แอบหนี

1177 Words
รุ่งเช้าวันถัดมาน้ำรินตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเพียงเธออยู่ในห้องคนเดียว ส่วนอีกสองคนน่าจะออกไปข้างนอกกันแล้วมีเพียงโพสต์อิทแปะไว้ที่หัวเตียง "พวกฉันมีธุระด่วนเลยไม่ได้ปลุก อยากได้อะไรก็กดสั่งพนักงานได้เลย อย่าออกไปข้างนอกเด็ดขาดล่ะ เสร็จงานแล้วพวกฉันจะไปเอาคำตอบจากปากเธอ" "หืม คำตอบงั้นเหรอ!!"น้ำรินตกใจเล็กน้อย จู่ๆ เขาก็มาบอกว่าจะเอาคำตอบจากเธอเนี้ยนะ เธอควรจะเอายังไงต่อไปดีล่ะ ให้ตายสิ หญิงสาวเดินกลับไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพลางทำสีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้องมาเจอสถานการณ์อะไรแบบนี้ ถ้าแค่คนเดียวก็คงไม่ได้คิดหนักอะไร แต่นี่มันสองคนเชียวนะ ถึงจะหล่อทั้งคู่ก็เถอะ เธอเองก็ยังลังเลอยู่เหมือนกัน เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมามันคืออะไรกันแน่ ก่อนที่จะมาอยู่กับพวกเขาเธอก็ใจเต้นเวลาอยู่ใกล้ๆ อยู่แล้ว แต่พอมาอยู่บ้านเดียวกันใจของเธอเต้นจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เวลาที่ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วจนฟ้าเริ่มมืดอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันมีเพียงลูกน้องของทั้งสองคนที่คอยเอาอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็เอาของที่ต้องการมาให้ ส่วนพวกเขานั้นน่าจะกำลังยุ่งกันอยู่เพราะไม่มีใครติดต่อมาหาเธอเลย ครืดดดด~ ครืดดดด~ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวของเธอสั่นขึ้น น้ำรินรีบยกขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้นก่อนจะพบว่ามันเป็นสายของแม่เลี้ยงของเธอต่างหากไม่ใช่สายจากคนที่เธอกำลังรอ น้ำรินมองอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจรับสายในทันที "ว่าไงคะ" (ไงจ๊ะลูกรัก ได้ข่าวว่ามีผัวตั้งสองคนเชียวหรอ) เสียงกระแหนะกระแหนทำเอาเธออยากจะขว้างมือถือทิ้งไปตอนนี้เลย "แล้วไงคะ" (กลับมาบ้านซะดีๆ ไม่งั้นฉันจะส่งคนไปจัดการผัวแกซะ) "ป้าทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก"น้ำเสียงของหญิงสาวคอบกลับไปอย่างมั่นใจ ก็มันเป็นความจริงนี่นาเธอไม่ได้โม้สักหน่อย (นังเด็กบ้าแกกลับมานะ ไม่งั้นฉันจะเอาบ้านแม่แกไปขาย ตอนนี้มีคนสนใจอยู่ด้วยสิ ทำเลก็ดีขนาดนั้น) คำขู่ของคนในสายดูเหมือนจะส่งผลกับหญิงสาวโดยตรง บ้านของแม่เธอคือบ้านที่เธอหวงมากและรักมาก แต่พ่อกลับเอายกให้เป็นชื่อของแม่เลี้ยงทันทีที่แม่ของเธอจากไป นึกแล้วก็เจ็บใจคนที่เป็นพ่อไม่เคยรักเธอกับแม่เลยสักนิดต้องการเพียงสมบัติเท่านั้น "คุณมันเลวที่สุด"ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นตอนนี้เธอทั้งโกรธ โมโห และเสียใจไปในเวลาเดียวกัน (หึ แกกับแม่แกก็แค่อีนังโง่เท่านั้นแหละ ถ้าแกไม่กลับมาบ้านหลังนั้นฉันขายแน่!! แล้วก็มาคนเดียวด้วยนะ อย่าคิดตุกติกล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน) เสียงปลายสายยังคงเย้ยหยันเธอกับแม่อย่างสะใจ "ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะรีบไปหาบ้านหลังนั้นคุณห้ามขายเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมคุณอีกต่อไป" (รีบๆ มานะจ๊ะ ลูกรัก ไม่งั้นบ้านแม่แกคงจะเหลือแต่ซากแน่ๆ ทางที่ดีอย่าให้ผัวแกรู้ดีกว่านะ จะได้ไม่มีปัญหา) แม่เลี้ยงใจร้ายทิ้งท้ายประโยคไว้เพียงเท่านั้น หญิงสาวรีบตัดสายไปในทันที น้ำตาที่ไหลคลอเบ้าทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถจี้โดนจุดอ่อนของเธอเต็มๆ น้ำรินปล่อยโฮออกมาทันที น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาก่อนเธอจะรีบปาดน้ำตาและเก็บของใส่กระเป๋าเดินทาง เธอต้องรีบกลับภายในวันนี้เท่านั้น น้ำรินแอบมองหน้าห้องก่อนจะพบว่าไม่มีใครอยู่จึงรีบแอบหนีออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังหนึ่งใบ ด้วยความที่โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือของพวกเขาทำให้เธอไม่สามารถลงไปข้างล่างได้อย่างเปิดเผย ถ้าลงไปแบบนั้นยังไงก็ต้องมีลูกน้องของพวกเขาเห็นเข้า เธอจึงค่อยแอบๆ หลบตามที่หลบต่างๆ ก่อนสายตาจะเผลอมองไปเห็นร่างของชายหนุ่มสองคนที่กำลังลงจากรถตู้คันหรู น้ำรินตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบมองหาทางที่จะหลบพวกเขาไปได้ แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงนึงดังขึ้นมา "เห้ย คุณน้ำรินอยู่นั่นไง คุณน้ำรินครับ คุณจะไปไหน"เสียงของบอร์ดี้การ์ดหนุ่มดังมาแต่ไกล น้ำรินจึงตัดสินใจที่จะวิ่งหนีในทันที เธอวิ่งลงทางบันไดอย่างทุลักทุเล ในเวลานี้เธอคิดแค่ว่าเธอต้องรีบไปให้ไวที่สุด ก่อนที่ลูกน้องพวกนั้นจะโทรบอกเจ้านายของตัวเอง เสียงฝีเท้าไล่ตามลงมาจากข้างหลังระหว่างที่เธอกำลังลงบันได และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนเดียว แสดงว่าตอนนี้ทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้วด้วย หญิงสาวรีบวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต แต่เพราะชั้นที่เธอพักนั้นอยู่ชั้นที่35ของโรงแรมทำให้ยังเหลือระยะทางอีกไกลกว่าจะถึงข้างล่างเธอจึงตัดสินใจวิ่งกลับเข้าไปในตึก เพราะถ้าเธอมัวแต่วิ่งลงบันไดเธอคงได้เหนื่อยตายกันพอดี น้ำรินได้แต่ภาวนาให้ทั้งสองคนยังไม่ขึ้นมาก่อนจะพบว่าลิฟต์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มทั้งสองเดินออกมาจากลิฟต์ สายตาคมเพ่งเล็งมาที่เธอโดยเฉพาะ หญิงสาวรีบวิ่งหาที่ซ่อนเพราะดูท่าว่าหนีต่อไปก็คงไม่พ้นแน่ๆ หญิงสาววิ่งเข้าไปในห้องเก็บของพลางซ่อนตัวอยู่ในนั้น เสียงฝีเท้าของคนหลายคนวิ่งผ่านห้องไป เธอคิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสิบคนด้วยล่ะ ใจของเธอตอนนี้สั่นระรัวไปหมดได้แต่หวังว่าจะไม่โดนจับได้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอรีบปิดเครื่องทันทีแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้ว เพราะร่างของชายหนุ่มนั้นยืนอยู่บริเวณหน้าโต๊ะที่เธอหลบอยู่ข้างใต้เรียบร้อยแล้ว "น้ำริน! ออกมาคุยกันซะดีๆ"น้ำเสียงเข้มดูน่าเกรงขามของนิทานที่เธอนั้นรู้สึกได้ว่าเขากำลังข่มอารมณ์ของตัวเองไว้อยู่ "น้ำริน!!! ทำไมถึงได้ทำแบบนี้"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD