เข้าเมือง

2696 Words
ซูฉีตัดสินใจเดินออกจากบ้านไปบ้านใหญ่ ในฐานะที่เธอได้เปรียบทางด้านจิตวิญญาณเธอจึงลองเดินให้ฝีเท้าที่สุดจนไม่มีใครได้ยินนอกจากคนผู้นั้นจะจิตวิญญาณสูงส่งกว่าเธอ แต่ในหมู่บ้านมันจะมีได้ยังไงล่ะ ชาวบ้านปกติไม่มีเวลามาสนใจเรื่องขั้นพลัง ระดับพลังอะไรนี่หรอก วันๆก็ต้องยุ่งกับการหาเลี้ยงปากท้อง พวกที่สนใจระดับพลังก็พวกตระกูลใหญ่ ขุนนาง ชาวเมืองและเชื้อพระวงค์นั่นแหละ เพราะฉะนั้นเธอจึงได้เห็นอะไรดี ๆ เข้าน่ะสิ สามีของเธอนั่งเหม่อลอยอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ไม่รู้คิดอะไร แต่ดูหดหู่ใจจนเธออยากเข้าไปลูบหัวลูบหางปลอบใจเสียจริง พอรู้ว่าเขาเป็นสามีของเธอจริง ๆ ก็รู้สึกแปลกๆแฮะ คนเคยมีแต่แฟน ไม่เคยมีลูกมีสามีพอมีจริงๆมันรู้สึกแปลกๆแต่ไม่ได้แย่ คงเพราะก่อนหน้านี้อีกครึ่งหนึ่งของเธอก็รักสามีอยู่แล้วเธอเลยมีความรู้สึกแบบนี้สินะ แต่เธอก็ยังรู้สึกขัด ๆ บ้าง ก็เธอไม่เคยอยู่กับเขาเองเลยนี่นา มีแต่ความทรงจำเอง “ท่านพี่”เมื่อถึงหน้าประตูเธอจึงส่งเสียงเรียกเขา ‘ท่านพี่’คำนี้คือคำที่เดิมเธอใช้เรียกเขา ถึงจะรู้สึกแปลกไปบ้างแต่ก็ต้องปรับตัวให้ได้ ลู่จิวกำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งรู้สึกผิด เสียใจและความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกตีกันสับสนไปหมด พลันได้ยินเสียงภรรยาเรียกก็รีบออกไปเปิดประตู คำที่นางเรียกทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยนางก็ไม่เอาแต่เรียกเขาแบบห่างเหินอย่างหลายวันมานี้ แต่พอฃเจอหน้านางเพียงเท่านั้นเขาทั้งอึ้งทั้งหงุดหงิด เดิมนางก็สวยมากอยู่แล้วแต่วันนี้นางแต่ตัวงามนัก ดูยั่วยวน เสื้อคลุมรึก็บางยิ่งนัก ทำให้เขาอดจะรู้สึกหึงหวงขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าจะแต่งตัวไปไหนเล่า”ยิ่งเข้าไปใกล้เขายิ่งได้กลิ่นหอม กลิ่นประหลาด เขาอธิบายไม่ถูกนัก รู้เพียงมันช่างยั่วยวนยิ่งนัก อา สมแล้วที่จิตวิญญาณของนางเป็นจิ้งจอก “ท่านพี่ ข้าอยากเข้าเมือง ท่านพาข้าไปหน่อยสิเจ้าคะ”บ้านใหญ่นั้นอยู่กลางหมู่บ้าน ส่วนบ้านเดิมเธอลึกเข้าไปอีกเพียงเล็กน้อย เรียกได้ว่าบ้านใกล้เรือนเคียงกันโดยแท้ ระหว่างเดินมาบ้านใหญ่ชาวบ้านพากันเหลียวมองกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะสมาคมแม่บ้านทั้งหลายแหล่ที่วันใดว่างก็ต้องเป็นพูดเรื่องคนอื่น อย่าว่าเธอแข็งแกร่งแล้วชาวบ้านจะไม่นินทา พวกเขาเพียงรู้จักสงบปากสงบคำต่อหน้าเธอเท่านั้น ทำได้เพียงแอบกระซิบกันหลังเธอเดินผ่าน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนแส่หาเรื่องเสียที่ไหน ซูฉีนั้นมีคู่แค้นแสนรักอยู่เหมือนกัน เธอยังไม่เคยเจอตัวจริง มีเพียงความทรงจำเท่านั้น “ได้สิ รอข้าสักเดี๋ยวนะ”นางคงจะไปซื้อของเข้าบ้าน ตอนเขาไปบ้านก็ยังของไม่ครบ แต่แปลกนางไปเอาอาหารดี ๆ จากไหนมาทำกินทั้งที่ไม่ได้ออกไปซื้อ สองสามี-ภรรยาเดินคู่กันบนถนนภายในหมู่บ้าน ช่างราวกับภาพวาด เพียงแต่ผู้เป็นสามีนั้นดูซอมซ่อยิ่งนัก หากมิใช่ใบหน้าและรูปร่างคล้ายคุณชายนั่น ใครเล่าจะมองเขาเป็นสามีนางจิ้งจอกนั่น จิ๊จิ๊ นังจิ้งจอกนั่งสูบเงินสามีดีแท้ ตนเองแต่งตัวงดงามแต่ผู้คนในบ้านกลับซอมซ่อยิ่งนัก ได้ยินว่าพึ่งฟื้นมาได้ไม่กี่วันก็หอบลูกแยกออกมาอยู่บ้านเดิมเสียแล้ว ไม่รู้จะสงสารหรืออิจฉานางดี “ไหนผู้ใดว่านางสงบมา 2 เดือนพึ่งฟื้น เหตุใดหน้าตาจึงได้สดใส ดูสุขภาพดีเยี่ยงนั้นเล่า แถมข้าว่านางงามกว่าปกติเสียด้วยกระมัง”กลุ่มฮูหยินผู้ว่างงานที่กำลังจับกลุ่มคุยกัน เมื่อเห็นคู่สามีภรรยาเดินไปด้วยกัน ได้แต่ถามออกมาอย่างแปลกใจ “โอ้ยยย ใครบ้างไม่รู้ว่างนางเป็นนังจิ้งจอก จิ๊ จิ้งจอกโดยแท้เลยล่ะ น่าอิจฉาเสียจริง ป่วยปางตายยังฟื้นขึ้นมาหายเป็นปลิดทิ้งเสียได้” “จริงของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าจิตวิญญาณนางแข็งแกร่งยิ่งนัก หากเข้าสำนักไม่แคล้วเป็นศิษชื่อดัง แต่นี่อะไร กลับเลือกแต่งงานเสียได้” “จริงของเจ้า ช่างโง่เขลานัก” “ไหนจะเด็กที่สามีนางเอากลับมานั่นอีก น่าสงสารนางนัก สามีนางคงมีภรรยาอยู่ข้างนอกอีกคนเป็นแน่แท้ ไม่เช่นนั้นจะเอาลูกผู้อื่นมาเลี้ยงด้วยเหตุอันใดเล่า ครอบครัวหรือก็ยากจนยังกล้ามีภรรยาเพิ่ม ข้าล่ะสมเพชนัก” “จิ๊จิ๊ ลู่จิวก็ช่างทำกับนางได้ลง ข้าไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่ลูกนางตกน้ำเลย เห็นว่าลูกเลี้ยงนางเป็นคนผลักลูกนางตกน้ำตาย แต่ลู่จิวยังปกป้องเด็กนั่นเลยทำร้ายนางเข้าน่ะสิ นี่แหละหนอเลือกผิดคิดจนตัวตาย” หลังนางเดินผ่านไปเหล่าฮูหยินทั้งหลายก็พากันสาธยายชีวิตนางและครอบครัว นางเดินไปหน้าหมู่บ้านเข้าไปสอบถามเกวียนรับจ้างเข้าเมือง ต้องรออีกเค่อจึงจะได้เวลา ระหว่างนั่งรอสายตาก็เหลือบไปเห็นลูกนางกำลังวิ่งเข้ามาหา พูดตามตรง นางลืมลูกไปแล้ว ถ้าไม่เห็นหน้าก็คงเข้าเมืองโดยไม่บอกลูกเป็นแน่ “ท่านแม่!!! ท่านแม่กับท่านพ่อจะเข้าเมืองหรือขอรับ”ซานไห่แหกปากเสียงมาแต่ไกล ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ‘ฝันไปเถอะไอ้หนู ตัวเปื้อนเพียงนี้ เอาไว้วันหลังจะพาเข้าเมืองด้วยแล้วกัน วันไม่สะดวก’ “ใช่แล้ว เจ้าดูแลน้องให้ดี เดี๋ยวแม่ซื้อขนมมาให้ เข้าใจหรือไม่” “ขอรับ”ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้เข้าเมือง แต่ท่านแม่สัญญาว่าจะซื้อขนมมาฝากเขาจะยอมก็ได้ คิดได้ดังนั้นก็วิ่งไปหาอี๋นัวที่กำลังเดินเข้ามา พูดอะไรให้น้องฟังเสร็จก็จูงกึ่งลากอี๋นัวออกไปตากแดด นางมองดูลูกแล้วได้แต่ขำออกมา คนหนึ่งเหมือนคิงคอง อีกคนเหมือนนกหงหยก เจ้าคิงคองรึก็ช่างบังคับขืนใจนกหงหยกดีแท้ คนไม่ชอบแดด ไม่ชอบใช้กำลังก็ทั้งดึงทั้งกระชากกันไป นั่งรอไม่นานเกวียนเทียมวัวก็ออกเดินทาง ใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็มาถึง โดยที่นางบอกคนขับเกวียนแล้วว่าไม่ต้องรอ นางจะซื้อของเยอะ เกวียนโดยสารคงไม่สะดวกขนของนัก “ท่านพี่ไปเช่าเกวียนมาให้ข้อหน่อยสิเจ้าคะ” ถึงจะเรียกท่านพี่แต่เสียงก็ยังแข็งกร้าวอยู่ “ได้ เจ้ารออยู่ที่นี่แล้วกัน”ได้ยินดังนั้นเขาจึงรีบไป ไม่อยากให้นางอารมณ์เสียขึ้นมาอีก ‘คงต้องไปร้านเครื่องประดับก่อน ต้องเอาเครื่องประดับไปขายหาเงินก่อนแล้วค่อยไปเสนอขายเครื่องสำอางที่ร้านขายของสำหรับสตรีสินะ’นางทำเป็นเดินเข้าหลบแดดในมุมลับตา ทำเป็นล้วงอกเสื้อ หยิบทองแท่งออกมา 5 แท่ง ใส่ในถุงผ้ามีหูรูดไว้ ที่ต้องแอบเพราะตั้งแต่ถึงหน้าประตูเมืองแทบจะเหลียวมองนางกันทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิง หึ จะไม่มองได้อย่างไรเล่า เธอแต่งตัวมาให้เป็นจุดสนใจโดยแท้ แบบชุดแปลกใหม่ การแต่งหน้ารึก็งดงามโดดเด่น เธอเลือกแท่งไปป์โบราณมาเป็นพร็อพถือไว้ในมือ สามีเห็นก็งงเป็นไก่ตาแตก เขาคงไม่คิดว่าเธอจะดูดของพวกนี้กระมัง เจ้าคิดถูกแล้วที่รัก ข้าถือเป็นอย่างเดียว ไม่เคยดูด ที่ควงได้เพราะลองทำตามการควงปากกาน่ะสิ ตอนนี้ของในมือนางมีอยู่ 2 ถุง ถุงใส่ทองและถุงสำหรับใส่เครื่องสำอางโดยเฉพาะ รอไม่นานสามีก็มาถึง “จะที่ใดก่อนรึ” “ร้านใดรับซื้อทองบ้างเจ้าคะ”นางกระซิบถามข้างกกหู ลู่จิวนั้นโดนลมเป่าเข้าหูจนขนลุกเกลียว หูแดกลามมายันคอ ทำได้เพียงพยายามตั้งสติฟังคำถามนาง “เดี๋ยวข้านำทางให้แล้วกัน” ไม่พูดเปล่าเขากุมมือนางโดยทันที ตั้งแต่เข้าเมืองมา แทบจะไม่มีใครไม่จ้องมองนางสักคน เห็นแบบนี้ก็รู้สึกไม่ชอบใจที่นางแต่งตัวยั่วยวน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยามนี้หากพูดตำหนินางสักคำ นางคงพาเขาแวะที่ทำการศาลแล้วหย่าเป็นแน่ ทำได้เพียงเงียบแล้วแสดงความเป็นเจ้าของนางเท่านั้น ร้านขายและรับซื้อแร่อัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเมือง หลงจู๊วัยกลางคนกำลังทำการพิจารณาทองคำแท่งที่นางนำมาขายอย่างถี่ถ้วน ทองที่นางนำมาขายเป็นทองแท่งหนัก 1 บาท หน่วยจีนเรียกอะไรไม่รู้ เป็นคนไทยไม่ใช่คนจีน เข้าใจตรงกันนะ “ข้าให้แท่งละ 10 ตำลึงทองแล้วกัน เนื้อทองดี บริสุทธ์ ฮูหยินพอใจกับราคาหรือไม่” “พอใจเจ้าค่ะ ข้าตกลงขาย 5 แท่งเจ้าค่ะ”ให้เท่าไหร่ก็เอา เพราะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เห็นสามีไม่พูดอะไร คิดว่าคงยุติธรรมนั่นแหละ “ฮูหยินหากท่านมีอีกสามารถมาขายให้ข้าได้ ทองของท่านรูปทรงสวยงามข้ายินดีรับซื้อขอรับ” “ขอบคุณเจ้าค่ะ”หลังรับเงินมา 50 ตำลึงทองก็พากันออกจากร้านไปซื้อของเข้าบ้าน สามีได้แต่ยืนเงียบไม่พูดอะไรสักคำ ลู่จิวกำลังยืนอึ้งกับการซื้อของของภรรยา นางสั่งจนเขาตกใจทำตัวไม่ถูก เดิมเขาก็สงสัยเรื่องทองคำเป็นแท่งๆของนางมากพอแล้ว ยามนี้ก็ต้องตกใจการซื้อของนางอีก “ข้าเอาข้าวขาวอย่างดี 50 จิน” “ข้าเอาเมล็ดผักกากขาว กะหล่ำปี คะน้า กวางตุ้งแล้วก็ฟักทองอย่างละจิน” “เอาเครื่องปรุงทุกชนิดอย่างละ 2 จิน นั่นซีอิ๊วกับน้ำปลาเอามาอย่างละไห น้ำผึ้งมีหรือไม่ เอามาอีกไหเลย น้ำด้วย ขอ 2 ไหเลย” “เถ้าแก่ เอาเนื้อแดงให้ข้า 4 จิน สามชั้น 2 จิน ซี่โครง 4 จิน พวกเครื่องในนี้ขายอย่างไร เอามาหมดเลยก็ได้” “ถังหูลู่ 10 ไม้ เซาปิ่งกับเทียนเอ๋อต้านอย่างละ20” นางช่างมือเติบเสียจริง อ๊า เธอไม่เคยรู้สึกมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย รู้สึกเป็นคนรวย สั่งของมามากมายเงินหมดไปไม่ถึง 5 ตำลึงทองด้วยซ้ำ หลังจากซื้อของเหมือนคนเตรียมกักตัวแล้วก็มาถึงจุดหมายสำคัญ ร้านขายของสำหรับสตรี ตัวร้านใหญ่ถึง 3 คูหา ตกแต่งหรูหรา สตรีเดินเลือกของกันเต็มร้านบ้างมาผู้เดียว บ้างมากับบุรุษ เห็นแล้วนึกถึงโลกก่อน หน้าร้านขายเครื่องสำอางจะต้องมีผู้ชายนั่งเรียงแถวกันเต็มไปหมด ฮ่าฮ่า “คาราวะนายท่านและฮูหยินเจ้าค่ะ มองหาสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ”ทันทีที่เธอเข้าร้านก็มีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มมาต้อนรับทันที อืมม ถือว่าบริการใช้ได้ไม่มีสายตาเหยียดให้เห็น หรือเหยียดแต่มิได้เหยียดเธอกับสามีอันนี้ก็มิทราบ “ข้าอยากขอดูชาดทาปากสักหน่อย”เธอต้องสำรวจสินค้าคู่แข่งเสียก่อน หากสินค้าเรามีดีมากกว่า การค้าก็สามารถเริ่มได้ ดูจากร้านแล้วน่าจะมีของแทบทุกแบบ “ทางนี้เจ้าค่ะฮูหยิน”ฮูหยินท่านนี้ หากมิใช้ว่าแต่งแต้มลวดลายแบบสตรีออกเรือนแล้วกลางหว่างคิ้ว ทั้งยังมีสามีเดินจับมือไม่ปล่อย ใครเล่าจะคิดว่านางออกเรือนแล้ว ทั้งการแต่งหน้าแต่งตัว งดงามไร้ที่ตินัก นางจะแอบจำไว้ว่าฮูหยินท่านนี้เลือกซื้อสิ่งใดไปบ้าง นางจะได้ซื้อตาม เดินมาถึงจุดตัวแสดงสินค้า เครื่องประทินโฉมวางเรียงราย หลากหลายให้เลือก แต่สีกลับมีให้เลือกไม่หลากหลายมีเพียงสีแดงและชมพูเท่านั้น เนื้อชาดก็ไม่บริสุทธิ์มากนัก เธอสรุปได้เลยว่าการค้าของเธอมีโอกาสสำเร็จสูง สีชาดที่ขายไม่สดใส แป้งรึก็ขาววอก มีเพียง 2 เบอร์คือขาวกับขาวมาก รองพื้นหรือคุชชั่นอะไรไม่ต้องถามถึง ดินสอเขียนคิ้วอาจเป็นตัวขายไม่ได้ดีมากนัก จากที่ดูของในร้านถือว่าดีอยู่ อายแชโดว์น่าจะขายดี เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงหันไปสอบถามทันที “มีชาดแบบอื่นหรือไม่”ตอนยืนเลือกของเธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองแต่ทำเป็นไม่สนใจ ไม่คิดว่าพอเธอถามแบบนั้นออกไปผู้คนจะยิ่งสนใจนางกว่าเดิม สตรีมองอย่างอยากรู้อยากเห็นและอิจฉา ทางด้านบุรุษจ้องแบบหลงใหล จิ๊จิ๊ ถือว่าเรียกร้องความสนใจได้สำเร็จ แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมสตรีถึงมองสามีเธอตาหวานเชื่อมเช่นนั้นเล่า เห็นมือที่กอบกุมกันมั้ยจ๊ะสาว แหมๆ แต่ละคน อยากเดินไปหยุมหัวเสียจริง โกรธผัวอยู่แต่ผัวก็คือผัวนะ จะมาคาบไปหรอ เลิกแต่งหน้าหนาให้ได้ก่อนเถอะ จะว่าไปเธอก็แต่งหน้าจัดอยู่นะวันนี้ ทำไงได้ ก็ต้องการให้คนเห็นว่าแต่งหน้าสวย เครื่องสำอางดี มีฝีมือการแต่งนี่นา คราแรกว่าจะซื้อชุดใหม่ให้สามี เห็นสตรีต้องแบบนี้แล้วก็แต่งตัวซอมซ่อต่อไปเถอะ เธอไม่คิดจะดูแลสามีและพ่อแม่สามีเลยสักนิด พ่อแม่สามีนั้นน่ารังเกียจ ผู้ใดมีผลประโยชน์ก็เข้าหา อยากจะได้ส่วนแบ่งทั้งที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง ยกตัวอย่างเช่น เด็กลู่ชิงนั่นไง หากสามีเธอไม่ให้เงินมากพอ ผู้เฒ่าและฮูหยินหรือจะยอมให้เช้ามากินอยู่ในบ้าน ส่วนสามีก็ดูไม่เสียใจที่ลูกตายเลย หรืออาจจะเสียใจแต่เธอไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่รู้ แต่จะให้เธอทำตัวรักใคร่กลมเกลียวด้วยเห็นทีจะมิได้ ยังดีที่เจ้าแฝดยังเด็กจึงเพียงถามว่าน้องไปไหนเท่านั้น สักพักก็ไม่สนใจอีก แต่ก็มีถามเป็นระยะเหมือนนึกขึ้นได้ว่าน้องหายไป นึกเรื่องนี้ก็โมโหขึ้นมาอีกแล้ว เหอะ “นี่คือของที่มีทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน”นางเห็นฮูหยินท่านนี้ดูอารมณ์เสียก็เกร็งขึ้นมา “ข้าขอพบเจ้าหลงจู๊ได้หรือไม่ ข้ามีสินค้ามาเสนอ” “เอ่อ...รบกวนฮูหยินรอสักครู่เจ้าค่ะ”นางรีบวิ่งไปตามหลงจู๊ทันที รอไม่นานก็มีหญิงสาวอายุไม่น่าจะเกิน 40 เข้ามาทักทาย “คาราวะนายท่านและฮูหยินเจ้าค่ะ ข้าน้อย เสี่ยวมี่ เป็นหลงจู๊ของ ร้านมี่หลัน เจ้าค่ะ” “คาราวะพี่สาวเสี่ยวมีเจ้าค่ะ ข้า เสิ่นซูฉี ส่วนนี่สามีข้า หยินลู่จิวเจ้าค่ะ”เสี่ยวมี่นั้นระหว่างทักทายก็ลอบสังเกตรอบกายสองสามี ภรรยา โดยเฉพาะภรรยา แต่งกายงดงามด้วยชุดแปลกตา ยิ่งใบหน้านั้นแต่งได้งดงามและปรานีทยิ่งนัก “ได้ยินสาวใช้บอกว่าฮูหยินมีสินค้ามาเสนอหรือเจ้าคะ เช่นนั้นไปคุยที่เชิญห้องรับรองเถิด”นางสนใจฮูหยินนางนี้นัก ไม่ว่าจะส่วนใดบนกายนางล้วนน่าสนใจ ยิ่งกลิ่นกายนางนั้นหอมฟุ้ง ดูเย้ายวนอย่างน่าประหลาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD