6
ธาริกาเดินลงมาจากชั้นบนเวลาเกือบห้าโมงเย็น บ้านทั้งบ้านเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ เธอจึงเดินสำรวจเรือนกุหลาบ ซึ่งเป็นบ้านทรงยุโรปผสมผสานกับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว ขนาดของบ้านไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก ชั้นบนมีสามห้อง ห้องนอนของราเชนทร์ ห้องนอนของเธอ และห้องทำงานของเขา ส่วนด้านล่างมีห้องรับแขกขนาดพอดี ห้องอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัว และห้องนั่งเล่นที่มีชุดเครื่องเสียงขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ ด้านขวามือจะมีบาร์ ห้องนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องปาร์ตี้ที่มีความจุไม่เกิน 20 คน
ด้านหน้าของบ้านจะมีต้นกุหลาบออกดอกชูช่ออยู่เป็นแนวตลอดทางเดิน ไปสิ้นสุดที่ทางเชื่อมระหว่างเรือนกุหลาบกับบ้านหลังใหญ่ที่มีความใหญ่มากกว่าที่เรือนกุหลาบเกือบสามเท่า
ธาริกาเดินมาหยุดตรงแปลงดอกไม้เล็กๆ ที่อยู่ริมสนามหญ้า ดอกไม้ที่ปลูกไว้มีกล้วยไม้หลายสายพันธ์ ดอกดาวเรืองที่ปลูกไว้ในกระถางเล็กๆ เรียงกันเป็นแถวๆ ละสิบกระถาง ดอกนี้มีทั้งหมดสามแถว ต้นดอกมะลิอีกสามต้น ต้นแววมยุราสองต้นและเบญมาศอีกสองต้น
ธาริกายืนมองดูดอกไม้แล้วนึกคันไม้คันมือตามประสาคนชอบปลูกผัก ปลูกต้นไม้ เธอมองไปรอบๆ เผื่อจะเจอเสียมสำหรับพรวนดิน ซึ่งบังเอิญมันวางอิงอยู่ข้างกระถางต้นไม้เปล่า เธอจึงเดินไปหยิบมัน ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นถังใส่ปุ๋ยที่คนสวนคงเตรียมไว้สำหรับบำรุงต้นไม้
หญิงสาวใช้เสียมขุดดินอย่างคล่องแคล่ว เธอพรวนดินตรงต้นแววมยุราก่อนใส่ปุ๋ยลงไป จากนั้นก็มาทำกับอีกต้นหนึ่ง ธาริกาใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานร่วมสี่สิบนาที แต่เธอก็ไม่เบื่อที่จะทำ และไม่รู้จักเหนื่อย อาจเป็นเพราะความชอบส่วนตัวที่ทำทั้งวันยังได้
ขณะที่กำลังแปลงร่างเป็นชาวสวนอยู่นั้น สร้อยได้เดินตามหาธาริกาที่คิดว่าเป็นวิติยาเสียทั่วบ้าน เรือนกุหลาบก็ไม่มี จะไปตามที่บ้านใหญ่ก็คงไม่เจอ เพราะสถานที่แห่งนั้นเป็นที่ต้องห้าม รุ่งระวีห้ามลูกสะใภ้ที่ไม่ต้องการไปเหยียบที่นั่น สร้อยจึงลองเดินดูรอบๆ บ้านจนกระทั่งเห็นคนที่เธอตามหากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงแปลงดอกไม้
“คุณแก้วทำอะไรอยู่คะ” ธาริกาหันมาทางต้นเสียง เธอมองเห็นหญิงสาวร่างเล็ก ผิวดำแดงชอบคาดผมไว้กลางศีรษะ ลักษณะและรูปร่างเหมือนกับคนชื่อสร้อยที่วาติยาเล่าให้ฟัง
“กำลังพรวนต้นไม้น่ะ ว่าแต่สร้อยมีอะไรหรือเปล่า”
“พรวนต้นไม้หรือคะ” สร้อยไม่ตอบแต่กลับถามด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นวาติยาทำงานแบบนี้เลยสักครั้ง
“ใช่จ้ะ ฉันชอบน่ะ” ธาริกาตอบ “ว่าแต่สร้อยมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าใครเรียกฉัน”
“คุณเชนทร์ให้มาเรียกคุณแก้วค่ะ” สร้อยตอบ
“แล้วคุณเชนทร์อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่...” สร้อยทำท่าอึกอักจนธาริกาสงสัยอีกครั้ง
“มีอะไรสร้อย พูดมา”
“คุณเชนทร์ให้คุณแก้วไปหาที่ห้องคุณแก้วค่ะ แล้วคุณเชนทร์ก็พาผู้หญิงไปนอนที่ห้องคุณแก้วอีกแล้วค่ะ”
สร้อยพูดด้วยน้ำเสียงเบา รู้สึกสงสารสาวตรงหน้าจับใจ ยังคิดอีกว่า วาติยาเข้าไปในห้องไม่นานก็คงวิ่งร้องไห้มาเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ธาริกาพูดอย่างมาดมั่น ไม่มีทีท่าหวั่นใจสักนิดเดียว
“คุณแก้วกลับมาครั้งนี้ดูเปลี่ยนไปนะคะ ไม่เหมือนคุณแก้วคนก่อนเลย ดูอย่างวันนี้สิคะ คุณเชนทร์กับคุณท่านหน้าหงายไปเลย”
สร้อยชื่นชมในตัวของหญิงสาวมาก เพราะสร้อยรู้สึกสงสารและเห็นใจวาติยาที่ต้องทนฟังราเชนทร์พูดจาแรงๆ ทุกวัน
“แก้วคนเก่าตายไปแล้วสร้อย ต่อไปนี้จะมีแต่แก้วคนใหม่ ที่ไม่มีวันให้ใครมารังแกง่ายๆ ใครร้ายมาฉันจะร้ายกลับให้ดู เอาให้กระอักไปเลย”
ธาริกาพูดจบก็เดินกลับไปยังเรือนกุหลาบ ขึ้นไปที่ชั้นบนตรงไปที่ห้องของเธอ
วินาทีแรกที่เปิดประตูเข้าไป ธาริกาเห็นร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวรูปร่างสมส่วน ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นซุกซบอยู่ตรงซอกคอของเขา ร่างกายท่อนบนของราเชนทร์เปลือยเปล่า มัดกล้ามเป็นมัดๆ ดูสวยงามและแข็งแกร่ง หน้าท้องที่แบนราบ ลำแขนทั้งสองข้างกำยำ รูปร่างที่สมบูรณ์และสวยงามของราเชนทร์ทำให้ธาริกาถึงกับใบหน้าแดงซ่าน เพราะเธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่ร่างบึกบึนและสมบูรณ์อย่างนี้มาก่อน
หัวใจธาริกาสั่นไหวจินตนาการไปไกลว่า ถ้าหากเธอเป็นหญิงสาวร่างเปลือยคนนี้และกำลังทำกับเขาอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ทำ เขาจะรู้สึกยังไง จะแสดงอาการรังเกียจหรือทำหน้าพอใจเช่นนี้ ความคิดก็ต้องสะดุดลงเมื่อเสียงราเชนทร์ดังขึ้น
“ว่าไงถอดเสื้อผ้าเร็วเข้าสิ จะได้มาสนุกด้วยกัน” ราเชนทร์ทำตามแผนเดิมที่เคยทำไว้กับวาติยาทุกอย่าง ธาริกายิ้มอย่างฝืนๆ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาร่างของราเชนทร์ด้วยขาที่ค่อนข้างสั่น เธอไม่เคยเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนในชีวิต แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเธอไม่มีทางถอยเด็ดขาด เธอต้องสู้ และสู้
“ชอบเซ็กซ์หมู่เหรอคะ แล้วก็ไม่บอกแก้ว เดี๋ยวแก้วจัดให้”
ธาริกาพูดจบเธอเดินไปหยิบโทรศัพท์และกล้องดิจิตอลที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง รวมถึงถุงใส่ถุงยางอนามัยเกือบสามสิบกล่อง ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้ผู้หญิงร่างเปลือยที่นอนซบราเชนทร์อยู่
“เธอมีเพื่อนที่เป็นผู้ชายขายตัวบ้างไหม เรียกมาสักสองคนสิ บอกว่าฉันจ่ายไม่อั้น”
ผู้หญิงคนนั้นรับโทรศัพท์อย่างงงๆ เช่นเดียวกับราเชนทร์ที่มองมาที่ หญิงสาวเขม็ง
“เรียกมาทำไม”
ราเชนทร์อดถามไม่ได้ ธาริกายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ราเชนทร์เห็นแล้วต้องตะลึง เพราะรอยยิ้มเธอสวยงามมาก เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนยิ้มสวยเท่าผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเมียมาก่อน หรืออาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นเธอในสายตา และทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันเขามักเห็นวาติยาร้องไห้มากกว่ามีรอยยิ้ม ราเชนทร์สะบัดความรู้สึกนั้นออกไปทันทีที่นึกขึ้นได้ว่า วาติยากับแม่ร้ายกาจมากแค่ไหน