“พี่หนิง คุณภีมกลับบ้านหรือยังคะ” หญิงสาวร่างเล็กหยุดถามรุ่นพี่สาวที่ทำงานอยู่ในแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทนี้
“พี่ยังไม่เห็นนะ วันนี้มาถึงที่บริษัทได้ มีอะไรหรือเปล่า”
“ไว้ค่อยคุยนะพี่ รีบ”
หนิงมองตามร่างเล็กที่รีบวิ่งไปขึ้นลิฟต์ด้วยท่าทางรีบร้อน แล้วหันมาซุบซิบกับเพื่อนในแผนก
“ฉันว่าวันนี้ตลาดแตกแน่ ไม่งั้นยัยกิ๊งไม่ถ่อมาถึงที่นี่หรอก”
กุ๊งกิ๊งไม่ได้เข้ามาที่บริษัทนี้สักพักแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่หญิงสาวเข้ามาฝึกงานอยู่ที่นี่ เธอได้แสดงอิทธิฤทธิ์ให้เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งบริษัทถึงความหึงหวงที่มีต่อ ‘ภีมภากร’ หนึ่งในผู้บริหารของบริษัท
ก็แหงสิ รูปหล่อ พ่อรวย ดีกรีลูกชายคนเล็กของท่านเจ้าสัวภพธรรม ประธานบริษัทพีเคเอ็น คอนสตรัคชัน แค่หุ้นที่มีปันผลทีก็หลายร้อยล้านแล้ว
ไม่หวงสิแปลก บ่อเงินบ่อทองชัด ๆ
ยัยนักศึกษาฝึกงานกุ๊งกิ๊งเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ คุณหนูไฮโซก็ไม่น่าใช่ นามสกุลไม่คุ้น ความสวยน่ะยอมรับ แต่ระดับคุณภีม หาสวยกว่านี้ได้เยอะแยะ
ก็เพราะแบบนี้แหละ กุ๊งกิ๊งถึงหวงภีมภากรยิ่งกว่าแม่ไก่กกไข่ ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ไม่ได้ เธอไล่กระเจิดกระเจิง ถึงขนาดเลขาหน้าห้องของเขาลาออกไปถึงสามคนในเวลาเพียงสี่เดือนที่เธอเข้ามาฝึกงาน
ความร้ายกาจของกุ๊งกิ๊งเป็นที่ประจักษ์ แต่ไม่มีใครกล้าว่าเธอต่อหน้า ทำได้เพียงซุบซิบนินทากันลับหลัง
เพราะหากเจ้าตัว ได้ยินเมื่อไหร่ เธอพร้อมด่ากราด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน เพราะถือว่าตน ‘เส้นใหญ่’ ก็คุณภีมหลงเธอเสียขนาดนั้น
เธอขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นยี่สิบสองซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้บริหาร กุ๊งกิ๊งตรงดิ่งไปที่หน้าห้องทำงานท่านผู้บริหารหนุ่ม
เธอไม่เห็น ‘สุนันท์’ เลขาหน้าห้องคนล่าสุดของเขาที่เธอช่วยเขาเลือกเองมากับมือ กุ๊งกิ๊งค่อนข้างสนิทกับเลขาของเขาคนนี้ ถึงขั้นให้คอยสอดส่องภีมภากรเพื่อเอามารายงานเธอ
เธอไว้ใจเลขาของเขาคนนี้ เพราะสุนันท์ ‘อยู่เป็น’ รู้จักเจียมตัว รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร!
ร่างเล็กหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องทำงานของภีมภากร ลังเลว่าควรเปิดประตูเข้าไปเลยดีหรือควรเคาะก่อน เพราะถึงจะขี้เหวี่ยง ขี้วีนขนาดไหน แต่เธอก็รู้จักมารยาทและกาลเทศะ
หากเขาติดแขกสำคัญอยู่ คงจะไม่ดีแน่ แต่ถ้าเธอเคาะห้องก็เป็นเหมือนการให้สัญญาณคนข้างในได้เตรียมตัว เธอก็จะไม่สามารถจับเขาได้คาหนังคาเขา
ใช่! คาหนังคาเขา
คนอย่าง ‘ภีมภากร โภคอนันท์’ ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา เขาไม่มีทางยอมรับ
ลื่นเก่งยิ่งกว่าปลาไหล!
วันนี้เธอสอบวิชาสุดท้ายก่อนจบชั้นปีสี่ ภีมภากรเป็นคนนัดเธอเองว่าเขาจะมารับเธอไปดินเนอร์ฉลองสอบเสร็จ เธออุตส่าห์ปฏิเสธเพื่อนในกลุ่มไม่ไปฉลองด้วย
เธออยากไปกับเขาแค่สองคน แต่เขาก็ผิดนัด ปล่อยให้เธอนั่งรอเขาที่ใต้ตึกคณะตั้งแต่บ่ายสามโมงจวบจนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น
โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน
ปกติแล้วหากภีมภากรติดงานด่วนหรือมีธุระกะทันหัน เขาจะส่งข้อความมาบอกเธอทุกครั้ง หากเขาเงียบหายไปแบบนี้ มีกรณีเดียว และเธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องงานแน่นอน!
ถ้าไม่สุดจริง ๆ เธอคงไม่มาตามเขาถึงที่บริษัท เธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้เขา เธอรู้ดีว่าตำแหน่งระดับผู้บริหารอย่างเขา ต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดี แต่ภีมภากรทำให้ความอดทนของเธอขาดสะบั้น
เขาทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษเธอไม่ได้!
ร่างเล็กยืนรออยู่สักพักก็ยังไม่เห็นวี่แววเลขาของเขา ยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูเวลา เกือบหกโมงเย็น สุนันท์น่าจะกลับบ้านไปแล้ว กุ๊งกิ๊งจึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป
กรี๊ด!
เสียงกรีดร้องของกุ๊งกิ๊งดังลั่นชั้นยี่สิบสอง
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาสติของเธอขาดกระเจิง เลขาสาวที่เธอไว้ใจให้คอยช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องและคอยรายงานพฤติกรรมชู้สาวของผัวทางพฤตินัยคนเดียวของเธอ กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตักของภีมภากรด้วยสภาพที่คิดเป็นอื่นไปไม่ได้
เสื้อผ้าของเลขาสาวกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ไอ้ผัวตัวดีของเธอกำลังซุกไซ้อยู่บนเนินอกไร้สิ่งปกปิดของนังเลขา
กุ๊งกิ๊งตรงดิ่งไปกระชากร่างของสุนันท์ออกจากตักของภีมภากรจนเลขาสาวเซล้มลงกระแทกพื้น
“โอ้ย”
สุนันท์ร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“อีนังงูพิษ ฉันอุตส่าห์ไว้ใจให้แกคอยจับตาดูผัวฉันไว้ แกดันมาแทงข้างหลังฉัน” กุ๊งกิ๊งปรี่เข้าไปคร่อมตัวเลขาสาวที่นอนโอดครวญอยู่บนพื้น
เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
สุนันท์หน้าหันตามแรงมือของคนตัวเล็ก กุ๊งกิ๊งสติหลุดไม่สนอะไรทั้งนั้น ถึงตัวเธอจะเล็ก แต่แรงมหาศาล เพราะเธอมันอดีตมือตบของโรงเรียน
“แอบกินผัวฉันมานานแค่ไหนแล้ว”
เธอไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงอย่าง ‘สุนันท์’ ภีมภากรจะเอาลง!
ผู้หญิงหน้าตาจืดชืด สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่งตัวเหมือนหลุดมาจากยุคเก้าศูนย์ เธอไม่คิดว่าคนอย่างภีมภากรจะสนใจ เธออุตส่าห์คัดหน้าตาเลขาของเขามาด้วยตัวเองแล้วแท้ ๆ
เขานี่มันกินไม่เลือกจริง ๆ
“พี่ขอโทษค่ะน้องกิ๊ง”
สุนันท์ยกมือขึ้นไหว้ปะหลก ๆ ขอความเห็นใจจากคนที่อายุน้อยกว่าเธอหลายปีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
สุนันท์ไม่ได้สำนึกผิด เธอแค่กลัว เนื่องจากช่วงแรกที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ เธอเคยเห็นฤทธิ์เดชของนักศึกษาฝึกงานพ่วงตำแหน่งผู้หญิงของเจ้านายคนนี้แล้ว
“แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าน้อง”
กุ๊งกิ๊งตวาดใส่คนใต้ร่างพร้อมจิกหัวสุนันท์ขึ้นมาแล้ว โขกหัวเลขาสาวกับพื้นห้องทำงานหลายที
“พอแล้วกิ๊ง” ภีมภากรพึ่งได้สติรีบเดินเข้ามาแยกกุ๊งกิ๊งออกจากสุนันท์
เขาไม่ได้อยากแสดงอาการห่วงใยสุนันท์ต่อหน้ากุ๊งกิ๊ง เขารู้ว่ามันยิ่งทำให้เธออารมณ์พุ่งปรี๊ดขึ้นไปอีก แต่เขากลัวสุนันท์จะตายคามือกุ๊งกิ๊ง
“คุณปกป้องมันหรอ”
เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เธอหันมาเอาเรื่องเขาแทน
“มีกิ๊งคนเดียวไม่พอใช่ไหม”
หมับ!
มือเล็กคว้าหมับเข้าที่จุดแก่นกลางกายที่อัดแน่นอยู่ภายใต้กางเกงชั้นในชายแบรนด์หรูสีขาวของเขาที่โผล่ออกมาให้เห็นเพียงด้านหน้าเพราะซิปกางเกงสแล็คเนื้อดีสีดำถูกรูดลงมาจนสุด
โอ้ย!
ไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว มือเล็กกำจุดแก่นกลางกายของเขาแล้วบิดอย่างไม่ยั้งมือ
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
มือหนาสองข้างกุมเป้าตัวเองด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทำร้ายกล่องดวงใจของเขาซึ่งก็เป็นของรักของหวงของเธอเช่นกัน
“ทำไม เจ็บหรอ”
“ถ้ามันใช้งานไม่ได้อีกจะทำยังไง”
“ดีสิ คุณจะได้ไม่ต้องไปสำส่อนที่ไหนให้กิ๊งต้องปวดหัวอีก”
ดีที่ไหนล่ะ
ถ้า ‘ของ’ ของเขาใช้งานไม่ได้ เธอเองก็แย่เหมือนกัน
“…”
ทั้งจุก ทั้งเจ็บ ภีมภากรพูดไม่ออก ได้แต่เอามือกำเป้าด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวอยู่อย่างนั้น
“คิดจะนอกใจกิ๊งทั้งที หาดีกว่านี้ไม่ได้หรอ สภาพแบบนังนี่ คุณกินลงได้ไง กิ๊งจะอ้วก”
คำพูดร้าย ๆ ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูปของเธอ ทำให้คนที่ถูกเอ่ยถึงนั่งน้ำตาคลออยู่บนพื้น ภีมภากรเห็นแล้วก็นึกสงสาร
ที่ผ่านมาเลขาของภีมภากรทุกคนขึ้นชื่อเรื่องความสวย เนื่องจากภาระงานในแต่ละวันของเขามันทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด ได้เห็นหน้าเลขาหน้าตาสะสวย ยิ้มหวาน คอยเสิร์ฟกาแฟ ก็ช่วยให้เขากระชุ่มกระชวยมีแรงทำงานมากยิ่งขึ้น
เลขาของเขาทุกคน เขาคัดเองกับมือ ความสวย อันดับหนึ่ง รูปร่าง อันดับสอง ความเก่ง มาอันดับสุดท้าย เขาเชื่อว่าเรื่องงาน สามารถสอนกันได้
ยกเว้นก็แต่ ‘สุนันท์’ ที่นอกจากความเก่งแล้ว เธอไม่ผ่านด่านข้อที่เหลือของเขาเลยสักนิด ที่เขาต้องฝืนรับสุนันท์มาเป็นเลขาก็เพราะนักศึกษาฝึกงาน ‘ตัวเล็ก’ แต่ ‘เส้นใหญ่’ ของเขาที่ตอนนั้นฝึกงานอยู่ที่บริษัทเป็นคนเสนอตัวไปช่วยเลือกมาให้เขา
ทนลูกอ้อนเด็กมันไม่ไหว ก็เลยรับ ๆ มาก่อน ว่าจะเปลี่ยนเลขาใหม่หลังจากที่เจ้าหล่อนฝึกงานจบ แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้แว่นตาหนาเตอะและชุดกระโปรงสุ่มไก่ของสุนันท์ จะซ่อนรูปได้ถึงเพียงนี้ สุนันท์ไม่ได้เฉิ่มเหมือนกิริยาภายนอกที่เธอแสดงออกมา
เวลาอยู่บนตัวเขา เธอเร่าร้อนจนน่าเหลือเชื่อ!
และด้วยอายุที่มากกว่ากุ๊งกิ๊งทำให้สุนันท์ ‘อยู่เป็น’ เธอรู้ว่าควรวางตัวอย่างไร ความเจียมเนื้อเจียมตัวของเธอทำให้ภีมภากรรู้สึกเห็นใจ
“นันท์ กลับไปก่อนเถอะ”
สุนันท์เหลือบมองเจ้านายหนุ่มด้วยแววตาตัดพ้อ เธอพยายามยันกายตัวเองยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ก้มเก็บเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่
ไม่ผิดจากที่เธอคิดไว้เลยสักนิด เขาไม่เลือกเธอ ทั้งที่เธอยอมเขาทุกอย่าง ยอมอยู่ในมุมมืดของเขา ไม่เคยแสดงตัว ไม่เคยทำให้เขาลำบากใจ
แต่กับผู้หญิงขี้วีน ขี้เหวี่ยง ขี้โวยวาย คอยแต่ทำให้เขาปวดหัวอยู่ตลอด เขากับเลือกหล่อน!
“เก็บของของเธอออกไปให้หมดแล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีก”
กุ๊งกิ๊งตวาดใส่สุนันท์เสียงดังลั่น ไร้เสียงตอบรับจากเลขาสาว สุนันท์พาร่างบอบช้ำของตัวเอง ค่อย ๆ ระเห็จออกจากห้องไปแต่โดยดี
ต่อให้สุนันท์อยากจะครอบครองชายหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวยสุดแสนเพอร์เฟกต์ตรงหน้ามากแค่ไหน แต่เธอรู้ดีว่าผู้ชายอย่างภีมภากรคงไม่มีทางลงเอยกับใครง่าย ๆ
เขาขี้เบื่อ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยและชอบความตื่นเต้นมากที่สุด
แม้จะเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ แต่สุนันท์รู้ดีว่าไม่ควรคิด ‘ต่อกร’ กับนักศึกษาสาวตรงหน้า กุ๊งกิ๊งสามารถทำลายเธอให้ ‘ย่อยยับ’ ได้อย่างใจต้องการ
ไม่ว่าจะดารา นางแบบ หรือลูกคุณหนูไฮโซตระกูลไหนก็ตามที่เข้ามาข้องแวะกับภีมภากร กุ๊งกิ๊งจัดการได้อย่าง ‘ราบคาบ’
ถ้ากุ๊งกิ๊งไม่แน่จริง คงไม่อยู่กับภีมภากรมาได้เกือบสามปี
สุนันท์ยอมแพ้ เธอไม่ชอบต่อสู้กับใคร แล้วยิ่งชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้แสดงออกว่าต้องการเธอ เธอยิ่งไม่รู้ว่าจะสู้ไปทำไม
และสุนันท์ก็เป็นเลขาคนที่สี่ที่ถูกกุ๊งกิ๊งไล่ตะเพิดออกไปจากบริษัทโดยที่ผู้บริหารหนุ่มอย่างภีมภากรไม่ได้เอ่ยปากขัดนักศึกษาสาวร่างเล็กตรงหน้าแม้แต่คำเดียว