มือเรียวสวยเอื้อมไปกดปิดเสียงโทรศัพท์ที่ร้องดังจนน่ารำคาญไม่หยุด แล้วโยนมันไปที่ไหนสักที่บนเตียงนอนสีขาวอย่างไม่ใส่ใจ เปลือกตาสีมุกปิดสนิทใบหน้าสวยยิ้มแย้มยามหลับใหล
ครืด...ครืด...ครืด...โทรศัพท์เจ้าปัญหาที่ถูกทิ้งขว้างเมื่อครู่ดังขึ้นมาอีกครั้ง คิ้วสวยได้รูปของคนที่กำลังหลับอยู่เริ่มขมวดเป็นปม แพรไหมตัดสินใจลุกจากเตียงนอนแสนนุ่มเพื่อตามหาสิ่งที่คอยรังควานตัวเองไม่หยุด
“ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรนะน่าดู” แพรไหมคาดโทษไว้ในใจ สายตาก็สอดส่องหาโทรศัพท์ที่ตัวเองโยนทิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เสียงก็ดังอยู่แถวนี้ แล้วมันจะหายไปไหนได้นะ” แพรไหมทั้งรื้อทั้งยกหมอนและผ้าห่มขึ้นแต่ก็ยังไม่พบโทรศัพท์เจ้าปัญหา และอยู่ ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าอุปกรณ์สื่อสารเครื่องหรูนอนตายอยู่บนพื้นพรม
“ดีนะหน้าจอไม่แตก” มือขาวลูบ ๆ ปัดหน้าจอโทรศัพท์แล้วกดรับสายคนที่โทรเข้ามาอีกครั้ง
“เมื่อไหร่แกจะเลิกนิสัยตัดสายโทรศัพท์ กูสักทีวะแพร”
ทันทีที่รับสายก็ได้ยินเสียงทุ้มดังลอดออกมาจนแพรไหมต้องยกโทรศัพท์ถอยห่างจากหู มือขาวยกขึ้นลูบใบหูเบา ๆ ถ้าเธอหูหนวกขึ้นมาใครจะรับผิดชอบห๊ะ
“มึงก็เลิกนิสัยโทรมาตอนกูนอนสักทีดิวะเมฆ” แพรไหมตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
เหนือเมฆ นักร้องหนุ่มดาวรุ่งขวัญใจสาว ๆ เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของแพรไหม ตอนแรกก็ไม่อยากสนิทด้วยหรอก เพราะเพื่อนตัวดีมันชอบหลงตัวเอง แต่ก็นะ...เบ้าหน้ามันก็หล่ออย่างกับลูกรักพระเจ้า ไม่แปลกใจเลยที่จะมีแฟนคลับมากมายขนาดนี้ แถมเสียงร้องยังโคตรเพราะ
พูดแล้วก็แอบอิจฉา เพราะตัวแพรไหมถึงจะเป็นนางแบบแต่ก็เป็นแค่นางแบบปลายแถวเท่านั้น ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากมายเหมือนอย่างเหนือเมฆเวลานัดกินข้าวกันที ก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เหมือนลักลอบเล่นชู้กัน ถ้าถามว่าทำไมไม่ยอมนัดเจอกันดี ๆ ก็เพราะเคยแล้วไง แถมยังได้ขึ้นหน้าหนึ่งด้วยการพาดหัวข่าวว่า นักร้องดังนัดเดทหนุ่มนางแบบปลายแถว พวกแฟนคลับที่คลั่งไคล้เหนือเมฆก็ตามมาด่าถึง IG ส่วนตัวจนต้องปิดหนีไปสักพัก หลังจากนั้นแพรไหมก็เข็ดขยาดไปเลย
“นี่มันเก้าโมงแล้วแพร มึงจะนอนสะสมแต้มเหรอ”
เหนือเมฆ ยังคงน้ำเสียงดังสม่ำเสมอ จนแพรไหมที่ฟังอยู่ปลายสายได้แต่เบ้หน้าใส่ แค่ร้องเพลงยังเจ็บคอไม่พอใช่ไหม ถึงชอบพูดเสียงดังแบบนี้
แล้วสรรพนามก็เรียกกันซะไม่ไว้หน้าเลย ทั้งที่พูดกับเพื่อนผู้หญิงอย่างเธอ นักน้องหนุ่มที่เป็นเพื่อนกันมานานและไม่แบ่งแยกเพศของเพื่อน เขาบอกว่าถนัดเรียกและคุยกันแบบนี้ อีกอย่างแพรไหมก็ไม่ใช่ผู้หญิงหวาน
จึงไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะพูดภาษาพ่อขุนกัน มึงๆ กูๆ เชี้ยๆ อะไรพวกนี้เหมือนพูดกับเพื่อนผู้ชายเลย
“แต่นี่มันวันหยุดกูไงเมฆ กูควรได้นอนเยอะ ๆ อะถูกแล้ว”
รับงานเกือบทุกวัน แต่ก็ยังเป็นแค่นางแบบปลายแถว พูดแล้วก็เศร้า อยากมีโอกาสขึ้นปกนิตยสารชื่อดังบ้าง
“มึงพูดแบบนี้ แสดงว่าลืมนัดกูเหรอแพร มึงลืมนัดกูใช่ไหม”
เหนือเมฆกดเสียงต่ำ จนแพรไหมเริ่มทำตัวไม่ถูก
“นัดอะไร...” น้ำเสียงของแพรไหมเริ่มเบาลง พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก ล่าสุดที่เจอเหนือเมฆก็อาทิตย์ที่แล้ว จำได้ว่าไม่ได้นัดอะไรกันไว้นะ แต่เดี๋ยวก่อน...
“ไอ้แพร”
“เชี่ยเมฆ กูลืม”
แพรไหมเผลอพูดออกมาเสียงดังแล้วดีดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง175 ของตัวเอง แพรไหมมีคุณสมบัติของการเป็นนางแบบครบทุกอย่างทั้งหน้าตาส่วนสูง แถมยังมีผมที่ยาวสลวยถึงกลางหลังสีดำสนิท ทำให้นางแบบคนนี้ยิ่งน่ามองขึ้นไปอีก แต่ไม่รู้เพราะอะไร แพรไหมถึงยังไม่ก้าวขึ้นมาเป็นนางแบบแถวหน้าเสียที
“มึงมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงนะแพร อย่าให้แม่กับพี่กูต้องรอนาน เข้าใจไหม” เหนือเมฆพูดกดดันแพรไหมไปอีกครั้ง
“เออ ๆ กูรู้แล้ว รับรองไม่สายแน่นอน”
เมื่อโทรศัพท์ตัดสายไป แพรไหมกระตุกปมเชือกคลุมอาบน้ำออกจนมันไหลลงไปกองที่พื้น นิสัยของแพรไหมคือชอบใส่เสื้อคลุมอาบน้ำนอนเพราะมันไม่อึดอัดและถอดง่าย ขาเรียวสวยก้าวไปในห้องน้ำแล้วเปิดน้ำใส่อ่าง มือขาวก็ดึงผมหางม้าตัวเองออก จนมันแผ่สยายไปทั่วแผ่นหลังตัดกับผิวขาว ๆ ของเจ้าตัว บาธบอมบ์กลิ่นกุหลาบถูกโยนลงไปในอ่างจนน้ำสีใสกลายเป็นสีชมพูและเกิดฟองขาว ๆ ไปทั่ว
แพรไหมก้าวลงไปในอ่างน้ำจนฟองสีขาวกลืนกินร่างกายขาวเนียนเกือบครึ่ง เหลือเพียงส่วนอกที่โผล่พ้นขอบน้ำขึ้นไป มือขาวลูบไล้ไปทั่วร่างกาย มีเวลาตั้งสองชั่วโมง นอนแช่น้ำสักครึ่งชั่วโมงจะเป็นไรไป...
เปลือกตาสีมุกค่อย ๆ ปิดลง แพรไหมกำลังปล่อยตัวเองให้ผ่อนคลายไปกับฟองนุ่ม ๆ เมื่อได้เวลาก็ลุกขึ้นไปล้างตัวใต้ฝักบัวและไม่ลืมที่จะสระบำรุงเส้นผมที่ยาวสลวยของตัวเอง สิ่งที่แพรไหมชอบที่สุดในร่างกายตัวเองก็คงเป็นเส้นผมที่ดำเงางาม
แพรไหมยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกจนแห้ง แล้วเดินไปเลือกชุดที่จะใส่ไปข้างนอกในวันนี้ นิ้วเรียวกรีดไล่ไปตามเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้และหยุดที่เสื้อเชิ้ตสีเข้มตัวหนึ่ง
“วันนี้ใส่สีเข้มดีกว่า”
แพรไหมพึมพำกับตัวเองเสร็จสับ ไม่นานเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงขายาวเข้ารูปก็มาอยู่บนตัวนางแบบร่างบาง เธอชอบแต่งตัวแบบนี้เวลาที่ไม่ต้องทำงาน สีเสื้อผ้าที่เข้มมาก ๆ ตัดกับผิวขาว ๆ ชวนให้น่ามองยิ่งขึ้น แพรไหมไม่ลืมที่จะหยิบริบบิ้นสีเข้มเหมือนสีเสื้อ ขึ้นมาผูกผมที่ยาวของตัวเองเป็นหางม้า
*****
“เกือบสายนะแพร”
เหนือเมฆยืนมองแพรไหมที่กำลังลงมาจากรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมานานพอสมควร บอกให้เปลี่ยนก็ไม่ยอมเปลี่ยนสักที เอาแต่พูดว่าเป็นของที่แม่ซื้อให้ไม่ยอมหยุด ไม่รู้จริง ๆ ว่าดื้อได้ใคร
“แต่ก็ยังไม่สายไงเมฆ” แพรไหมส่งยิ้มไปให้เพื่อนสนิท และไม่วายที่จะยัดตะกร้าผลไม้ที่ตัวเองแวะซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ตใต้คอนโดใส่มือเพื่อน
“หลอกให้กูถืออีกแล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เหนือเมฆก็รับตะกร้าผลไม้มาไว้ในมือแต่โดยดี
“พูดมาก คุณแม่รอนานแล้ว” แพรไหมพูดตอบแล้วดันเหนือเมฆเข้าไปในบ้าน
“อ้าวหนูแพรมาแล้วเหรอ” คุณหญิงเพียงฟ้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วส่งยิ้มหวานไปให้แพรไหม
“สวัสดีค่ะคุณแม่นี่ผลไม้ค่ะ แพรซื้อมาฝาก” แพรไหมดึงตะกร้าผลไม้มาจากมือเหนือเมฆที่ทำหน้างง แล้วยื่นไปให้คุณหญิงเพียงฟ้า
“แหม๋...หนูแพรนี่น่ารักจังเลยนะจ๊ะ แต่วันหลังไม่ต้องรู้ไหม แค่หนูแพรมาหา แม่ก็ดีใจแล้ว” คุณหญิงเพียงฟ้ารับตะกร้าผลไม้มาถือไว้และส่งไปให้แม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วเดินไปสวมกอดแพรไหมเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
“พี่น่านกลับมารึยังครับ” เหนือเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถามคุณหญิงเพียงฟ้าถึงพี่ชายคนเดียวของตัวเอง
“เห็นบอกว่ารถติดแต่ใกล้ถึงแล้วล่ะ ปะตาเมฆพาหนูแพรไปที่โต๊ะทานอาหารก่อนไป”
“ครับคุณแม่” เหนือเมฆพาแพรไหมมานั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างที่คุณหญิงเพียงฟ้าบอก
“ตื่นเต้นไหมมึงจะได้เจอว่าที่เจ้าบ่าวแล้ว” เหนือเมฆหยอกล้อเพื่อนสนิทอย่างแพรไหมที่ทำหน้ายักษ์ส่งมาให้
“มึงคิดว่าพี่ชายมึงจะยอมแต่งงานกับกูจริงเหรอ”
แพรไหมพูดถึง น่านฟ้า นักแสดงชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จัก แถมยังเป็นพี่ชายคนเดียวของเหนือเมฆอีก บ้านนี้เขามาสายวงการบันเทิงทั้งบ้าน คุณหญิงเพียงฟ้าก็เคยเป็นอดีตนางเอกชื่อดังมาก่อน ส่วนคุณพ่อก็เคยเป็นนักดนตรีชื่อดัง รู้เลยว่าพี่น้องสองคนนี้ได้ใครกันมาบ้าง
ส่วนเรื่องแต่งงานก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน แม่ของแพรไหมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนั้นแพรไหมพึ่งเข้าสู่วงการใหม่ ๆ พอแม่เสียไปชีวิตก็เริ่มเขว ภาระหน้าที่ต่าง ๆ แพรไหมต้องรับผิดชอบคนเดียว ทั้งค่าบ้านค่าอยู่ค่ากินต่าง ๆ เงินประกันที่ได้มา แม้จะมากพอควรแต่สักวันมันก็ต้องหมดลง แพรไหมทั้งเครียดและเสียใจ แล้ววันหนึ่งก็มีผู้หญิงสวยแต่งมีอายุเข้ามาหาเขาถึงบ้าน เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกับแม่เขา เธอคนนั้นคือ คุณหญิงเพียงฟ้า แม่ของน่านฟ้าและเหนือเมฆ แพรไหมเคยเจอคุณหญิงเพียงฟ้าไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่ที่รู้จักก็ตามข่าวหนังสือพิมพ์มากกว่า แต่การมาของคุณหญิงเพียงฟ้าครั้งนี้มันทำให้ชีวิตของแพรไหมเปลี่ยนไปตลอดกาล...
“มัดหมี่คือเพื่อนสนิทของน้า ครอบครัวของเราสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ครอบครัวหนูกับน้ามีสัญญาใจร่วมกัน” คุณหญิงเพียงฟ้าพูดอธิบายยาวเหยียด แพรไหมได้แต่นั่งฟังนิ่ง ๆ
“คำสัญญาของรุ่นคุณปู่คืออยากให้สองครอบครัวเราเกี่ยวดองกัน แต่แพรไหม แม่ของหนูไม่อยากบังคับจิตใจหนู เลยอยากให้หนูเป็นคนเลือกเอง แต่ตอนนี้หนูไม่มีใครแล้ว” คุณหญิงเพียงฟ้าหยุดคำพูดไว้แค่นั้น และส่งยิ้มกลับมาให้แพรไหมที่เริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเอง
“ให้ครอบครัวของน้าดูแลหนูแพรไหมได้ไหมจ๊ะ อย่างน้อยก็เห็นแก่คุณปู่ที่เสียไปแล้ว น้ารู้ว่าหนูแพรคงรับภาระที่ตามมาไม่ไหว ต่อจากนี้น้าอยากให้หนูมาเป็นสะใภ้ของน้า”
“แต่แพร..."
“น้าไม่รีบจ้ะ หนูแพรค่อย ๆ คิดอีกสามวันน้าจะมาเอาคำตอบ”
คุณหญิงเพียงฟ้าพูดด้วยรอยยิ้มและเดินเข้ามาสวมกอดแพรไหมที่เริ่มทำอะไรไม่ถูก แม้ร่างกายจะดูเกร็ง ๆ แต่อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นก็ช่วยให้แพรไหมรู้สึกดีขึ้น
หวังว่าแพรจะตัดสินใจไม่ผิดนะคะแม่....
แพรไหมตัดสินใจตกลงไปแล้วเมื่อได้สัมผัสอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ตอนนี้แพรไหมอยู่ตัวคนเดียวเหมือนลูกนกที่รอคอยแม่มาหาในรัง แต่ใครจะรู้ว่าแม่นกได้ถูกนายพรานใจร้ายยิงตายไปแล้ว...
ลูกกาเหว่าตัวนี้โดดเดี่ยวเหลือเกิน...
แค่เพียงมีปีกของแม่กามาโอบกอดก็ทำให้คลายความกลัวไปได้แล้ว
การตัดสินใจของลูกกาเหว่าตัวนี้กำลังทำให้ชีวิตเล็ก ๆ เปลี่ยนไป
แพรไหมตัดสินใจขายบ้านทิ้งแล้วไปเช่าคอนโดอยู่แทน อย่างน้อยก็ทำให้นึกถึงแม่น้อยลง แถมยังไม่ต้องคอยเป็นห่วงบ้านอีก
“ไหนล่ะครับลูกสะใภ้ของแม่”
เสียงทุ้มแข็งกระด้างเอ่ยออกมา ทำให้แพรไหมหลุดออกภวังค์แล้วหันกลับไปมองที่ต้นเหตุของเสียงนั้น แพรไหมสบตาเข้ากับน่านฟ้านานนับนาที เหมือนเข็มของนาฬิกากำลังหยุดนิ่ง
อะแฮ่ม...เสียงของเหนือเมฆดึงสติให้คนทั้งคู่เมินหน้าหนีออกจากกัน
“นี่แพรไหมลูกสะใภ้แม่เอง ส่วนนี่น่านฟ้าลูกชายคนโตของแม่” คุณหญิงเพียงฟ้าแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
ตลอดสองปีที่รู้ตัวว่าจะได้เป็นเจ้าสาว แพรไหมก็คอยติดตามผลงานของน่านฟ้าอยู่เงียบ ๆ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ทั้งคู่ได้เจอกัน คงเป็นเพราะส่วนหนึ่ง น่านฟ้าพึ่งกลับมาจากอังกฤษ เพราะภาพยนตร์ที่ถ่ายทำพึ่งปิดกล้องไป เวลาว่างก็ไม่ค่อยมีต่างคนต่างมีตารางงานที่สวนทางกันตลอด
“สวัสดีค่ะคุณน่านฟ้า ฉันแพรไหมค่ะ”
แพรไหมแนะนำตัวให้น่านฟ้ารู้จักก่อนเพื่อรักษามารยาท เพราะอายุที่น้อยกว่าถึง 3 ปี
ยืนรออยู่นานคนตรงหน้าก็ไม่ตอบอะไรออกมาเสียที อย่านะ...ไม่ใช่ว่าแพรไหมกำลังหน้าแตกหรอกนะ
“ตาน่าน” คุณหญิงเพียงฟ้าพูดดึงสติลูกชายคนโต ที่กำลังเสียมารยาทต่อหน้าลูกสะใภ้ของตัวเอง
“ผมน่านฟ้ายินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าคุณจะเหมาะสมกับการเป็นว่าที่เจ้าสาวผมนะครับ”
น่านฟ้าเหยียดยิ้มมุมปากแล้วลากเก้าอี้ออกมานั่งท่ามกลางสายตาไม่พอใจของคุณหญิงเพียงฟ้าและน้องชายอย่างเหนือเมฆ
งานนี้เหนื่อยอีกแล้วสินะแพรไหม...