไปครับ” หัวหน้าหน่วยสวาทตอบกลับมา