หลังจากวันที่แม่สามีมาที่บ้าน เวลาก็ล่วงเลยมาถึงวันที่ต้องไปร้านมี่หลันเพื่อดูผลตอบรับจากลูกค้า เธอออกเดินทางตั้งแต่ยามเฉิน(7 โมงเช้า) เด็ก ๆ กินข้าวเช้าเสร็จก็ขอติดตามไปด้วยซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ดังนั้นวันนี้ 4 คน พ่อ แม่ ลูก จึงเดินทางเข้าเมืองตั้งแต่เช้า ชาวบ้านที่กำลังเดินไปทำงานในไร่พากันร้องเรียกทักทายกันคนละคำสองคำ ด้านลูกชายทั้งสองคนนั้นหัวเราะเอิ้กอ้าก ดีใจที่ได้เข้าเมือง โดยเฉพาะเจ้าคิงคอง วิ่งวนรอบตัวบิดา ทั้งห้อยทั้งโหนตามตัวบิดาที่ทำหน้านิ่งจนนางอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าคิงคองไปได้นิสัยแบบนี้มากจากไหน ทางด้านนกหงหยกนั้นนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างเธอ ยามหัวเราะก็ดูงดงามสดใสแบบมีจริต ลูกสาวแม่โดยแท้
รอไม่นานก็มาถึงร้านมี่หลัน เธอเห็นเด็กรับใช้คนเดิมยืนชะเง้อคอรออยู่ที่หน้าร้าน เมื่อเห็นเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คาราวะฮูหยินเสิ่นเจ้าค่ะ เชิญที่ห้องรับรองก่อนเจ้าค่ะ ท่านมีหลันรออยู่ในห้อง”ดูจากปฏิกิริยา เธอสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ออกได้อยู่บ้าง
เธอเลือกมาที่ร้านคนเดียว ให้สามีเอาเงินพาลูกไปเดินเล่นในเมือง อยากกินอยากซื้ออะไรก็ได้ ในงบคนละ 1 ตำลึง การตกลงเรื่องผลประโยชน์วันนี้น่าจะใช้เวลาพอสมควร
“คาราวะพี่สาวเสี่ยวมี่เจ้าค่ะ”เอาล่ะมาดูกันว่าร้านนี้เหมาะจะเป็นคู่ค้าของเธอไหม
“อย่าได้เกรงใจเลยน้องซูฉี เราคนกันเอง ข้าขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะ สินค้าของเจ้าตอนนี้มียอดสั่งจองเป็นจำนวนมาก ทั้งข้ายังส่งไปให้ร้านที่เมืองหลวงตรวจสอบดู ทำให้มียอดสั่งจองจากเมืองหลวงและเมืองใกล้ ๆ นี้เข้ามา เหล่าคุณหนูกับฮูหยินในเมืองก็มากดดันให้ข้าหาสินค้าให้ทันช่วงงานเลี้ยงในวังหลวงน่ะสิ เจ้าพอจะมีของหรือไม่”อ๋อ ที่แท้วังหลวงก็จะจัดงานนี่เอง
“ของมีแน่นอนเจ้าค่ะ มาพูดกันเรื่องราคาดีหรือไม่ เชิญพี่สาวเสนอราคาให้ข้าพิจารณาก่อนเจ้าค่ะ เราจะได้ทำสัญญากันให้ชัดเจน”
“ข้าว่าจะให้ราคาชาดแบบแท่ง แท่งละ 7 ตำลึง แป้ง 4 ตำลึง ดินสอเขียนคิ้วคงจะได้น้อยหน่อย 500 อีแปะ คุชชั่น นั้นให้ได้ 10 ตำลึง สีทาตาตลับละ 3 ตำลึง และชุดล้างหน้า 2 ตำลึง เจ้าว่าเช่นไร”
“ตกลงเจ้าค่ะ ร่างสัญญาได้เลยแต่ข้าขอให้ท่านห้ามบอกใครว่าสินค้ามากจากข้า หากพี่สาวตกลงข้าจะขายสินค้าตัวนี้ให้ร้านท่านร้านเดียวเท่านั้น รวมทั้งช่วงเทศกาลข้าก็จะออกสินค้าพิเศษที่มีขายเฉพาะช่วงเทศกาลนั้นให้ด้วยเจ้าค่ะ”ร้านนี้ถือว่าเขี้ยวลากดินพอตัว เธอแอบเห็นสินค้าของเธอมีป้ายบอกราคาแพงลิบ ต่างจากราคาที่เสนอเป็นเท่าตัว แต่ก็ช่างเถอะ ยังมีอีกหลายร้านที่อยากได้สินค้าของเธอไปขาย ตอนนี้โลภมากก็ไม่ดี คงต้องทนไปก่อน
“ดี ดี ดี นี่สัญญาที่ข้าร่างไว้ เจ้าลองอ่านดู”
“เจ้าค่ะ”สัญญาก็ไม่มีอะไรมากแค่ต้องส่งสินค้าทุกเดือน อย่างละ 100 ชิ้นต่อเดือน เธอจึงขอเพิ่มการรับสินค้าคือให้ส่งรถม้าไปรับสินค้าเอง เพราะเธอไม่สะดวกขนของจำนวนมาก
“ส่วนนี่ใบสั่งซื้อ อย่างละ 1500 ชิ้น ของพร้อมวันไหนหรือ”
“ข้าทำไว้แล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ยามซื่อให้ส่งรถม้าไปที่หมู่บ้านฮุ่ย แล้วถามหาบ้านข้าได้เลยเจ้าค่ะ”
“ดีดี เอ่อ..ข้าว่าจะถามแบบชุดของเจ้า”
“อ๋อ ข้าออกแบบเองเจ้าค่ะ”เธอไม่คิดจะขายให้ร้านนี้ร้านเดียว เธอยังไม่รู้จักและเชื่อใจร้านนี้มากนัก
“หากเจ้ามีแบบสามารถนำมาเสนอให้ข้าได้ เหล่าคุณหนูที่เห็นเจ้าวันนั้นล้วนถามหาของบนกายเจ้า”แน่นอนสิ เธอต้องการเรียกร้องความสนใจนี่นา ถ้าคนไม่เห็นว่าใส่แล้วดีแล้วสวยใครจะสนใจกัน
“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”
ก่อนออกจากร้านเธอยังได้ปิ่นเพชร เพชรจริงๆเลย เพชรทั้งแท่ง แกะเป็นลวดลายนกน้อยน่ารัก แค่เห็นปิ่นหน้าเจ้านกหงหยกน้อยก็ลอบเข้ามาทันที แต่จะซื้อให้คนเดียวก็ไม่ได้เธอจึงได้ปิ่นหยกสีน้ำเงินแวววาว แกะเป็นรูปกิเลนไปให้เจ้าคิงคองอีกอัน
“ท่านแม่!/ท่านแม่”แค่ออกจากร้านก็มีโมจิ 2 ก้อนวิ่งเข้าใส่ ความเร็วในการพุ่งชนนั้นแทบตั้งตัวไม่อยู่โดยเฉพาะเจ้าคิงคอง
“เที่ยวสนุกหรือไม่”ถามพลางเช็ดเหงื่ออกจากหน้าผากให้ทั้งคู่ ถึงเสียงเธอจะค่อนข้างแข็งกร้าวแต่การกระทำนั้นกลับอ่อนโยน
“สนุกขอรับบบบบ/สนุกขอรับ”
“แม่มีของฝากเจ้าทั้งสองด้วย เอาไว้ถึงบ้านแล้วค่อยให้แล้วกันเดี๋ยวหล่นหายเสียก่อน”
“รักท่านแม่ที่สุด!!!!!!!!/ขอบคุณขอรับ”นกหงหยกนั้นเพียงฉีกยิ้มร่าพร้อมกอดแขนเธอ แต่เจ้าคิงคองนั้นกระโจนกอดคอเธอเน้นแทบล้ม ถ้าไม่ได้สามีดันหลังไว้ทันคงได้หงายหลังกลางตลาด
หมู่บ้านฮั่ว ตอนนี้กำลังมีการขนย้ายของเข้าไปในบ้านหยิน พร้อมสาวงามใบหน้าอ่อนหวาน อายุราว 19-20 หนาว คนหนึ่งใส่ชุดศิษย์สายนอกอีกคนใส่ชุดศิษย์สายในของสำนักใหญ่ 2 คน ยืนทักทายพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าฮั่วอยู่หน้าบ้าน ชาวบ้านต่างพากันมามุงดูลูกศิษย์ของสำนักใหญ่ หญิงสาวในชุดศิษย์สายนอกนั้นคือ หยินฮวาฮวา น้องสาวคนเล็กของบ้าน ส่วนอีกคนนั้นเป็นสตรีสูงราว 158 ใบหน้าอ่อนหวานงดงาม ผิวขาวราวน้ำยมดูบอบบางจนไม่กล้าแตะต้อง นางแนะนำตัวว่าเป็นเพื่อนของฮวาฮวา จะมาขออาศัยอยู่บ้านหยินชั่วคราวระหว่างรอบ้านนางสร้างเสร็จ จากที่ฟังแล้วจับใจความได้ว่า นางพึ่งย้ายมาอยู่ในหมูบ้าน ที่ศิษย์น้องที่สนิทกันเป็นคนชักชวน ด้วยเหตุผลใดไม่มีใครรู้
หลังจากซูฉีรู้เรื่องก็เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวอย่างจัง เหตุผลไม่มีใครรู้แต่เธอรู้น่ะสิ ตระกูลนางเห็นดีเห็นงามที่ ลี่เหลียนฮวา เป็นที่โปรดปราณขององค์รัชทายาท โอหยางจิ้นสิง จึงไม่ต้องการช่วยนางหลับหน้าองค์รัชทายาท นางจึงทำได้เพียงขายสมุนไพรที่รวบรวมจากป่าสำหรับหาสมุนไพรของสำนักไปขายเอาเงินมาซื้อที่และสร้างบ้านที่หมู่บ้านนี้
ตอนนี้เนื้อเรื่องน่าจะถึงตอนที่นางร้ายอย่าง เหลียงจินจู เริ่มทนไม่ไหวเลยบอกบิดา นายท่านเหลียงเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีนั้นรู้สึกทั้งเสียหน้าและสงสารลูก เลยเอ่ยเรื่องถอนหมั้นกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้เมื่อได้ฟังก็สั่งลงโทษกักบริเวณลูกชายถึง 1 เดือน ส่วนตัวของเหลียนฮวาก็ใช้โอกาสนี้หนีมาเพราะรู้สึกผิดที่ไปแทรกกลางความรักของทั้งคู่ เธอจะเป็นลม ไม่ใช่ว่าอีกประมาณครึ่งเดือนหรอนางเอกถึงจะย้ายมา แล้วก็ไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหยินด้วย ในเรื่องนางน่าจะสั่งสร้างบ้านไว้แต่ตัวยังไม่ย้ายเข้ามาอยู่ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นถึงได้มาก่อนกำหนดถึง 2 สัปดาห์กัน
“ซูฉี ซูฉี”
“เจ้าคะ”
“เป็นอันใดหรือ เคิดอันใดจึงได้เหม่อลอยเพียงนั้น ข้าเรียกตั้งนาน”
“ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ท่านพี่คืนนี้มานอนกับข้าได้หรือไม่ ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี”แหงสิ จะรู้สึกดีได้ไง นางเอกจะเอาพระรองเลยนะ เธอจะต้องขัดขวางต่อให้ต้องยอมลงให้ลู่จิวนางก็ต้องยอมแล้วตอนนี้“ได้สิ”เขาดีใจที่นางชวนเขาไปนอนด้วย แสดงว่านางคงจะคลายโกรธลงบ้างแล้ว