“นิแบบนั้นละที่รัก”
“ที่รักขา...” นิดาร้องครางระงมชอบอารมณ์ที่กำลังปีนป่ายไปถึงจุดหมายพร้อมๆ กับเขา สะโพกผายแอ่นรับ รอให้เขาสวนกลับลงมาอย่างมิดเม้น
“โอ้... กี” เสียงครางไม่ได้ศัพท์ประสานกับเสียงคำรามเป็นระยะ สะโพกสอบควบขี่เข้าออกต่อเนื่อง เธอตอดรัด เขาขยับรุก ส่งกายเคลื่อนไหวจ้วงลึกลงในซอกรักที่ร่อนส่าย ก่อเกิดความเสียวซ่านทุกครั้งที่พานพบกัน ทำให้หยาดเหงื่อไหลโซมไปทั่วกาย
เมื่อใกล้จะถึงฝั่งฝัน จุดหมายปลายทางแห่งความสุขทำให้สองร่างดิ้นรนแนบกายเข้าหากันด้วยความหฤหรรษ์ ความกระสันสุขแตกซ่านไปทั่วร่าง นิดาแหงนหน้าเชิดขึ้น กระตุกเกร็ง ยอดอกแข็งเป็นไต เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า กลีบสวาทคาบคาบีบรัดแก่นกายชายตุบๆ ด้วยความสุขสมอย่างรุนแรง
กีรติกดกายสุดลำนำรัก รับรู้ถึงความสุขสุดยอดที่ส่วนปลายของความแข็งแกร่ง การตอดรัดที่รุนแรงของเธอ ทำให้ธารร้อนในตัวเขาหลั่งล้นออกมาเต็มซอกทางสวาทจนหมดสิ้น เสียงหอบหายใจระงมดังประสานกันลั่นเหมือนออกกำลังกายมาอย่างหนัก ก่อนที่ร่างสูงของกีรติจะพลิกกายนอนคว่ำลงด้านล่าง นิดาขยับกายทาบทับแผ่นหลังเปลือยชื้นเหงื่อ เธอวางคางที่ไหล่ของเขาอย่างออดอ้อน ในขณะที่กีรติหลับตาหายใจหอบแรง
“มีความสุขหรือเปล่านิ” เขาเอ่ยถามในขณะที่ยังหลับตา สัมผัสได้ถึงเรือนร่างเปลือยแสนยั่วเย้าของภรรยาที่ทาบทับลงมา
“มีความสุขมากๆ เลยค่ะ”
“คิดออกหรือยัง” เขาพลิกกายมากอดรัดร่างน้อย
เธอช้อนสายตาพราวระยับขึ้นมอง
“เมื่อกี้คิดเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ตอนที่กีรักนินะเหรอ ยังมีอารมณ์คิด”
“ไม่ได้สิคะ เดี๋ยวผิดคำพูด กีบอกให้นิคิด คิดไม่ออกเสียหน้าแย่เลย” เธอหัวเราะคิก
เขาจูบหน้าผากสวยแรงๆ ก่อนจะเท้าแขนมองร่างเปลือยของภรรยาที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“ทำอะไรครับนิ”
“แกล้งคนไงคะ”
“แกล้งใคร”
“ว่าที่ลูกเขยกีไง”
“ฮ่าๆๆ” กีรติได้ยินภรรยาพูดก็หัวเราะร่วน
“ทำยังไงล่ะ”
“เอาน่า เดี๋ยวก็รู้” นิดาพิมพ์ข้อความส่งไลน์ไปหาเพื่อนด้วยประโยคเด็ด ทุกคนเหมือนจะรวมตัวกันส่งกลับมา โดยเฉพาะภัทรศักดิ์กับกรวิกที่ยังไม่หลับไม่นอนเหมือนๆ กัน ส่วนเพลิงตะวันนั้นตอบกลับมาช้ากว่าคนอื่น แต่ก็ฮาได้โล่เมื่อตอบโต้กลับมาด้วยความคิดอันเด็ดดวง ในกลุ่มที่นิดาตั้งขึ้นลับๆ
“เมียฉลาดชะมัด”
“ทำเพื่อกีนะนี่ “
“ขอบคุณครับคุณเมีย” เขาหยิกแก้มเธออย่างหยอกล้อ นิดาหัวเราะคิก ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงดังเดิม
“นิรักกีนะคะ”
“กีก็รักนิ” สองสามีภรรยาที่รักกันมายี่สิบกว่าปีจุ๊บปากกันเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะจุมพิตหนักหน่วงขึ้น นิดาหลับตาพริ้ม จูบตอบอย่างดูดดื่ม
“รอเลี้ยงหลานก็ได้ กีตามใจนิ”
“หือ... ยังไม่เลิกคิดเรื่องลูกอีกเหรอ” นิดาขมวดคิ้วก่อนจะอมยิ้ม “หรือนิจะใจอ่อนให้กีเลี้ยงลูกอีกสักคน”
“เพื่อนๆ ของเราเพิ่งมีลูกกันเอง ดูอย่างเจ้าเพลิงมันสิ หัวปีท้ายปี กีเลี้ยงลูกกับเมียไหวอยู่แล้ว”
“ขอคิดดูก่อนนะคะ” เธอแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ใช่ไม่อยากมีลูก แต่คิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นช่วงดูแลลูกๆ อีกสามคนมากกว่าจะมีลูกใหม่
“กีตามใจนิ เพราะนิต้องตั้งครรภ์ ต้องเจ็บท้องคลอด กีไม่บังคับจิตใจนิหรอก เพราะจริงๆ ถ้ากีท้องได้ เจ็บแทนได้ กีอยากทำ”
“ขอบใจกีมากนะ” นิดาหอมแก้มหนุ่มฟอดๆ กอดรัดเขาอีกรอบ กลายเป็นบทรักครั้งใหม่ที่เร่าร้อนและสุขสมในเวลาต่อมา...
จิรดาไม่กล้าสบตาวิชญ์เลยหลังจากเรื่องเมื่อคืนผ่านพ้นไป เขาเองก็ยังทำตัวเป็นปกติจนเธอนึกทึ่ง
คนอะไรตีหน้าเนียนได้อย่างไร้พิรุธ นี่ถ้าบิดามารดาเธอรู้ว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง จะว่ายังไงนะ
สาวน้อยแอบคิดในใจคนเดียว แต่ไม่รู้ว่าอาการเหม่อของตัวเองทำให้คนรอบข้างสังเกต อาจจะมีเพียงแค่เด็กน้อยวิชุตาเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าอาหารแสนอร่อยบนโต๊ะ
“นายจะกลับปักษ์ใต้เลยเหรอวิชญ์” กีรติเอ่ยถามเพื่อนบนโต๊ะอาหาร คำถามนั้นหยุดทุกคนให้ชะงัก รอฟังคำตอบจากคนถูกถาม
“ว่าจะอยู่กับหนูวิสักสองสามวัน งานที่โน่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” พูดแล้วเหลือบสายตามองบุตรสาวที่นั่งรับประทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อยและอดจะเหลือบมองสาวน้อยหน้าหวานนามว่า ‘จิรดา’ เสียไม่ได้
“เย้ๆ ดีใจจังเลยค่ะคุณพ่อ” จิรดามือสั่นเมื่อเผลอเงยหน้าขึ้นสบตาแววหวามของเพื่อนบิดา
..แน่ะ! สาวน้อยคิดในใจ
คนอะไรทะลึ่ง มองเธอเหมือนจะกลืนกิน..
“แล้วแต่นาย เดี๋ยวพวกไอ้เพลิง ไอ้กร ไอ้ภัทรก็จะเข้ากรุงเทพฯ มาเหมือนกัน” เพราะเพื่อนๆ นัดสังสรรค์กันทุกเดือนหรือถ้างานยุ่งก็จะเอาช่วงเวลาที่เหมาะสม
“ก็ดีเหมือนกันไม่ได้เจอกันเสียตั้งนาน” วิชญ์เห็นด้วย เพราะคิดถึงเพื่อนอยู่เหมือนกัน กีรติกับนิดาลอบมองหน้ากันอย่างเจ้าเล่ห์
“เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่าวิชญ์” นิดาเอ่ยถามเพื่อนที่เอาแต่มองบุตรสาวของตนเองไม่วาง
“วิชญ์” กีรติเรียกเสียงหนัก
“หือ... นายว่าอะไรนะ” วิชญ์หันมาถามเพื่อนอย่างสงสัย ก็ได้เห็นใบหน้าจริงจังของกีรติ และใบหน้าขบขันของนิดา
“เมียฉันถามว่าเมื่อคืนหลับสบายหรือเปล่า ทำไมนั่งเหม่อ” แม้จะรู้ว่าเพราะอะไรเพื่อนถึงนั่งเหม่อ แต่เขาก็ยังแกล้งถาม เมื่อก่อนวิชญ์ไม่เคยแสดงออกมากเท่านี้ แต่หลังๆ พอเขากับภรรยาบอกว่าจิรดาโตมากแล้ว ถ้ามีแฟนมีคนรักก็น่าจะดี ต่อไปจะได้มีคนดูแล เท่านี้แหละ ความสงบที่เก็บเอาไว้เหมือนคลื่นใต้น้ำก็ปะทุขึ้นมาในทันที
เขายังจำได้ดีว่าวิชญ์พูดเช่นไร แถมยังเสนอตัวให้จิรดาไปฝึกงานที่ภูเก็ต เพราะทางโรงแรมรับนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยของจิรดาทุกปีอยู่ก่อนแล้ว
แถมยังบอกอีกว่าจิรดายังเด็ก ไม่สมควรคิดเรื่องการมีแฟน ตอนนั้นนิดาหัวเราะขบขัน แรกๆ เขาก็นึกว่าวิชญ์เป็นห่วงลูกสาวของเพื่อนแต่ที่ไหนได้ หวงเอาไว้เองต่างหาก
“หลับสบายสิ”
“นั่งเหม่อเหมือนคนอดหลับอดนอน นึกว่านอนไม่หลับ” กีรติพูดแขวะ
นิดายิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่ ปกติกีรติไม่ใช่คนแบบนี้ แต่อาการที่เป็นคืออาการหวงลูกสาว เธอรู้ดี
“นิเป็นอะไร หัวเราะไม่หยุด” วิชญ์ดูโง่ในสายตาของนิดาก็ตอนนี้เอง คนฉลาดอย่างเธอมีวิธีการจัดการพวกผู้ชายปากแข็งได้ชะงัดนัก
“เปล่าจ้ะ นิกำลังขำวิชญ์กับกีน่ะ อีกคนเอาแต่เหม่อ อีกคนเอาแต่ถามเหมือนเกมร้อยยี่สิบคำถาม”
“แล้วพวกไอ้เพลิงจะมาเมื่อไหร่ล่ะ” วิชญ์เปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้สึกเหมือนโดนจับพิรุธได้ กีรติไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่นิดานี่สิ เธอเป็นคนฉลาดแต่ไหนแต่ไรแล้ว บางครั้งเขายังคิดว่าเธอจะล่วงรู้ความคิดของเขา ได้ยังไง เธอก็เหมือนแม่มด รู้ไปเสียหมดว่าใครกำลังคิดอะไรยังไง แถมยังรู้จักพูดดักคอให้คายความลับออกมา นิดาเป็นคนที่รู้จักแก้ปัญหาชีวิตได้ทุกสถานการณ์ อยากจะรู้จริงว่าเธอมียามตกฟากตอนไหนกัน วิชญ์คิดคนเดียวเล่นๆ ในใจ
“เร็วๆ นี้แหละ คงอยากพาลูกๆ มาอวด”
“ดีเหมือนกัน กำลังคิดถึงพวกมันอยู่พอดี”
“ถือโอกาสได้เลี้ยงให้ยัยจิ๊ด้วย จะไปฝึกงานแล้วนี่ เดี๋ยวก็เรียนจบ หนุ่มๆ ที่มาจีบคงเข้าแถวรอ ยัยจิ๊ไม่สนใจใครเลย” นิดาพูดยิ้มๆ
“คุณแม่ก็ จิ๊ยังไม่คิดเรื่องนั้นเลยนะคะ” จิรดาพูดแล้วหน้าแดงเมื่อโดนพาดพิงไปอยู่ในหัวข้อสนทนา
“แต่งงานไปเร็วๆ ก็ดีนะ อยู่ไปนานๆ ขึ้นคาน ผู้ชายเขาไม่เอาหรอก เขาชอบเด็กเอาะๆ ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงแก่ๆ หรอก เดี๋ยวหมดประจำเดือนมีลูกไม่ได้อีก จะกลายเป็นมนุษย์ป้า”
“คุณแม่น่ะ” จิรดายิ่งหน้าแดง เธอแอบเหลือบสายตามองวิชญ์แล้วสะดุ้ง เขาหน้าบึ้งใส่เธอด้วย
อ้าว... แล้วเธอทำผิดอะไรอีกล่ะนี่