อีกด้านหนึ่ง
“เดี๋ยวสิครับป้าเรไร ผมยังแต่งตัวไม่หล่อน่ารักเลย” ผมเดินออกมาหลังจากแต่งชุดตามสบาย เสื้อยืดสีคราม กางเกงยีนส์ขาสั้นกว่าเข่าพร้อมรองเท้าผ้าใบสีแดงคู่ใจ แม้ว่าชุดผมจะพร้อม แต่หน้าและผิวผมต้องพร้อมกว่านี้ ไม่งั้นถ้าผมไม่ขาวเปร่งปลั้ง ผู้ชายที่ไหนจะมอง ผมเดินออกมายืนหน้ากระจก หมุนตัว ทำท่าสะดีดสะดิ้งหน้ากระจก เวลาเจอผู้ชายจะได้ตื่นตัว มีอากัปกริยาให้หน้าตาเคลื่อนไหวมิใช่ตายด้านเหมือนคนกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผมหมุนตัวแล้วฉีดน้ำหอมในเวลาฉับพลันท่ามกลางเสียงเรียกของป้าเรไร ป้าข้างบ้านผู้ชอบทำบุญ เวลาชักชวนใคร มักเป็นผมกับแฟนหนุ่มทรงซ้อ หัวรุนแรงแถมขี้ยาเสมอ ถ้าป้าจะเร่งผมขนาดนี้ ทำไมป้าไม่ไปรับบุญตั้งแต่เมื่อวานล่ะ
“มึงก็มีแฟนอยู่แล้ว จะไปร่านหาผู้ชายตัวไหนอีก”
“ป้าเรียนภาษาไทยมาระดับไหนเหรอ ถึงแยกลักษณนามผู้ชายกับสัตว์ไม่ออกว่า อันไหนใช้คนหรือตัว”
“สำหรับมึงขอใช้ว่าตัวเพราะที่ป้าเห็น มึงไม่ใช่คน ผสมพันธ์กับสัตว์ซึ่งเป็นเพศชายไปทั่ว” ป้าเรไรมักจะชอบบ่นผมเวลาที่ผมชอบทำตัวเข้าหากวักมือเรียกผู้ชายเป็นแมวกวักเรียกลูกค้าเข้าร้าน แต่สิ่งนั้นทำเงินได้แต่ผมทำไม่ได้เพราะผมไม่ได้เป็นนักขาย แค่ทำให้ฟรีพร้อมเงินรับรองหลังบริการเสร็จ
“แล้วมึงจะไปชุดนี้เหรอ”
ป้าเรไรมองหัวจรดเท้าดูชุดที่ผมแต่งกาย กางเกงยีนส์สั้นไม่พอยังขาดตามสมัยนิยม คาดกระเป๋าคาดไหล่สีดำ ใส่รองเท้าผ้าใบสีแดง ถุงเท้าสีขาว เดินไปสิบก้าว จะเห็นไฟสูงลับของผู้ชายได้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าป้าเล้งแซ่บสอนลูกชายแต่งตัวยังไงให้ออกมาเหมือนสถานบันเทิงเปิดไม่แพ้ร้านสะดวกซื้อ
“ป้าครับ ป้ารู้ไหมว่าพระเณรถ้าเข้าวัดแล้ว เขาต้องปล่อยวางทางโลก เห็นผมแต่งชุดแบบนี้ ไม่ทำให้พระลืมบทสวดขณะสวดหรอก สวดมาทั้งชีวิตเห็นผมเปิดไฟสูง ลืมเป็นอัลไซเมอร์ไปได้” การแต่งตัวของผมถือว่าผมพอใจที่จะแต่ง ตัวผมผอมน้ำหนักห้าสิบพอดี ชั่งตัวแล้วทำไมไปหนักหัวคนอื่น ผมจะใส่อะไรไปสถานที่ราชการ วัดหรือโรงทหาร ชุดอะไรผมเลือกเอง ไม่ได้ไปจับมือป้าให้บังคับหยิบจากราวแขวนสักหน่อย
“มึงทำตัวเหมือนคนไม่มีการศึกษาภาคบังคับไปได้”
“อย่างน้อยผมเขียน กขค เอบีซี ได้ดีกว่าป้าแล้วกัน”
ผมว่าผมยังไม่ลืมธุระที่จะไปนะ ป้าเรไรชวนผมไปวัดแต่จิตไม่สงบด่าผมลามไปถึงผัวผมขนาดนี้ ต่อให้เอาพระทั้งประเทศนี้มาขัดเกลาจิตใจป้า ความสูงของสะพานยกระดับยังสูงไม่เท่าจิตใจต่ำเตี้ยเรี่ยดินทั้งที่การกินติดดาวของผมเลย จิตใจมนุษย์ต้องใช้คอนกรีตกี่คันจะยกสะพานให้สูงเท่าใจมนุษย์
ผมถือถาดใส่ดอกไม้กลิ่นหอมพร้อมของไปถวายวัดทำตัวเป็นศาสนิกชนที่ดีหนึ่งวัน ผมยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากเขตประตูบ้าน ผมเห็นรถของชาวกากีขับผ่านมา พร้อมจอดที่กำแพงรั้วของศาลาหมู่บ้าน ผมเห็นแล้วใจชะงักหยุดลงพร้อมขาทั้งสอง ราวกับมีคำสั่งจากใจบอกให้ผม ผมรวบรวมความกล้า ใจดีสู้เสือเข้าไว้จะได้ปลอดภัย
“สวัสดีครับคุณตำรวจ”
ผมกับป้าเรไรไหว้พนมสิบนิ้วเหนืออก แม้ว่าผมจะเป็นชายแต่ย่อถอนสายบัวไหว้ไม่ต่างจากหญิง เพื่อความสวยงาม คนอื่นจะได้ไม่มองว่าบ้านนี้ลืมสอนมารยาท
ตำรวจนายหนึ่งรายงานให้ชาวบ้านฟังว่า มีผู้พบเห็นความผิดปกติของชาวบ้านแห่งนี้ว่ามีการมั่วสุมเล่นการพนัน ลงเดิมพันด้วยธนบัตรหลากสี ลูกเต๋าหกหน้า รวมถึงไพ่หนึ่งสำรับ ผมบอกอย่างมั่นใจว่าชาวบ้านที่นี่ หาเช้ากินค่ำ บางคนกินเลย ประกอบอาชีพสุจริต ไม่ได้ทุจริตหวังรวยทางลัด แสดงว่าผู้พบเห็นแจ้งความเท็จ ผมแนะนำว่าให้เขาผิดเป็นกระแสตีกลับ รับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น
“ถ้าจะเป็นการเข้าใจผิด สื่อสารคลาดเคลื่อนเท่านั้นเอง ลำบากคุณตำรวจต้องยกมาทั้งโรงพัก” ผมพูดให้ตำรวจทุกนายใจเย็น ผมยืนยันว่าที่นี่ไม่มีการเล่นพนันหรือเสพอบายมุขตั้งแต่หัววัน ชาวบ้านทำมาหากินสุจริตและขาวสะอาด
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ”
ตำรวจทั้งโรงพักขึ้นรถพร้อมเดินทางกลับไปทำหน้าที่ต่อ ผมมองเห็นรถของพวกเขาขับออกไปไกลลิปตาจากหมู่บ้านแล้ว ผมยิ้มพร้อมวางถาดอย่างใจเย็น ผมกำมือพร้อมทดลองชกให้เกิดเสียงดัง พร้อมเอ่ยชื่อคนรักของผมด้วยความโกรธกรอด พร้อมระเบิดออกมา
“บอนสีครับ...”
เวลาต่อมา
“มึงมานี่ มาพูดกับกูให้รู้เรื่องเลย” ผมขอเวลากับป้าเรไรสักยี่สิบนาทีก่อนไปทำบุญพร้อมกันที่วัด ผมเห็นมันเดินเสนอหน้าตั้งแต่ปากซอยมาแล้ว ผมวิ่งด้วยความไวแสง บิดหูเดินลากมาราวกับว่าผมจับได้ว่ามันมีคนอื่น ทั้งที่ความผิดนี้ผิดไม่น่าให้อภัยกว่าการนอกใจ
“มึงเบา ๆ มือลงบ้าง จะไปวัดยังใจบาปเลย”
“จะไม่บาปได้ไง มึงหนีออกมาก่อนได้ไง”
“กูตกใจนี่หว่า ตำรวจยกมาทั้งโรงพักกูก็ต้องหนีเอาตัวรอดก่อนไหม แต่กูก็ยังหวังดีกลับมาบอกทุกคนอยู่”
“ในวงไพ่พ่อแม่กูอยู่ด้วย อยากให้พ่อแม่กูไปซังเต กูค่อยตามไปทีหลังงั้นเหรอ” ผมไม่พอใจที่มันเป็นต้นทางไม่ได้เลิก เห็นตำรวจแทนที่จะบอกก่อนวิ่งหนี มันหนีหัวตั้งก่อนใครเลย อยากให้คนอื่นรวมถึงพ่อแม่ผมไปนอนซังเต ใช้บริการเสริมฟรีไม่ต้องใช้เงิน แลกกับความจมปรักในห้องขังแบบนี้เหรอ
“คิดว่าพ่อแม่กูกำลังเรียนคณิตศาสตร์เรื่องความน่าจะเป็นเหรอ เสี่ยงดวงกับลูกเต๋าและไพ่ ไม่เกรงกลัวตำรวจถึงจะไม่บอก ปล่อยให้โดนจับ”
“แล้วเมื่อกี๊ทำไมมึงไม่ปากแจ๋ว บอกตำรวจไปล่ะว่า กำลังเรียนความน่าจะเป็น แล้วทำไมไม่ไปแจ้งจับกระทรวงศึกษาธิการหรือคนทำแบบเรียนคณิตศาสตร์ว่า อย่าเอาไพ่หรือลูกเต๋ามาใช้เป็นตัวอย่างในบทเรียนล่ะ แสดงว่าแบบเรียนยังส่งเสริมให้คนเล่นการพนันเลย"
“มึงคิดว่ากูสองคนเหยียบในประเทศไหนล่ะ คนคิดแบบเรียนเขาอยู่ลาสเวกัสไง ถึงเห็นว่าของแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย” ดูท่าทางมันต้องการจะเล่นลิ้นวิชาการกับผม เรียนวิชาหลักมาทั้งชีวิตถือว่าผมเอามาใช้ประโยชน์ได้ไม่เสียเปล่าเลย มันคงไม่มีใครหรอกสั่งก๋วยเตี๋ยวราคา รูทสามส่วนแปดยกกำลังสแคว์รูทห้าหรอก
“ทีหลังมึงช่วยทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง”
“พูดเหมือนมึงทำตัวเป็นแบบอย่างให้กูได้”
ป้าเรไรถึงกับปวดหูแต่เช้า ถึงขั้นเดินไปสะกิดพ่อแม่ของต้นส้มว่าพวกเขาเลี้ยงดูแบบไหน ถึงได้เก่งกับผู้ชายด่าไม่ซ้ำคำ ยกวิชาการมาด่ายังทำได้เลย ฉันเห็นแล้วยังคิดเลยว่าส่งมันเรียน เครื่องด่ายังแซ่บกว่าวิชาคหกรรมทำต้มยำเล้งร้อยหม้อหมื่นชามเสียอีก
“กูจะไปทำบุญอย่างใจสะอาดไหม มึงบอกให้ลูกมึงหยุดด่ากันก่อนไหม”
“คิดว่าฉันเอาอยู่ไหมล่ะ มึงยังไม่ชินอีกเหรอ สองตัวนี้กัดกันหมายังมาไหว้มันเป็นรุ่นพี่เลย เหลือแค่เยี่ยวเพื่อจองอานาเขตเท่านั้น” แม่ของต้นส้มยังปราบลูกชายตัวเองไม่อยู่ อยู่กับความรุนแรงและมั่วผู้ชายขนาดนี้ ต่อไปมันก็ต้องดูแลทุกคนได้ เพราะแววมันออกตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว ฝีปากแซ่บไม่แพ้รสชาติเซ็กซ์ที่มันไปผสมพันธุ์กับผู้ชาย ไม่รู้ว่าคนนี้คนแรกของมันจริงหรือเปล่า
“แล้วแบบนี้จะอยู่ด้วยกันนานกี่ปีวะ”
“จนกว่ามันจะไม่เห็นผู้ชายแล้วคันภายในห้าวินาทีก็แล้วกัน”
จุดเริ่มต้นของต้นส้มถือว่าโตมาในสังคมที่ทุกคนตามใจและลุ่มหลงอยู่ในอบายมุข รู้จักที่ต่ำที่สูงเวลาเขย่า รู้จักให้ใจมากกว่าใครเมื่อเล่นไพ่ ทุกอย่างถือว่าไปได้สวย ไฟนรกกำลังปะทุหนักจนยมบาลจะดึงตัวมันไปลงนรกก่อนใครเพราะนี่มันยิ่งกว่าสัตว์เดรีจฉานมากกว่าคำว่าสัตว์ประเสริฐแล้ว
หลังจากนี้ไป ชีวิตของต้นส้มจะรุนแรงคูณไฟแผดเผาในความรักของชายด้วยกัน แล้วคนอย่างต้นส้มถือว่ามีตัวสำรองไว้มากมาย หากต้องการผ่อนคลายก็เรียกใช้บริการได้ทุกเวลา คาดว่าวิชาศีลธรรมเน้นหลับไม่เน้นเรียน คนอย่างมันวิชายกระดับจิตใจใช้ไม่ได้ผลกับคนประเภทนี้