บทที่ 1 คิดถึงอาหมอจัง 1

1422 Words
สามปีผ่านไป… เพลงสากลยอดฮิตถูกนำมามิกซ์ในจังหวะเร้าอารมณ์ สร้างความครื้นเครงให้กับนักศึกษาปีสี่ที่เพิ่งจะสอบวิชาสุดท้ายเสร็จได้เป็นอย่างดี เสียงเป่าปากตะโกนเชียร์ดังขึ้นเมื่อสาวสวยประจำกลุ่มปีนขึ้นบนโต๊ะตามแรงยุของเพื่อน ๆ ทุกคนทราบดีว่าเจ้าของบาร์จะไม่เอาเรื่องกัน เพราะคนที่กำลังแหกปากร้องเพลงผิดคีย์คือขวัญใจของคนในร้าน ทว่าบางคนก็ร้องห้ามเพราะกลัวว่าจะมีคนหมั่นไส้และอดไม่ได้ที่จะหาเรื่องกัน เอรินทร์ จินดานนท์ ส่ายสะโพกบิดซ้ายขวาไปมา อวดเรือนร่างโดยไม่สนใจสายตาคนมอง มือเรียวยกแก้วจรดริมฝีปาก กระดกของเหลวสีอำพันหมดในรวดเดียว เรียกได้ว่าเตรียมตัวมาเต็มที่กับการใช้ชีวิตนักศึกษาเป็นคืนสุดท้าย ก่อนจะเข้าไปช่วยงานของบิดา เรียนรู้การบริหารโรงพยาบาลชื่อดัง เจ้าตัวเลือกสวมกางเกงขาสั้นเพราะตั้งใจแล้วว่าจะปีนโต๊ะอำลาวงการ ทว่าขึ้นไปไม่ถึงนาทีก็ร่วงลงมา โชคยังดีที่เพื่อนในกลุ่มรับไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นขาเรียวสวยคงได้มีรอยฟกช้ำกลับบ้านแน่ ๆ ดวงตากลมโตกวาดมองโดยรอบ พบสาวสวยโต๊ะข้าง ๆ ที่เป็นตัวการกำลังแสยะยิ้ม ทำหน้าสะใจ คงคิดว่าเธอจะต้องรู้สึกอับอายที่ตกลงมา คิดผิดค่ะ... “เธอ เธอใช่ไหมที่ดันโต๊ะฉันเมื่อกี้” เอรินทร์ไม่ใช่คนยอมอะไรง่าย ๆ ตั้งท่าเตรียมหาเรื่องคนชวนทะเลาะทันที “เอ๊ะ เมาแล้วก็อย่ามาหาเรื่องกันสิ!” ก่อนที่จะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เพื่อนสนิทของเธอก็ตรงเข้ามาห้าม โดยอ้างว่าไม่อยากให้เจ้าของบาร์เดือดร้อน และเจ้าของบาร์ที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือรุ่นพี่ที่ต่างคณะที่คุย ๆ กับเอรินทร์มาได้เกือบสามเดือนแล้ว “ไม่เอาคืนก็ได้ นี่รินทร์ยอมเพราะเห็นแก่พี่ธิปกับลูกปลาเลยนะเนี่ย” “ดีแล้ว อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้แล้วค่อยแก้ปัญหากันอีกที” “คมมากค่ะ คมจนบาดใจ” เธอโคลงศีรษะไล่ภาพบางอย่างที่แวบเข้ามาทุกครั้งที่ดื่มเหล้า เอรินทร์ไม่ชอบดื่มนักเพราะไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นคือความทรงจำ หรือแค่จินตนาการ เธอไม่รู้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าอาหมอสุดหล่อไม่ยอมมองหน้ากันอีก กระทั่งในงานหมั้นก็แทบไม่พูดอะไรเลยสักคำ “นึกถึงเรื่องนั้นอีกแล้วสินะ” “อือ แต่ก็ช่างมันเถอะ” เอรินทร์เติมเหล้าลงในแก้วตัวเอง ผสมเข้มมากจนเวลายกดื่มต้องหลับตาปี๋ เพราะรสชาติขมบาดคอจนน้ำตาแทบไหล จริง ๆ เธอก็ไม่ใช่คนดื่มเก่งอะไร แต่หัวใจมันเรียกร้องอยากจะจำเรื่องในวันนั้นได้บ้าง วันที่เธอเมาจนไม่ได้สติ กึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่จริง ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับร่างกายของเธอไปบ้าง แม้ผลตรวจร่างกายจะบอกชัดว่าความบริสุทธิ์ของเธอยังอยู่ ไม่ได้ถูกพรากไปตั้งแต่อายุสิบเก้าปี ทว่าเอรินทร์ก็ยังอึดอัดอยู่ลึก ๆ เพราะจำได้ว่าตัวเองถูกสัมผัส แค่ไม่รู้ว่ามากหรือน้อย “ดื่มช้าหน่อยรินทร์ ยกไม่หยุดแบบนี้เดี๋ยวก็เมาแย่” มัจฉา ศิรินรกุล เพื่อนสนิทของสาวสวยคออ่อนส่ายหน้าอย่างระอา เธอเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังนั้นไม่ได้โสดสนิทอย่างที่อ้าง เอรินทร์ถูกบิดาจับหมั้นกับแพทย์หนุ่มอนาคตไกลตั้งแต่ตอนอยู่ปีหนึ่ง โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้เต็มใจ พอถามก็ได้แค่คำตอบสั้น ๆ ว่ามันเป็นเรื่องของความเหมาะสม “เมาก็ให้พี่ธิปพาไปส่งห้อง ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” “พี่ธิปเขาต้องดูแลร้านนะ นี่ถ้าแกยังไม่ยอมฟัง ฉันจะโทร. ตามพ่อแกจริง ๆ ด้วย” “ไม่ต้องเลย! เอาน้ำเปล่ามาก็ได้” เอรินทร์ไม่อยากทำให้คนเป็นพ่อผิดหวัง แค่วันที่เธอสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เห็นน้ำตาของผู้ให้กำเนิด แค่นั้นมันก็มากเกินพอแล้ว นอกจากสีหน้าผิดหวังของผู้ให้กำเนิดแล้ว เธอยังต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่อายุห่างกันเกือบสิบสี่ปี เขาแอบเข้ามาถามเธอสั้น ๆ ว่าใช้กลวิธีใดถึงหลอกล่อเขาให้เข้าไปอยู่ในห้องเดียวกันได้ พอไม่ได้คำตอบที่ต้องการก็กดดันให้เธอยอมรับว่าจ้างเซลล์อะไรสักอย่างให้ทำหน้าที่นางนกต่อแทน ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุเพิ่งจะสิบเก้าปีและยังคงมึนเมา จึงไม่เข้าใจเรื่องที่เขาต้องการสื่อ พออีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้และเริ่มถูกเนื้อต้องตัวกัน ความรู้สึกประหลาดก็จู่โจมจนเธอรู้เสียดเสียวบริเวณท้องน้อย เผลอผลักเขาออกไปเต็มแรง เอรินทร์จำได้ว่าเขามองมาด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ ก่อนจะรีบออกไปกับหมออีกคนที่มาตามไปทำแผล ปล่อยให้เธอได้อยู่ตามลำพังกับพยาบาลที่นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ เอรินทร์จำไม่ได้ว่าตัวเองไปโผล่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง แต่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนเอาผลเลือดเข้ามาในห้อง ไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือผิด แต่จำได้ราง ๆ ว่าบิดาไม่ให้บอกใครว่าเรื่องผลตรวจเลือด หลังจากอาการดีขึ้นไม่นาน เธอก็ถูกจับหมั้นกับอาหมอทันที เธอจำได้ว่าเขาไม่พูดอะไรเลยตลอดงาน เอรินทร์ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยละเอียด แต่ฟังจากที่คุณพ่อเล่าก็สรุปได้ว่าอาหมอแค่เมาจนห้ามตัวเองไม่ได้ เพื่อรักษาชื่อเสียงลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาล เขาจึงยอมหมั้นหมายเพื่อแสดงความรับผิดชอบ โดยให้สัญญาว่าระหว่างที่เธอเรียนหนังสืออยู่จะไม่มารบกวน ไม่ถูกเนื้อต้องตัวหรือทำอะไรที่ไม่สมควรอีก นับจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้เห็นหน้าอาหมออีกเลย อาหมอกองทัพสุดหล่อ... มือเรียวกระดกแก้วเหล้าต่อรัว ๆ เพราะไม่อยากคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยิ่งมัจฉาไม่อยู่ที่โต๊ะ เธอยิ่งต้องฉวยโอกาสดื่มให้มากที่สุดก่อนที่เพื่อนจะกลับมาจากห้องน้ำ ทว่าดื่มไปได้สักพักก็เริ่มจะเซไปชนโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีปัญหากระทบกระทั่งกันอยู่แล้ว เอรินทร์หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา และในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมถึงถูกหาเรื่อง แฟนของผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ เคยมาจีบกัน ถึงแม้เธอจะไม่เล่นด้วย แต่อีกฝ่ายก็ยังตื๊อไม่ยอมถอย อ้างว่าทำความรู้จักกันไว้ไม่เสียหาย เอรินทร์บอกไม่ได้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว จึงทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย รู้ตัวอีกทีก็ถูกแฟนตัวจริงของเขาส่งข้อความมาด่า ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่เสียเวลาตอบด้วยซ้ำ “หน้าด้าน! แย่งแฟนชาวบ้านแล้วยังมาหาเรื่องกันอีก!” “เธอว่าไงนะ” เอรินทร์ถามเสียงสูง เธอยังไม่เคยคบใคร กับชนาธิปก็เพิ่งจะเริ่มคุยกัน ยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นแฟนด้วยซ้ำ เรื่องแย่งแฟนอะไรนั่นจึงเป็นไปไม่ได้ คนที่ถูกกล่าวหาตั้งใจว่าจะอาละวาดให้บาร์แตก ทว่ายังไม่ได้ทันได้หาเรื่องใคร เธอก็ถูกดึงไปกอดแนบแน่นเสียก่อน พอเหลือบตามองคนที่ฉวยโอกาสทำแบบนั้น สติที่มีเหลืออยู่ไม่เต็มร้อยก็ถดถอยเหลือแค่สิบเปอร์เซ็นต์ทันที “ขอโทษแทนน้องรินทร์ด้วยนะครับ...” เสียงนุ่มทุ้มนั้นเอรินทร์จำได้แม่น เธอสูดกลิ่นหอมน่าหลงใหลที่ทำให้หัวใจดวงน้อยปั่นป่วน ก่อนจะปล่อยให้แอลกอฮอล์ผลักดันให้ทำในสิ่งที่เจ้าตัวตื่นมาแล้วต้องอาย “คิดถึงอาหมอจัง” เอรินทร์จูบแก้มเขาเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบและจำอะไรไม่ได้อีกเลย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD