บทที่ 2

1728 Words
และด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจทำให้คณานางค์มีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้งจนสามารถพลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าได้ แล้วจับยายเมอลาดิทกระแทกกับผนัง อีกมือยึดผมสีบลอนด์เป็นลอนสวยแล้วจับโขกกะให้ได้สักสองสามแผล “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คะน้ากำลังจะฆ่าเมอล่าแล้ว !” สวัสดิการหลายคนเข้ามาจับเธอทั้งสองแยกออกจากกัน พร้อมกับที่คณานางค์เห็นว่าคู่อริแสดงท่าทางเจ็บปวดเหลือแสน ตัวงอและใช้แขนกุมท้องตัวเองเอาไว้ กับเสียงโอดโอยเหมือนคนกำลังจะสิ้นใจ หลงกลยายจอมมารยาเมอลาดิทอีกจนได้ ! เมอลาดิทแอบยิ้มเยาะเมื่อได้เห็นสายตาของพนักงานทีเคฯ และคนอื่นๆ ที่มองไปยังคณานางค์ ช่างน่าสะใจดีซะเหลือเกิน แม้วันนี้จะเจ็บตัวเหมือนอย่างเคย แต่การมาที่นี่ในวันนี้ก็ไม่ใช่จะไร้ประโยชน์ไปซะทั้งหมด แม้จะไม่ได้งานที่ทีเคฯ แล้ว แต่เธอจะไม่ยอมอยู่นิ่งให้คู่แค้นได้เดินเฉิดฉายได้ง่ายๆ หรอก “เกิดอะไรกันขึ้น” เสียงนิ่งๆ ของคนในชุดสูทสุดเนี้ยบตั้งแต่หัวจดปลายเท้าดังขึ้น ก่อนที่คนอื่นๆ จะแหวกทางให้เขาได้เข้าเดินมา แม้จะอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายแต่คณานางค์เห็นเลยละว่านอกจากตัวเขาเหมือนจะมีลำแสงแผ่ออกมาได้ การเยื้องย่างแต่ละก้าวของคนตัวสูงใหญ่ราวกับยักษ์เป็นภาพสโลโมชั่นชัดๆ “คุณโตคะ คือคะน้าเขาเ ข้าใจเมอล่าผิดนิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ เมอล่าไม่เอาเรื่องหรอกค่ะ” เสียงของยายเมอลิงที่จีบปากจีบคอพูดกับผู้ชายคนนั้น พร้อมกระโดดเข้าไปกอดแขน เบียดหน้าอกหน้าใจซะจนจะสิงร่างเขาอยู่แล้ว ทำให้คณานางค์อดที่จะเบะปากออกมาไม่ได้ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยต่อให้ชาติตระกูล ฐานะ หรือหน้าตาดีแค่ไหนแต่ลงได้เจอมารยาหญิงเข้าไป ย่อมเสร็จทุกราย และดูจากอาการยืนยิ่งเป็นหุ่นปั้นไม่ได้ปัดป้องของเขา คณานางค์ก็เข้าใจไปแล้วว่าเขาคือหนึ่งในนั้น “จุ๋ม เดี๋ยวพาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่เข้าไปพบผมที่ห้องทำงานด้วย” สั่งเสร็จเขาก็เดินจากไป เหมือนเป็นการสลัดคนที่เกาะอยู่ออกกรายๆ พนักงานที่ชื่อจุ๋มก้มหน้ารับคำสั่ง ส่วนคนที่ถูกสั่งให้เข้าไปพบอย่างคณานางค์ถึงกับหน้าเหวอไปเลยทีเดียว ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาทำจากทองหรือยังไง จะสั่งให้เธอไปพบแต่ไม่พูดกับเธอสักคำ หรือแม้แต่หางตาเขายังไม่แลมามองเธอเลยด้วยซ้ำ ... เกิดมาคุณหนูคณานางค์ก็เพิ่งจะเคยถูกมองข้ามเสมือนเพียงอากาศธาตุนี่แหละ ! “แล้วเมอล่าล่ะคะคุณโต” อย่าบอกนะว่าเขาจะไม่สนใจเธอเลย ทั้งที่เธออุตส่าห์แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าคณานางค์ไม่มีความเหมาะสมที่จะได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของทีเคฯ และคนที่ได้คะแนนอันดับสองอย่างเธอก็อยู่ตรงนี้แล้ว “คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับที่นี่ แต่ถ้าจะเอาเรื่องที่ทะเลาะวิวาทกัน คงต้องไปแจ้งความที่โรงพักเอง ทางผมและทีเคฯ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย” คณานางค์อดที่จะหันไปยิ้มเยาะสะใจให้คนที่ยืนกัดฟันกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้นไม่ได้ ก่อนที่จะเดินตามผู้ชายคนนั้นไป ที่จริงก็ไม่ถึงกับไม่รู้จักเขาหรอก ถ้าให้เดาเขาน่าจะเป็นลูกชายคนโตของคุณลุงปริตร ที่ชื่อ คุณโต ปริญญ์ ธีรการณ์ ไม่ผิดแน่ แม้เขาจะไม่ค่อยได้ปรากฏตัวกับสื่อ สักเท่าไรก็เถอะ แต่คนกว้างขวางอย่างคณานางค์ซะอย่าง เชื่อเถอะว่าไม่มีทางมองผิด “คุณมีอะไรจะคุยกับดิฉันไม่ทราบคะ” “ผมเรียกคุณเข้ามาตักเตือนเรื่องความเหมาะสม” ‘ไม่รู้จะเก๊กไปไหน’ เธออดหมั่นไส้ผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างกับเสาไฟตรงหน้าไม่ได้ ขนาดบอกว่าเรียกเธอมาตักเตือน แต่กลับไม่สนใจจะมองหน้ากันสักนิด “คุณปริญญ์มีเรื่องอะไรจะตักเตือนดิฉันไม่ทราบ” “ระหว่างที่คุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางเรา ผมไม่อยากจะให้มีเรื่องอื้อฉาวหรือเสื่อมเสียใดๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคุณ จนทำให้เกิดผลเสียกับทางบริษัทได้” แม้เสียงเขาจะนิ่งและเย็นจนน่าขนลุกขนผองสยองเกล้า ! แต่ต้องไม่ใช่กับคณานางค์คนนี้หรอก เพราะเธอไม่ใช่ลูกน้องเขาจะได้กลัวเขาหัวหดอย่างที่เห็นพวกคนข้างนอกทำนี่ “ขอโทษนะคะ นี่มันเรื่องส่วนตัวของดิฉัน และมันก็ไม่ได้มีระบุไว้ในสัญญาเสียด้วยว่าห้ามดิฉันตบตี หรือทะเลาะวิวาทหากมีใครมาหาเรื่องดิฉันก่อน ดังนั้นดิฉันคงทำตามความต้องการของคุณไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจว่าอนาคตจะมีใครมาหาเรื่อง ให้ต้องมีเรื่องอีกหรือเปล่า” “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอปลดคุณเสียตั้งแต่วันนี้ เชิญครับ” เขาบอกแค่นั้นก็หมุนเก้าอี้และหันไปสนใจกับแฟ้มอะไรสักอย่างด้านหลัง ปล่อยให้เธอยืนเอ๋อเหวอรับประทานเพราะตั้งตัวไม่ทัน “คุณจะบ้าหรือไง ฉันไม่ยอมแน่” ปริญญ์เหลือบหางตามองคนที่ใส่เกาะอกสีแดงสั้นจู๋ อย่างนึกระอามากกว่าจะมองว่ามันสวย... ถึงความจริงมันจะสวยน่ามองมากก็เถอะ ถอนหายใจซะดังขนาดนั้นหมายความว่ายังไงกัน ตาขี้เก็กนี่ ! “นี่คุณ เคยมีใครสอนมารยาทบ้างมั้ย ว่าเวลาที่มีคนเขาคุยด้วย ไม่ควรแสดงกิริยาแบบนี้น่ะ” “แบบไหน ?” ปริญญ์ถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง “ก็แบบที่คุณกำลังทำอยู่นี่ไง มีอย่างที่ไหน เรียกฉันเข้ามาด่า แถมนึกอยากจะปลดก็ปลดกันหน้าตาเฉย ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะมาวางอำนาจด้วยง่ายๆ หรอกนะ” ชายหนุ่มถอดแว่นที่สวมอยู่ออก ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้คลึงเบาๆ บริเวณหว่างคิ้วบนสันจมูกของตนเอง แสดงท่าทีเหมือนสิ่งที่ได้ยินจากปากฉ่ำเรื่อสีชมพูนั้นสร้างความเหนื่อยหน่ายใจให้เป็นอย่างยิ่ง “คำไหนของผมเหรอครับ ที่ทำให้คุณคิดว่าผมด่าคุณ” “กะ... ก็” ฮึ่ย ! คณานางค์ขัดใจเมื่อนึกไม่ออกว่าเขาด่าตัวเองตอนไหน “ถ้านึกไม่ออก เพราะว่ามันไม่มี ก็เชิญออกไปเถอะ ผมจะได้ทำงานต่อ” “คุณคงไม่ได้คิดจะไล่ฉันออกจริงๆ หรอกใช่มั้ย” เธอหมายความว่าเขาคงไม่ได้คิดจะเลิกจ้าง และฉีกสัญญากับเธอจริงๆหรอกใช่หรือเปล่า ไอ้ที่กลัวเสียหน้า ก็กลัวอยู่หรอก แต่ที่มากกว่านั้นก็คือบิดาเธอได้ยื่นคำขาดไว้แล้วว่า ห้ามก่อเรื่อง เพราะท่านและคุณลุงปริตร เป็นทั้งเพื่อนรัก และหุ้นส่วนของธุรกิจอีกหลายอย่างที่ทำร่วมกันมานานนับสามสิบปี ก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลกเสียอีก และถ้างานนี้พัง พ่อคงไม่เอาเธอไว้แน่ ! “เอ่อ... คุณปริญญ์คะ คะน้าขอละค่ะ อย่าให้เรื่องเล็กต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ” ที่จริงเธอไม่น่าจะไปแข็งข้อกับเขาตั้งแต่แรก รู้ทั้งรู้ว่าเขามีอำนาจการบริหารงานทุกอย่างพอๆ กับบิดาของเขา ต่อให้เธอวิ่งโร่ไปฟ้อง ทั้งพ่อตัวเอง และคุณลุง ก็คงไม่มีใครเข้าข้างเธอเป็นแน่ ยิ่งเรื่องที่เกิดกับเมอลาดิทวันนี้ภาพต่างๆ ก็ฟ้องชัดและมัดตัวจนดิ้นแทบไม่หลุดแล้ว “แล้วคุณจะเอายังไง ?” เขาเองแสนจะเบื่อหน่ายที่ต้องมาเล่นบทปราบพยศคนที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเต็มแก่ ผู้หญิงอย่างคณานางค์ก็ดีแต่ทำตามใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่เคยคำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับใคร หรือกับองค์กรใด อย่างดีก็แค่แต่งตัวสวย โฉบไปโฉบมาเล่นไปวันๆ เท่านั้นเอง “คะน้าสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ ไม่ก่อเรื่อง และตั้งใจทำงาน” เอาน่า ยอมๆ ไอ้คุณเสือยิ้มยากไปก่อน... ทีใครทีมัน “หวังว่าจะทำให้ได้อย่างที่ปากพูดนะครับ” แม้เขาจะไม่ได้พูดคำหยาบ ดูถูกดูแคลน และน้ำเสียงที่ใช้ก็แสนจะนุ่มลึกชวนฟัง ไม่มีกระโชกโฮกฮากสักนิด แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่ชอบที่จะฟังมันเลย ไอ้เรื่องใช้มารยาออดอ้อนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เธอทำซะจนเคยชิน ทั้งกับพ่อ เพื่อน หรือแม้แต่คนที่ต้องทำงานด้วยกัน แต่ไม่มีใครเลยจริงๆ ที่จะทำท่าเมินเธอได้เสมอต้นเสมอปลายขนาดนี้ ที่จริงก็ไม่ได้หวังให้เขามาพิศวาส หรือทำดีด้วยหรอก แต่เพราะหน้าตา และฐานะของเธอ ไม่ว่าไปไหนหรือทำอะไร ก็มักจะเป็นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีชมพูแสนหวานไปซะทั้งนั้น แล้วยิ่งเขาก็เป็นเสมือนกับหลานที่พ่อเธอทั้งรัก ทั้งเอ็นดู พูดถึงทีไรก็มีแต่ชื่นชมอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะพูดกับเธอให้มันดีๆ หน่อย ไม่รู้มันจะตายหรือไง ปริญญ์มองภาพหญิงสาวในสุดสีเพลิงปะดิดปะดอย ยกมือขึ้นขอบคุณและกล่าวลาแล้ว บอกตามตรงว่าไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าเจ้าหล่อนจะยอมเชื่อฟัง และไม่ก่อเรื่องจริงๆ ทั้งจากแววตาแพรวพราวที่มีรอยขบถอย่างไม่คิดจะปิดบัง และจากกิตติศัพท์ความร้ายกาจของหญิงสาวที่เคยได้ยิน และได้เห็นในวันนี้อีก มันทำให้เขาไม่คิดจะวางใจลงง่ายๆ หรอก ยังไงก็ต้องคอยดูกันไป ว่ายายคุณหนูคนนี้จะทำเรื่องให้เขาปวดหัวได้สักแค่ไหน ยืนยันจากเรื่องวันนี้เป็นต้น…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD