อยากเลิกนะ แต่ทิ้งไม่ลงว่ะ

2056 Words
ภายในรถสปอร์ตแอสตัน มาร์ตินคันหรูของผู้บริหารหนุ่มเงียบเชียบยิ่งกว่าอยู่ในป่าช้า เสียงเพลงสากลที่เปิดคลออยู่เบา ๆ ไม่ช่วยให้ความตึงเครียดลดลง เกือบสามปีที่อยู่ด้วยกันมา ไม่ใช่แค่กุ๊งกิ๊งที่รู้จักภีมภากรดี หากแต่ภีมภากรเองก็รู้จักกุ๊งกิ๊งดีพอกัน เขารู้ว่าตอนไหนควรเข้าหาและตอนไหนควรอยู่ห่าง กุ๊งกิ๊งตอนนี้เหมือนไฟที่กำลังร้อน เขาไม่อยากราดน้ำมันลงไปให้ลุกกระพือมากไปกว่านี้ กุ๊งกิ๊งเป็นผู้หญิงประเภท ‘โกรธง่าย หายเร็ว’ ปล่อยให้เธออารมณ์เย็นลงสักหน่อย เดี๋ยวเขาค่อยโอนเงินให้หรือพาไปช็อปปิง เธอก็หายงอนแล้ว ใช้เวลาเพียงสิบห้านาที รถสปอร์ตคันหรูได้ขับเข้ามาจอดในที่จอดรถส่วนตัวของคอนโดหรูวิวแม่น้ำเจ้าพระยา คอนโดของภีมภากรมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ทั้งชั้น กว้างขวางสะดวกสบายพอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง รังรักที่ทั้งคู่ใช้อาศัยอยู่ร่วมกันมาได้สองปีกว่าตั้งแต่ที่ภีมภากรจีบนักศึกษาสาวดีกรีดาวมหาลัยอย่างกุ๊งกิ๊งได้สำเร็จ ภีมภากรเจอกุ๊งกิ๊งขณะที่ทำงานเป็นพริตตี้บูธเฟอร์รารีในงานมอเตอร์โชว์ เขาถูกตาต้องใจสาวสวย ผิวขาวใส ใบหน้าจิ้มลิ้มรูปไข่ ผมยาวไฮไลท์สีน้ำตาลอมเทาดัดลอนส่งให้กุ๊งกิ๊งดูเป็นสาวเปรี้ยวและเซ็กซี่ตามสเป็กของชายหนุ่ม ภีมภากรไม่ชอบผู้หญิงลุคเรียบร้อย ไร้เดียงสา เขาชอบผู้หญิงที่มีจริตจะก้านแบบกุ๊งกิ๊ง เพราะอยากโชว์พาวต่อหน้าสาว เขาเลยหน้ามืดจองรถสปอร์ตเฟอร์รารีรุ่นใหม่ล่าสุดในชณะนั้น สนนราคาสี่สิบกว่าล้านบาท ทำให้ใบหน้าเชิด ๆ อันแสนเย่อหยิ่งของกุ๊งกิ๊งอ่อนลงทันที ใครบ้างจะไม่อ่อนลง ใบจองของเขาใบเดียวทำให้เธอได้ค่าคอมมิชชันไปตั้งหลายล้าน! หลังจากวันนั้นเขาก็เทียวไล้เทียวขื่อส่งดอกไม้ คอยอาสาไปรับ-ส่งเธอที่มหาลัย เขาใช้สโลแกน ‘เปย์หนัก จ่ายง่าย โอนไว’ แค่เพียงเดือนเดียว เขาก็เปย์รถมินิป้ายแดงให้เธอ ไม่รวมกระเป๋า รองเท้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงหูฉี่ที่เธอต้องรับงานพริตตี้ทั้งเดือนถึงจะมีปัญญาซื้อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้ซื้อด้วยซ้ำ เนื่องจากเธอมีภาระค่าใช้จ่ายที่บ้านหลายอย่าง เขาเข้ามาทำให้ชีวิตเธอสุขสบาย เธอพร้อมตกลงปลงใจกับเขาตั้งแต่ที่เขาซื้อรถมินิให้แล้วแต่เธอฉลาดพอที่จะรู้จัก ‘เล่นตัว’ ใช้จริตมารยาและรูปลักษณ์ที่เธอมีทำให้เขาหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงขั้นพาเธอย้ายเข้ามาอยู่ใน ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ของเขาที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เข้ามา ทันทีที่ประตูคอนโดปิดลง กุ๊งกิ๊งเตรียมจะพูดบางอย่างที่อึดอัดอยู่ในใจ ภีมภากรรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขารีบเดินหนีเข้าไปอาบน้ำทันที ทิ้งให้เธอนั่งรออยู่บนเตียงคนเดียวด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่น เขาออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม “ไม่อาบน้ำหรอครับ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หวังชโลมอารมณ์คุกรุ่นของเธอให้เบาบางลง “นานเท่าไหร่แล้วคะ” “อะไรครับ” เขาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือ คุณเอากับนังเลขาสุดเฉิ่มของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คุณกับมันปั่นหัวกิ๊ง หลอกให้กิ๊งไว้ใจจนกิ๊งวางใจคิดว่าคุณคงไม่มีรสนิยมต่ำ ๆ กินผู้หญิงเฉิ่มเชยแบบนั้นลง กิ๊งอุตส่าห์เชื่อใจไม่ไปตามเฝ้าคุณที่บริษัท คุณรวมหัวกับนังนั่นเพื่อหลอกให้กิ๊งตายใจใช่ไหมคะ” นังสุนันท์ เลขาสุดเฉิ่มตัวดีทำเป็นหลอกล่อเธอให้เข้าใจว่าเธอกับมันเป็น ‘พวกเดียวกัน’ แสร้งทำทีรายงานเธอเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นของภีมภากร ที่ไหนได้ นังนั่นแค่ยืมมือเธอหลอกใช้ให้จัดการผู้หญิงพวกนั้นแล้วก็ตีท้ายครัวเธอได้เจ็บแสบที่สุด “ปั่นหัวอะไรกันครับกิ๊ง ไปกันใหญ่แล้ว” “คุณให้นังนั่นแสร้งทำเป็นพวกเดียวกับกิ๊ง คอยรายงานความประพฤติคุณให้กิ๊งรู้แต่สุดท้ายคุณก็แอบเอากับมันลับหลังกิ๊ง” เธอแค้นนังเลขาหน้าเฉิ่มมากถึงมากที่สุด คอยดูนะ ถ้าเธอเจอที่ไหนจะตบไม่เลี้ยงเลย “นี่คุณใช้ให้เลขาผมคอยจับตาดูผมหรอ” ภีมภากรทราบเรื่องนี้เป็นครั้งแรก จากที่พยายามจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบหญิงสาวที่กำลังเลือดร้อน กลายเป็นเขาเองที่ต้องพยายามข่มอารมณ์โกรธ “ใช่ค่ะ แล้วจะทำไม” กุ๊งกิ๊งที่กำลังเลือดขึ้นหน้าตอบกลับไปอย่างยียวน ไม่ได้สังเกตว่าภีมภากรเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นเข้ามาแทนที่ “ต่อไปนี้อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมอีก” ภีมภากรทิ้งท้ายแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธ ไม่ระเบิดใส่เธอ เขาทำผิดกับเธอ เขารู้ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรให้คนอื่นคอยจับตาดูชีวิตประจำวันของเขา แบบนี้มันละเมิดความเป็นส่วนตัวกันชัดๆ “คุณจะออกไปไหน” กุ๊งกิ๊งเดินตามเขาเข้าไปในห้องแต่งตัว เธอสังเกตเห็นใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของเขาจึงพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด แม้ในใจจะคุกรุ่นมากแค่ไหนก็ตาม ภีมภากรไม่ตอบ เขาสวมชุดลำลอง หยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถยนต์เตรียมจะเดินออกจากคอนโด กุ๊งกิ๊งรีบวิ่งเข้ามาดึงแขนเขาเต็มแรง “คุณจะออกไปไหนไม่ได้นะคุณภีม เรายังคุยกันไม่จบ” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้คนคอยจับตาดูผม ผมไม่ใช่นักโทษของคุณ คุณละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผม” “แล้วคุณล่ะ มีสิทธิ์อะไรไปเอากับนังเลขานั่น” เธอตวาดใส่เขาอย่างเหลืออด เขาต่อว่าเธอราวกับตัวเองไม่มีชนักติดหลัง ภีมภากรดึงแขนตัวเองออกจากมือของคนตัวเล็กแล้วเปิดประตูตั้งท่าจะออกไปจากคอนโด เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียง คุยกันไปก็มีแต่แย่ลงเท่านั้น รอให้ใจเย็นก่อน ค่อยพูดกันดีกว่า “หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น” กุ๊งกิ๊งตวาดเสียงดัง หยาดน้ำตาใสเอ่อขึ้นที่ขอบตา คนตัวโตหันมาสบสายตาแข็งกระด้างกับดวงตาที่มีน้ำใสเอ่ยล้นอยู่ พลันแววตาของเขาก็อ่อนลง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนใจ คนตัวเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างเดินออกไปจากคอนโด เสียงประตูปิดลง เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน โอบกอดตัวเองแน่นอยู่ตรงหน้าประตูที่เขาเดินจากไป เขาเบื่อเธอ เธอรู้ แล้วจะให้เธอทำอย่างไร เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก มันเกิดขึ้นกับเธอและเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทุกอย่างเหมือนถูกบันทึกเทปไว้ มันถูกฉายซ้ำวนเวียนไปมา เรื่องราวคล้ายเดิม เปลี่ยนแค่ตัวละครและสถานที่ ทำไมเธอกลับไม่เคยชิน? เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่รู้ว่าเขามีคนอื่น เธอทนไม่ได้ ใจเธอไม่กว้างพอ ทุกคนคิดว่าเธอมัน ‘แน่’ เธอมัน ‘เจ๋ง’ ที่สามารถอยู่กับเขามาได้นานกว่าผู้หญิงทุกคนในชีวิตเขา แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย เธออยู่ตรงนี้ได้เพราะความอดทน ทน ทน ทน คำนี้คำเดียว เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่มีอะไรทัดเทียมเขาได้สักนิด มีเพียงร่างกายของเธอที่เขาหลงใหล การศึกษา ฐานะ และสังคมของเขาและเธอต่างกัน เธอต้องพยายามอย่างมากที่จะยืนอยู่ข้างเขา คำดูถูกนินทา เธอได้ยินมันอยู่ตลอด คนอื่นคิดว่าเธอแข็งแกร่งแต่ความจริงแล้วข้างในของเธอมันอ่อนยวบ! ที่เธออยู่กับเขาได้เกือบสามปีเพราะเธอใช้จริตและมารยาที่เธอมี ทำให้เขารักเขาหลงและทุกครั้งที่เขาทำให้เธอเจ็บปวด เธอจะคอยย้ำกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเธอโชคดีแค่ไหนที่ได้มีโอกาสคบกับผู้ชายแบบเขา เขาจะเลือกใครก็ได้แต่เขาเลือกเธอ ในเมื่อผู้ชายเกรดเอแบบเขาเปรียบเหมือนดอกไม้งามที่มีแต่ผึ้งมาตอม อยากมาดอมดมดูดน้ำหวาน ผู้หญิงมากมายอยากครอบครองเขา มีเพียงเธอที่ได้อยู่ตรงนี้เคียงข้างเขาในที่ของเขา ความโชคดีที่เธอได้รับ เธอย้ำกับตัวเองเสมอ มันคือราคาที่ต้องจ่าย! กุ๊งกิ๊งไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ในเมื่อเธอมีโอกาสได้คบกับเขา ผู้ชายที่อยู่สูงกว่าเธอขนาดนี้ เธอก็จะสู้ให้ถึงที่สุด ในเมื่อใคร ๆ ก็ต่างอิจฉาเธอที่ได้ครอบครองเขา เธอก็จะใช้ชีวิตให้มีความสุขให้มากที่สุด ให้คนขี้อิจฉาพวกนั้นตาลุกเป็นไฟ! “เป็นอะไรมาวะ หน้าบึ้งเชียว” กฤติน เจ้าของผับหรูประหลาดใจที่คืนนี้เห็นเพื่อนสนิทเปิดประตูเข้ามา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ภีมภากรจะเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้บอกกล่าว ภีมภากรมักจะแวะเข้ามานั่งกินเหล้ากับเขาอยู่เป็นประจำ แต่ที่เขาประหลาดใจก็คือวันก่อนภีมภากรบอกเขาเองว่าคืนนี้จะต้องพาเด็กของมันไปดินเนอร์ฉลองสอบเสร็จ แต่ไหงโผล่มานั่งหน้าบึ้งอยู่นี่ได้ หรือจะทะเลาะกัน? “…” ไร้เสียงตอบกลับจากเพื่อนสนิท มีเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากเจ้าของใบหน้าคม “ทะเลาะกับเด็กมาหรือไง” “ตามนั้น” เป็นอย่างที่กฤตินคิดไว้ไม่มีผิด “กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าเลี้ยงไว้นาน ๆ อยู่ด้วยนานแล้วมันจะมีปัญหาตามมาแบบนี้แหละ” สองหนุ่มเพื่อนซี้มีนิสัยเหมือนกันคือชอบ ‘ล่า’ จะต่างกันก็ตรงที่กฤตินไม่ชอบเลี้ยงผู้หญิงคนไหนเป็นกิจจะลักษณะ ถ้าเขาได้แล้ว ครั้งเดียวเขาก็พร้อมสลัดทิ้ง หากถูกใจมาก ๆ เขาอาจจะ ‘ซ้ำ’ แต่เต็มที่ไม่เคยเกินหนึ่งเดือน ภีมภากรต่างจากกฤตินตรงที่เขามักจะหลงผู้หญิงจนใจอ่อนเลี้ยงไว้หลายคน ทั้งค่าขนม ค่าเทอม ค่าหน่วยกิต ค่าเช่าคอนโด คนไหนเขาถูกใจมาก ๆ ก็ซื้อรถ ซื้อคอนโดให้เลย ภีมภากรเสียเงินเสียทองไปกับผู้หญิงมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยหลงผู้หญิงคนไหนจนถึงขนาดพาเข้ามาอยู่ที่คอนโด เว้นเสียแต่หญิงสาวร่างเล็กที่ครองพื้นที่ครี่งหนึ่งบนเตียงนอนของเขา “กูก็อยากเลิกนะ แต่ทิ้งไม่ลงว่ะ” ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่เขาอยู่กับกุ๊งกิ๊ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดอยากเลิกกับเธอ ทุกครั้งที่เธอเหวี่ยง เธอวีน ตามจิกเขายิ่งกว่าแม่ไก่ เขาโคตรจะรำคาญเลย หลายครั้งเขาอยากไล่เธอไปให้พ้นจากคอนโดของเขา แต่เพียงแค่เห็นหยาดน้ำตาและได้ยินเสียงอ้อนวอนของเจ้าของใบหน้าสวยนั่น เขาก็ทำไม่ลง “มึงก็ต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่แบบนี้แหละ” ผู้ชายอย่างภีมภากรหักอกผู้หญิงสวย ๆ เป็นว่าเล่น แต่กับกุ๊งกิ๊ง เขากลับใจไม่แข็งพอ! “เรียกเด็กมาชงเหล้าดิ” “ต้องงี้สิวะ ถึงจะเหมาะสมเป็นเพื่อนรักกู” กฤตินหัวเราะชอบใจ เหล้าหมดไปยังไม่ถึงครึ่งแบน ใบหน้าคมที่เคยบึ้งตึงก็เปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มฉาบอยู่ ภีมภากรก็คือภีมภากร แค่มีสาวสวย นมโต หุ่นเอ็กซ์มานั่งพูดคุยออดอ้อนเอาอกเอาใจพร้อมเอาหน้าอกคู่โตถูไถบนแผ่นอกของเขา คนตัวโตก็หายหงุดหงิดได้ในทันควัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD