ดั่งสายฟ้าฟาดลงมากลางอก ฮูหยินใหญ่ประดุจกำลังจะจมน้ำด้วยไม่คิดฝันว่าสามีผู้เคร่งขรึมและไร้วี่แววว่าจะสนใจสตรีอื่นจะนำอนุเข้าบ้านโดยไม่ให้นางตั้งตัว คราแรกที่ฮูหยินใหญ่คิดจะข่มอนุผู้นั้นไว้ใต้ฝ่าเท้าตนแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากัน สตรีที่นางคิดว่าเป็นเพียงหญิงคณิกากลับมีรัศมีแห่งชนชั้นสูงอยู่รอบกาย สูงส่งจนนางไม่กล้าข่มเหง อีกทั้งนายท่านก็ถนอมสตรีผู้นั้นยิ่งฮูหยินใหญ่จึงไม่กล้าล่วงเกิน ได้แต่เก็บความคับแค้นภายในไว้
ที่ผ่านมานายท่านก็แบ่งเวลาให้ทั้งนางและอนุอย่างทัดเทียมกัน เพียงแต่เมื่อบุตรสาวคนที่สี่เริ่มเติบใหญ่ เด็กคนนั้นทั้งฉลาดเฉลียวและแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์เมื่อเปรียบเทียบกับบุตรสาวของตนเองทั้งสามที่แม้ฮูหยินใหญ่จะเคี่ยวเข็ญเพียงใดพวกเขาก็ยังเป็นรองเด็กผู้นั้น จึงทำให้นางได้แต่ทอดถอนใจได้แต่คอยหวาดระแวงว่าหากสตรีผู้นั้นคิดเป็นใหญ่ในบ้าน ออดอ้อนให้ท่านราชครูไล่พวกนางแม่ลูกออกไปเรื่องนี้คงไม่ได้คิดเกินจริงเป็นแน่
"ข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเสียแล้ว"
สายตาของฮูหยินใหญ่พลันเย็นเยือก สิ่งที่จำเป็นต้องทำนางต้องลงมือแล้ว อย่างน้อยในยามนี้สตรีผู้นั้นก็ยังไม่ตั้งครรภ์บุตรชาย แต่หากหญิงคณิกานั้นตั้งครรภ์บุตรชายขึ้นมา ผู้สืบทอดจวนแห่งนี้อาจเปลี่ยนไปก็เป็นได้นั่นยิ่งจะทำให้สถานะของนางถูกคุกคามยิ่งขึ้น นางจึงกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง
สองปีผ่านมา ฉีเย่ว์เด็กหญิงผู้เคยอ้วนกลมคล้ายก้อนแป้งขาวอวบก้อนหนึ่งบัดนี้กลายเป็นเด็กหญิงผ่ายผอมผู้หนึ่งในวัยสิบขวบ ร่างกายของนางเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยแก้มที่ห้อยสองข้างคล้ายก้อนซาลาเปาดูจะตอบลงมาก แต่กระนั้นนางก็ยังชอบมาเล่นกับพี่เจี่ยของนางในทุกครั้งที่มีโอกาส
"พี่เจี๋ยม้าแคระตัวนั้นที่ท่านพ่อให้ข้า ข้าขี่จนชำนาญแล้วท่านจะสอนให้ข้าขี่ตัวใหญ่ได้หรือยัง"
"คุณหนูเพิ่งสิบขวบยังไม่โตมาก ขี่ม้าใหญ่ยังไม่เหมาะเอาไว้โตกว่านี้หน่อยพี่จะสอน"
"ข้าสิบขวบแล้วอีกไม่กี่ปีแม่นมบอกว่าปักปิ่นแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว"
"อีกไม่กี่ปีคืออนาคตแต่ตอนนี้ยังเด็กขี่ยังไม่ได้"
"เหตุใดยังขี่ไม่ได้อีกเล่า พี่เจี๋ยอย่าใจร้ายนักเลย"
"คุณหนูไม่ต้องรีบร้อน เรื่องขี่ม้าตัวใหญ่หากปักปิ่นแล้วท่านไม่รู้หรือว่าอาจจะได้แต่งงานออกเรือนแล้วค่อยให้สามีของคุณหนูสอนก็ได้"
"ไม่เอาข้าไม่ชอบให้ผู้อื่นสอนอีกอย่างมีสามีจะสนุกหรือข้าคิดว่าเล่นกับท่านสนุกกว่า เช่นนั้นข้าไม่โตแล้วไม่ปักปิ่นแล้วพี่เจี๋ยจะได้สอนข้า"
"คุณหนูสักวันก็ต้องโตเมื่อโตก็ต้องแต่งงานมีสามี ตอนนั้นจะเอาแต่ใจเหมือนตอนนี้ไม่ได้เข้าใจหรือไม่ ขี้คร้านตอนนั้นคุณหนูจะไม่อยากเล่นกับพี่เจี๋ยคนนี้อีก"
"ข้าไม่เข้าใจเหตุใดข้าต้องไม่อยากเล่นกับพี่เจี๋ยด้วย ท่านเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้าสอนข้าตั้งหลายสิ่ง ในจวนนี้นอกจากท่านแล้วเล่นกับผู้ใดก็ไม่สนุก ข้าชอบท่านไม่เล่นกับผู้อื่นอีกทั้งไม่มีสามีเป็นผู้อื่น หากจะมีสามีข้าก็จะแต่งกับท่านให้ท่านเป็นสามีของข้า"
"คนหนูยังเด็ก ยังไม่เข้าใจ เราสองคนเป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่อาจแต่งกันได้ อีกทั้งคนเราต้องโตต้องแต่งงานไม่อาจฝืนธรรมชาติไปได้"
"พี่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว พี่เคยบอกข้าว่าธรรมชาติคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเช่นนั้นที่ผ่านมารอบตัวข้านอกจากท่านพ่อ ท่านแม่ แม่นม ก็มีท่าน ดังนั้นท่านคือธรรมชาติของข้า พี่เจี๋ยข้าคิดว่าท่านควรสอนข้าจะได้ไม่ฝืนธรรมชาติ"