ภายในรถสปอร์ตแอสตัน มาร์ตินคันหรูของผู้บริหารหนุ่มเงียบเชียบยิ่งกว่าอยู่ในป่าช้า เสียงเพลงสากลที่เปิดคลออยู่เบา ๆ ไม่ช่วยให้ความตึงเครียดลดลง
เกือบสามปีที่อยู่ด้วยกันมา ไม่ใช่แค่กุ๊งกิ๊งที่รู้จักภีมภากรดี หากแต่ภีมภากรเองก็รู้จักกุ๊งกิ๊งดีพอกัน เขารู้ว่าตอนไหนควรเข้าหาและตอนไหนควรอยู่ห่าง
กุ๊งกิ๊งตอนนี้เหมือนไฟที่กำลังร้อน เขาไม่อยากราดน้ำมันลงไปให้ลุกกระพือมากไปกว่านี้
กุ๊งกิ๊งเป็นผู้หญิงประเภท ‘โกรธง่าย หายเร็ว’ ปล่อยให้เธออารมณ์เย็นลงสักหน่อย เดี๋ยวเขาค่อยโอนเงินให้หรือพาไปช็อปปิง เธอก็หายงอนแล้ว
ใช้เวลาเพียงสิบห้านาที รถสปอร์ตคันหรูได้ขับเข้ามาจอดในที่จอดรถส่วนตัวของคอนโดหรูวิวแม่น้ำเจ้าพระยา คอนโดของภีมภากรมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ทั้งชั้น กว้างขวางสะดวกสบายพอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง
รังรักที่ทั้งคู่ใช้อาศัยอยู่ร่วมกันมาได้สองปีกว่าตั้งแต่ที่ภีมภากรจีบนักศึกษาสาวดีกรีดาวมหาลัยอย่างกุ๊งกิ๊งได้สำเร็จ
ภีมภากรเจอกุ๊งกิ๊งขณะที่ทำงานเป็นพริตตี้บูธเฟอร์รารีในงานมอเตอร์โชว์ เขาถูกตาต้องใจสาวสวย ผิวขาวใส ใบหน้าจิ้มลิ้มรูปไข่ ผมยาวไฮไลท์สีน้ำตาลอมเทาดัดลอนส่งให้กุ๊งกิ๊งดูเป็นสาวเปรี้ยวและเซ็กซี่ตามสเป็กของชายหนุ่ม
ภีมภากรไม่ชอบผู้หญิงลุคเรียบร้อย ไร้เดียงสา เขาชอบผู้หญิงที่มีจริตจะก้านแบบกุ๊งกิ๊ง เพราะอยากโชว์พาวต่อหน้าสาว เขาเลยหน้ามืดจองรถสปอร์ตเฟอร์รารีรุ่นใหม่ล่าสุดในชณะนั้น สนนราคาสี่สิบกว่าล้านบาท ทำให้ใบหน้าเชิด ๆ อันแสนเย่อหยิ่งของกุ๊งกิ๊งอ่อนลงทันที
ใครบ้างจะไม่อ่อนลง
ใบจองของเขาใบเดียวทำให้เธอได้ค่าคอมมิชชันไปตั้งหลายล้าน!
หลังจากวันนั้นเขาก็เทียวไล้เทียวขื่อส่งดอกไม้ คอยอาสาไปรับ-ส่งเธอที่มหาลัย เขาใช้สโลแกน ‘เปย์หนัก จ่ายง่าย โอนไว’ แค่เพียงเดือนเดียว เขาก็เปย์รถมินิป้ายแดงให้เธอ
ไม่รวมกระเป๋า รองเท้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงหูฉี่ที่เธอต้องรับงานพริตตี้ทั้งเดือนถึงจะมีปัญญาซื้อ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้ซื้อด้วยซ้ำ เนื่องจากเธอมีภาระค่าใช้จ่ายที่บ้านหลายอย่าง
เขาเข้ามาทำให้ชีวิตเธอสุขสบาย เธอพร้อมตกลงปลงใจกับเขาตั้งแต่ที่เขาซื้อรถมินิให้แล้วแต่เธอฉลาดพอที่จะรู้จัก ‘เล่นตัว’ ใช้จริตมารยาและรูปลักษณ์ที่เธอมีทำให้เขาหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น ถึงขั้นพาเธอย้ายเข้ามาอยู่ใน ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ของเขาที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เข้ามา
ทันทีที่ประตูคอนโดปิดลง กุ๊งกิ๊งเตรียมจะพูดบางอย่างที่อึดอัดอยู่ในใจ ภีมภากรรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขารีบเดินหนีเข้าไปอาบน้ำทันที ทิ้งให้เธอนั่งรออยู่บนเตียงคนเดียวด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่น
เขาออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เธอก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“ไม่อาบน้ำหรอครับ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หวังชโลมอารมณ์คุกรุ่นของเธอให้เบาบางลง
“นานเท่าไหร่แล้วคะ”
“อะไรครับ”
เขาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือ คุณเอากับนังเลขาสุดเฉิ่มของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คุณกับมันปั่นหัวกิ๊ง หลอกให้กิ๊งไว้ใจจนกิ๊งวางใจคิดว่าคุณคงไม่มีรสนิยมต่ำ ๆ กินผู้หญิงเฉิ่มเชยแบบนั้นลง กิ๊งอุตส่าห์เชื่อใจไม่ไปตามเฝ้าคุณที่บริษัท คุณรวมหัวกับนังนั่นเพื่อหลอกให้กิ๊งตายใจใช่ไหมคะ”
นังสุนันท์ เลขาสุดเฉิ่มตัวดีทำเป็นหลอกล่อเธอให้เข้าใจว่าเธอกับมันเป็น ‘พวกเดียวกัน’ แสร้งทำทีรายงานเธอเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นของภีมภากร ที่ไหนได้ นังนั่นแค่ยืมมือเธอหลอกใช้ให้จัดการผู้หญิงพวกนั้นแล้วก็ตีท้ายครัวเธอได้เจ็บแสบที่สุด
“ปั่นหัวอะไรกันครับกิ๊ง ไปกันใหญ่แล้ว”
“คุณให้นังนั่นแสร้งทำเป็นพวกเดียวกับกิ๊ง คอยรายงานความประพฤติคุณให้กิ๊งรู้แต่สุดท้ายคุณก็แอบเอากับมันลับหลังกิ๊ง”
เธอแค้นนังเลขาหน้าเฉิ่มมากถึงมากที่สุด คอยดูนะ ถ้าเธอเจอที่ไหนจะตบไม่เลี้ยงเลย
“นี่คุณใช้ให้เลขาผมคอยจับตาดูผมหรอ”
ภีมภากรทราบเรื่องนี้เป็นครั้งแรก จากที่พยายามจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบหญิงสาวที่กำลังเลือดร้อน กลายเป็นเขาเองที่ต้องพยายามข่มอารมณ์โกรธ
“ใช่ค่ะ แล้วจะทำไม” กุ๊งกิ๊งที่กำลังเลือดขึ้นหน้าตอบกลับไปอย่างยียวน ไม่ได้สังเกตว่าภีมภากรเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นเข้ามาแทนที่
“ต่อไปนี้อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมอีก”
ภีมภากรทิ้งท้ายแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธ ไม่ระเบิดใส่เธอ
เขาทำผิดกับเธอ เขารู้ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรให้คนอื่นคอยจับตาดูชีวิตประจำวันของเขา แบบนี้มันละเมิดความเป็นส่วนตัวกันชัดๆ
“คุณจะออกไปไหน”
กุ๊งกิ๊งเดินตามเขาเข้าไปในห้องแต่งตัว เธอสังเกตเห็นใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของเขาจึงพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด แม้ในใจจะคุกรุ่นมากแค่ไหนก็ตาม
ภีมภากรไม่ตอบ เขาสวมชุดลำลอง หยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถยนต์เตรียมจะเดินออกจากคอนโด กุ๊งกิ๊งรีบวิ่งเข้ามาดึงแขนเขาเต็มแรง
“คุณจะออกไปไหนไม่ได้นะคุณภีม เรายังคุยกันไม่จบ”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้คนคอยจับตาดูผม ผมไม่ใช่นักโทษของคุณ คุณละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผม”
“แล้วคุณล่ะ มีสิทธิ์อะไรไปเอากับนังเลขานั่น”
เธอตวาดใส่เขาอย่างเหลืออด เขาต่อว่าเธอราวกับตัวเองไม่มีชนักติดหลัง
ภีมภากรดึงแขนตัวเองออกจากมือของคนตัวเล็กแล้วเปิดประตูตั้งท่าจะออกไปจากคอนโด เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียง คุยกันไปก็มีแต่แย่ลงเท่านั้น รอให้ใจเย็นก่อน ค่อยพูดกันดีกว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”
กุ๊งกิ๊งตวาดเสียงดัง หยาดน้ำตาใสเอ่อขึ้นที่ขอบตา คนตัวโตหันมาสบสายตาแข็งกระด้างกับดวงตาที่มีน้ำใสเอ่ยล้นอยู่ พลันแววตาของเขาก็อ่อนลง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนใจ
คนตัวเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างเดินออกไปจากคอนโด เสียงประตูปิดลง เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน โอบกอดตัวเองแน่นอยู่ตรงหน้าประตูที่เขาเดินจากไป
เขาเบื่อเธอ เธอรู้ แล้วจะให้เธอทำอย่างไร
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก มันเกิดขึ้นกับเธอและเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทุกอย่างเหมือนถูกบันทึกเทปไว้ มันถูกฉายซ้ำวนเวียนไปมา เรื่องราวคล้ายเดิม เปลี่ยนแค่ตัวละครและสถานที่
ทำไมเธอกลับไม่เคยชิน?
เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่รู้ว่าเขามีคนอื่น เธอทนไม่ได้ ใจเธอไม่กว้างพอ
ทุกคนคิดว่าเธอมัน ‘แน่’ เธอมัน ‘เจ๋ง’ ที่สามารถอยู่กับเขามาได้นานกว่าผู้หญิงทุกคนในชีวิตเขา แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย เธออยู่ตรงนี้ได้เพราะความอดทน
ทน ทน ทน คำนี้คำเดียว
เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่มีอะไรทัดเทียมเขาได้สักนิด มีเพียงร่างกายของเธอที่เขาหลงใหล การศึกษา ฐานะ และสังคมของเขาและเธอต่างกัน
เธอต้องพยายามอย่างมากที่จะยืนอยู่ข้างเขา คำดูถูกนินทา เธอได้ยินมันอยู่ตลอด คนอื่นคิดว่าเธอแข็งแกร่งแต่ความจริงแล้วข้างในของเธอมันอ่อนยวบ!
ที่เธออยู่กับเขาได้เกือบสามปีเพราะเธอใช้จริตและมารยาที่เธอมี ทำให้เขารักเขาหลงและทุกครั้งที่เขาทำให้เธอเจ็บปวด เธอจะคอยย้ำกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเธอโชคดีแค่ไหนที่ได้มีโอกาสคบกับผู้ชายแบบเขา
เขาจะเลือกใครก็ได้แต่เขาเลือกเธอ
ในเมื่อผู้ชายเกรดเอแบบเขาเปรียบเหมือนดอกไม้งามที่มีแต่ผึ้งมาตอม อยากมาดอมดมดูดน้ำหวาน ผู้หญิงมากมายอยากครอบครองเขา มีเพียงเธอที่ได้อยู่ตรงนี้เคียงข้างเขาในที่ของเขา ความโชคดีที่เธอได้รับ เธอย้ำกับตัวเองเสมอ
มันคือราคาที่ต้องจ่าย!
กุ๊งกิ๊งไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ในเมื่อเธอมีโอกาสได้คบกับเขา ผู้ชายที่อยู่สูงกว่าเธอขนาดนี้ เธอก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
ในเมื่อใคร ๆ ก็ต่างอิจฉาเธอที่ได้ครอบครองเขา เธอก็จะใช้ชีวิตให้มีความสุขให้มากที่สุด ให้คนขี้อิจฉาพวกนั้นตาลุกเป็นไฟ!
“เป็นอะไรมาวะ หน้าบึ้งเชียว”
กฤติน เจ้าของผับหรูประหลาดใจที่คืนนี้เห็นเพื่อนสนิทเปิดประตูเข้ามา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ภีมภากรจะเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้บอกกล่าว ภีมภากรมักจะแวะเข้ามานั่งกินเหล้ากับเขาอยู่เป็นประจำ
แต่ที่เขาประหลาดใจก็คือวันก่อนภีมภากรบอกเขาเองว่าคืนนี้จะต้องพาเด็กของมันไปดินเนอร์ฉลองสอบเสร็จ แต่ไหงโผล่มานั่งหน้าบึ้งอยู่นี่ได้
หรือจะทะเลาะกัน?
“…”
ไร้เสียงตอบกลับจากเพื่อนสนิท มีเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากเจ้าของใบหน้าคม
“ทะเลาะกับเด็กมาหรือไง”
“ตามนั้น”
เป็นอย่างที่กฤตินคิดไว้ไม่มีผิด
“กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่าเลี้ยงไว้นาน ๆ อยู่ด้วยนานแล้วมันจะมีปัญหาตามมาแบบนี้แหละ”
สองหนุ่มเพื่อนซี้มีนิสัยเหมือนกันคือชอบ ‘ล่า’ จะต่างกันก็ตรงที่กฤตินไม่ชอบเลี้ยงผู้หญิงคนไหนเป็นกิจจะลักษณะ ถ้าเขาได้แล้ว ครั้งเดียวเขาก็พร้อมสลัดทิ้ง หากถูกใจมาก ๆ เขาอาจจะ ‘ซ้ำ’ แต่เต็มที่ไม่เคยเกินหนึ่งเดือน
ภีมภากรต่างจากกฤตินตรงที่เขามักจะหลงผู้หญิงจนใจอ่อนเลี้ยงไว้หลายคน ทั้งค่าขนม ค่าเทอม ค่าหน่วยกิต ค่าเช่าคอนโด คนไหนเขาถูกใจมาก ๆ ก็ซื้อรถ ซื้อคอนโดให้เลย
ภีมภากรเสียเงินเสียทองไปกับผู้หญิงมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยหลงผู้หญิงคนไหนจนถึงขนาดพาเข้ามาอยู่ที่คอนโด เว้นเสียแต่หญิงสาวร่างเล็กที่ครองพื้นที่ครี่งหนึ่งบนเตียงนอนของเขา
“กูก็อยากเลิกนะ แต่ทิ้งไม่ลงว่ะ”
ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่เขาอยู่กับกุ๊งกิ๊ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดอยากเลิกกับเธอ ทุกครั้งที่เธอเหวี่ยง เธอวีน ตามจิกเขายิ่งกว่าแม่ไก่ เขาโคตรจะรำคาญเลย
หลายครั้งเขาอยากไล่เธอไปให้พ้นจากคอนโดของเขา แต่เพียงแค่เห็นหยาดน้ำตาและได้ยินเสียงอ้อนวอนของเจ้าของใบหน้าสวยนั่น เขาก็ทำไม่ลง
“มึงก็ต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่แบบนี้แหละ”
ผู้ชายอย่างภีมภากรหักอกผู้หญิงสวย ๆ เป็นว่าเล่น แต่กับกุ๊งกิ๊ง เขากลับใจไม่แข็งพอ!
“เรียกเด็กมาชงเหล้าดิ”
“ต้องงี้สิวะ ถึงจะเหมาะสมเป็นเพื่อนรักกู” กฤตินหัวเราะชอบใจ
เหล้าหมดไปยังไม่ถึงครึ่งแบน ใบหน้าคมที่เคยบึ้งตึงก็เปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มฉาบอยู่
ภีมภากรก็คือภีมภากร แค่มีสาวสวย นมโต หุ่นเอ็กซ์มานั่งพูดคุยออดอ้อนเอาอกเอาใจพร้อมเอาหน้าอกคู่โตถูไถบนแผ่นอกของเขา คนตัวโตก็หายหงุดหงิดได้ในทันควัน