Prologue

1011 Words
“นังหน้าด้าน นังเนรคุณ แกไสหัวออกไปจากที่นี่เลยนะ” เสียงด่าท่อต่อว่าของหญิงสาววัยกลางคนพร้อมทุบตีผู้หญิงอีกคนที่นอนกองอยู่กับพื้นเพราะสู้กลับไม่ไหว “พอเถอะจ้ะเมียจ๋า เดี๋ยวมันตายจะเป็นเรื่องใหญ่” “สมน้ำหน้า กล้าดียังไงคิดจะมาแย่งผัวฉัน” “ฉะ ฉัน เปล่า” หญิงสาวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ” ผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะฟังในสิ่งที่เธอต้องการจะพูดเลยแม้แต่น้อย ร่างบางแบกตัวเองที่บาดเจ็บและบอบช้ำไปทั้งตัวออกมาจากบริเวณนั้นและเดินหนีออกมาตามถนนที่ทั้งมืดและเปลี่ยว ขมิ้น เธอเติบโตมาในบ้านที่เรียกว่า ซ่อง แม่ของเธอเป็นผู้หญิงขายบริการและพลาดจนท้อง แต่แม่ก็ไม่เคยด่าว่าเธอเลยสักคำ มีแต่ทำงานหาเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเธออายุได้สิบห้าปี แม่ก็จากเธอไปด้วยโรคร้าย เธอจึงต้องทำงานทุกอย่างในซ่องแทนแม่ แต่เพราะอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี แม่เล้าจึงยกเว้นเธอเอาไว้และให้ทำงานอื่นๆ แทน แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอซะแล้ว ก่อนหน้านี้เธออยากจะออกมาจากที่นั่นแต่ก็ออกมาไม่ได้เพราะถูกเจ๊เจ้าของซ่องยึดเงินของเธอเอาไว้ สามีของเจ้าของซ่องเป็นเด็กหนุ่มวัยเพียงยี่สิบปีที่มาอยู่กินกันได้ไม่ถึงสามเดือน พยายามจะเข้ามาข่มขืนเธอในระหว่างที่เธอเพิ่งจะเข้าไปเอาเงินของตัวเองที่เจ๊เจ้าของซ่องเก็บเอาไว้ โชคยังดีที่เจ๊เจ้าของซ่องมาเห็นก่อน และรีบบึ่งเข้ามาตบตีเธอราวกับว่าเธอเป็นฝ่ายไปแย่งผัว อีกทั้งยังไม่ฟังในสิ่งที่เธอพูดอีกต่างหาก ในตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่รอดแล้ว แต่ก็ถูกไล่ออกมาราวกับสวรรค์มาโปรด ถึงจะต้องเจ็บตัวมากขนาดนี้ แต่แลกกับการที่ได้ออกมาจากซ่องนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ถ้าหากเจ๊เจ้าของซ่องรู้ว่าเธอแอบเอาเงินของตัวเองมาด้วย ก็คงจะส่งลูกน้องมาลากตัวของเธอกลับไปแน่นอน “ทำไมไม่มีรถผ่านมาเลยนะ” ขมิ้นบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นเพราะรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร แม้จะเจ็บปวดตามร่างกายแค่ไหนก็ต้องกัดฟันทนและวิ่งต่อไปข้างหน้า เธอจะไม่ยอมตายตอนนี้โดยเด็ดขาด “แสงไฟ” เธอเอ่ยด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังโกดังที่อยู่ริมทางซึ่งมีแสงไฟลอดออกมา “บอกมาว่าพวกแกคิดจะทำอะไร” เสียงตะคอกดังไปทั่วโกดัง ขมิ้นรีบหลบอยู่ที่หลังเสาใกล้ๆ พลางเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าจะวิ่งต่อไปก็คงจะไม่รอด สู้ทางขึ้นคนพวกนี้ไปยังจะดีกว่า “ถ้าไม่บอกแกตาย” “ให้ตายกูก็ไม่บอก” “งั้นเหรอ ถ้างั้นก็...” ปัง! “กรี๊ดดดดด” ขมิ้นที่แอบมองอยู่ร้องกรี๊ดขึ้นมาด้วยความตกใจทำให้คนพวกนั้นหันมามองเธอกันเป็นตาเดียว “เฮ้ย ใครว่ะ ไปจับตัวมันมา” “อีขมิ้นเอ๊ย ซวยแล้วไง” เธอรีบใส่เกียร์หมาและสับตีนแบกร่างกายที่สะบักสะบอมของตัวเองหนีไปให้เร็วที่สุด แต่สภาพร่างกายที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยทำให้เธอเริ่มหมดแรงลงเรื่อยๆ ในขณะที่คนพวกนั้นก็ใกล้ตัวของเธอเข้ามามากขึ้นเช่นกัน ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนที่ดังมาจากอีกทางทำให้ขมิ้นแทบจะไปไหนต่อไม่ถูก ดูเหมือนว่าจะคนละพวกกับที่ตามเธอมา หนีเสือปะจระเข้ หนีจระเข้ปะสิงโตชัดๆ !!! แม้จะไม่รู้ทิศทางที่ตัวเองกำลังวิ่งไป แต่เป็นตายยังไง อีขมิ้นคนนี้ก็จะไม่หยุดวิ่งโดยเด็ดขาด ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนยังคงปะทะข้ามไปมาไม่หยุด กระทั่งมีมือหนึ่งคว้าแขนของเธอเอาไว้และดึงไปหลบหลังต้นไม้ “โอ๊ยยย เจ็บ~” “เงียบ!” ขมิ้นรีบเอามือปิดปากของตัวเองไว้ เมื่อโดนคนตรงหน้าที่ถือปืนเอาไว้ในมือออกคำสั่ง จู่ๆ ทุกอย่างก็เงียบลงผิดปกติ ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้เธอแทบจะหยุดหายใจ ปัง! “เป็นอะไรไหมครับนาย” “ไม่” “แล้วนั่นใครครับ” “ไม่รู้สิ” ทุกสายตาหันมาจับจ้องที่เธอพร้อมกับตั้งคำถามว่าเธอเป็นใคร “เธอ... เป็นใคร” “อะ เอ่อ...” จู่ๆ เธอก็รู้สึกเวียนหัว บริเวณรอบๆ หมุนไปมา ภาพตรงหน้าเบลอลงไปทีละนิด ร่างกายของเธอค่อยๆ อ่อนแรงลงไป ก่อนที่ทุกอย่างจะดับพรึบไปทันที “อ้าว แต่ผมว่าสภาพเหมือนถูกทำร้ายมาเลยนะครับ” “น่าจะงั้น ก็ถือว่ายังดีที่ช่วยล่อไอ้พวกนั้นออกมาและทำให้เข้าไปช่วยไอ้คีรินได้ทัน” “แล้วจะเอายังไงต่อครับ” “เดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกนายกลับไปพักเถอะ” ชายหนุ่มช้อนร่างบางที่หมดสติไปกลับมาที่รถที่ซ่อนเอาไว้ ท่ามกลางสายตาแปลกใจของลูกน้องที่ไม่เคยเห็นเจ้านายยอมทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน “มอมแมมเหมือนหมาจรจัดชะมัด” สกิลปากอันร้ายกาจของคีตะไม่เคยแผ่วลงเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ทุกคนต่างยืนยันว่าในบรรดาพี่น้องทั้งหมดคีตะปากร้ายเสียยิ่งกว่าใคร คีตะ เขาเป็นหนึ่งในทายาทแก๊งมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในแถบตะวันออกเฉียงใต้และมีอิทธิพลมากที่สุดด้วยเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD