“พิมพ์ดาว!!!” เพลิงตะวันกระชากแขนเล็กเข้ามาหา ดวงตาของเขาดุดันเอาเรื่อง เขาคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาโกรธมากที่สุด จนแทบอยากหักคอสวยๆ ของเธอให้แหลกคามือ
“พรหมจรรย์ของเธอ เท่าไหร่ล่ะ ลีลาก็งั้นๆ ไม่ได้ทำให้อาประทับใจเลยสักนิด ตั้งแต่เริ่มยันจบ ต้องให้อาคอยพร่ำสอน เสียจนเสียงแหบเสียงแห้ง”
คำพูดของเขาทำให้สาวน้อยขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น น้ำตาพานจะไหลเอาอีก
เพลิงตะวันชะงักคลายมือที่บีบแขนคนตรงหน้าออกแต่ยังจับเอาไว้หลวมๆ
“ถึงลีลาจะงั้นๆ แต่อาเพลิงก็ทำอยู่ตั้งนานนี่คะ แสดงว่าอาเพลิงก็ชอบที่จะทำกับหนูแบบนั้น” เธอเถียงข้างๆ คูๆ เสียใจที่โดนเพลิงตะวันดูถูกว่าลีลาเธอไม่ได้เรื่อง
..ก็เธอไม่เคยนี่นา จะให้เก่งกาจเหมือนผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมามากมายได้ยังไง เธอคิดว่าผู้ชายจะชอบผู้หญิงบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียอีก
“แค่กๆๆ” เพลิงตะวันสำลักน้ำลายตัวเอง ไอจนหนาแดงก่ำ นอกจากอยากจะบีบคอสวยๆ ของเธอแล้ว เขาอยากจะจับเธอกอดแล้วบดจูบเสียให้ขาดใจ ไม่คิดว่าจะโดนเด็กย้อนคืนให้แบบนี้ และสิ่งที่เธอพูดก็เป็นจริงทุกคำ ถ้าไม่ติดว่าเธอไม่ไหว เขาคงร่วมรักกับเธอต่อจนแทบไม่ได้กินข้าวกินปลาแน่นอน
“ค่าพรหมจรรย์ของหนูน่าจะมากอยู่นะคะ หนูขอสองแสน ต่อไปจะบริการอาเพลิงให้ดีกว่านี้”
“พิมพ์ดาว!!!” เพลิงตะวันเรียกภรรยาหมาดๆ เสียงหนัก เขาไม่ได้มีปัญหากับเงินที่จะให้เธอ จะให้เธอมากกว่านี้หรือยกบ้านและที่ดินนั่นคืนให้เธอยังได้ แต่ไม่ชอบใจในสิ่งที่เธอพูด
“มันเยอะไปเหรอคะ” พิมพ์ดาวถามเหมือนเกรงๆ เธอเห็นเขาถอนใจหนักหน่วง ทั้งยังหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงนั้นก็บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
“ก็ได้ สองแสนกับพรหมจรรย์บ้าบอนั่นและก็ลีลาไม่ประสาของเธอ อาจะให้” เพลิงตะวันดึงร่างเธอมาหา แต่พิมพ์ดาวกลับเบี่ยงหลบ ใบหน้าของเธอตระหนกกลัวเขาจะทำแบบนั้นอีก เธอคงไม่ไหว ตายคาเตียงเสียตอนนี้ พอคิดแล้วก็ตัวสั่น ความรู้สึกต่อต้านเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
“ทำไมล่ะ หนีทำไม อยากเป็นผู้หญิงขายตัวมากนักไม่ใช่เหรอ”
“ขอเป็นวันอื่นได้ไหมคะ วันนี้หนูไม่ไหวแล้ว มันปวดแล้วก็ร้าวไปหมด ถ้าอาเพลิงทำแบบนั้นอีก หนูต้องตายคาเตียงแน่ๆ เลยค่ะ” เธอบอกด้วยใบหน้าเหยเก
เป็นอีกครั้งที่เพลิงตะวันอยากหักคอสวยๆ นั้น เขาเข่นเขี้ยว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อย่างใจคิด เด็กยังไงก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ
“ค่าตัวตั้งสองแสน” เขาทำเสียงสูง
ทำให้เธอหวาดผวา กลัวจะโดนเขาจับกินไม่เหลือซากอีกครั้ง ถ้าเขาทำอีก เด็กสาวคิดว่าเธอคงคลานลงจากเตียงเป็นแน่
“วันอื่นนะคะอาเพลิง หนูจะชดเชยให้ จะพยายามเรียนรู้บริการอาให้ดี” ยิ่งเธอพูดเขาก็ยิ่งโมโห ดวงตาของเพลิงตะวันวาบวับขึ้นมาในทันที
“หนูไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว ถึงจะบริการดี อาก็อาจจะเบื่อได้ งั้นค่าตัวของหนูครั้งต่อไป ขอครั้งละสองหมื่นได้ไหมคะ”
“พิมพ์ดาว!!!” เพลิงตะวันสบถลั่น เขากดร่างน้อยลงกับเตียงนอน
เธอตระหนก หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ปากจิ้มลิ้มยังพูดให้เขาโมโหได้อย่างต่อเนื่อง
“กว่าจะครบสิบล้านและดอกเบี้ยอีกมากที่อาเพลิงบอกเอาไว้ ครั้งสองหมื่นมันน้อยนะคะ หนูต้องนอนกับอาเพลิงเป็นร้อยๆ ครั้ง โอ๊ย!!!” พิมพ์ดาวร้องเสียงหลงเมื่อโดนบีบแขนเล็กแทบหัก
“ได้ ฉันจะจัดให้ ยัยเด็กเหลือขอ” ไม่รู้ว่าความบ้าที่พอกันหรือว่าอะไรที่ทำให้เขาตอบรับไปเช่นนั้น
เพลิงตะวันลุกจากเตียงเดินโทงๆ ทั้งที่ยังเปลือยเปล่าไปหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเซ็นด้วยความโมโห
พิมพ์ดาวอ้าปากค้างกับเรือนร่างเปลือยเปล่าของผู้ชาย ที่เธอเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต
“สองแสนค่าพรหมจรรย์ของเธอพิมพ์ดาว ถ้าเธอคิดจะขายตัวให้อา ต้องอดทนหน่อยนะ เพราะอาเรียกร้องเยอะ อาจจะอยากได้เธอทุกที่ทุกท่า ทั้งกลางวันและกลางคืน”
คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าสวยของสาวน้อยแดงจัด เธอเอื้อมมือไปหยิบเช็คเงินสดที่เขายื่นให้มากอดเอาไว้ ความหวังว่าจะได้บ้านและที่ดินของบิดาคืนวาบขึ้นมาในอก
..ใครจะหาว่าเธอขายตัวขายศักดิ์ศรีก็ช่าง เธอขายให้เพลิงตะวันคนเดียว ไม่ได้ขายให้ผู้ชายมากมายสักหน่อย
“นอกจากนอนกับอาเพลิงแล้ว ขอทำงานบ้านด้วยนะคะ อาเพลิงจะจ้างหนูเท่าไหร่” เหมือนได้คืบจะเอาศอก เด็กก็คือเด็ก เธอไม่สนใจสายตาโกรธขึงของเขาเลยสักนิด เอ่ยขอในสิ่งที่ต้องการทันที
“อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลย”
“เดือนละหมื่นห้าพันนะคะ จะทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ล้างจาน รีดผ้า รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ ทำทุกอย่างเลยค่ะ”
“อย่าลืมเรื่องบนเตียงล่ะ ถ้าอาต้องการ”
เพลิงตะวันก้มลงมากระซิบที่ริมหู
ใบหน้าสาวน้อยแดงจัดทันตาเห็น เธอเม้มปากก้มหน้างุด ก่อนจะพยักหน้า
“หึ!”
น้ำเสียงของเขาเหมือนโกรธขึงไม่พอใจ เธอไม่กล้าเอ่ยขออะไรเขาอีก
เพลิงตะวันกระแทกเท้าเดินออกจากห้องไป ก่อนเสียงประตูจะปิดดังปังใหญ่จนคนในห้องสะดุ้ง
พิมพ์ดาวค่อยๆ ปล่อยน้ำตาให้รินไหล
..เธอทำถูกแล้วใช่ไหม เมื่อตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วจงอย่าเสียใจ แม้บิดาจะผิดหวังเรื่องนี้ แต่ท่านคงไม่โกรธมากถ้าเธอเอาบ้านและที่ดินที่เคยเป็นของท่านกลับคืนมาได้
อย่างน้อยเด็กอย่างเธอก็มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวกิน มีเงินใช้ ดีกว่าเร่ร่อนไปขอทานอยู่ข้างถนนก็แล้วกัน!!!
เพลิงตะวันหงุดหงิดงุ่นง่านไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำงานไม่รู้เรื่องจนต้องปัดเอกสารมากมายตรงหน้าตกเกลื่อนพื้น
ร่างสูงสมาร์ตลุกเดินไปหยุดยืนที่ริมหน้าต่าง เขามองลงไปเบื้องล่าง สระว่ายน้ำขนาดกลางทำให้นึกย้อนไปถึงอดีตอย่างไม่ตั้งตัว...
ร่างสูงของชายหนุ่มนามว่าเพลิงตะวัน สุริยะเมฆา ในวัยสามสามสิบสามปี ทอดสายตามองเด็กสาววัยสิบห้ากำลังเล่นน้ำอยู่อย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของเธอทำให้บรรยากาศรอบกายดูสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ
“เพลิง มานานแล้วเหรอ” เสียงของเพื่อนรุ่นพี่ นามว่ากมุท กริชแก้ว ทำให้เขาสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ความคิดทั้งหมดทั้งมวล หันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ครับพี่พัน”
“เราไปนั่งคุยกันในสวนดีกว่า ตรงนี้ยัยดาวกำลังเล่นน้ำอยู่ เสียงดังเชียว”
เพลิงตะวันละสายตาจากเด็กสาวเดินตามเพื่อนรุ่นพี่ไปนั่งคุยกันที่สวนหลังบ้าน
บ้านของกมุทเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น อาณาบริเวณนั้นกว้างขวางพอสมควร แต่ไม่ได้ใหญ่โตหรูหรานัก กมุทกับเขารู้จักและคบหากันมานาน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ก็ไม่นานเท่ากับพิมพ์จันทร์ภรรยาของกมุทที่รู้จักกับเพลิงตะวันอยู่ก่อนแล้ว
“เรื่องกรรณ พี่ยังไม่ได้บอกยัยดาวเลย”
กมุทดูเป็นกังวลพอสมควรเมื่อพูดถึงกรรณิกา เธอเป็นผู้หญิงที่กมุทคบหาดูใจด้วยและตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน แม้เขาจะเอ่ยเตือนเรื่องกรรณิกา แต่กมุทพูดแก้ตัวแทนเสียทุกครั้ง จนเขาต้องเงียบเสีย
“พี่พันคิดดีแล้วเหรอครับ” เพลิงตะวันเข้าใจดีว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร กมุทเองก็ครองตัวเป็นโสดมานานหลังจากพิมพ์จันทร์เสียชีวิต ความเหงาและว้าเหว่คงมีอยู่มาก แต่อย่างไรเขาก็อยากให้เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ได้ผู้หญิงที่ดีกว่ากรรณิกา
“กรรณก็เป็นคนดี เราเข้าใจกันดี พี่หวังว่ายัยดาวคงเข้าใจ” แม้จะเป็นกังวล แต่น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และคงไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด
“ถ้าพี่ตัดสินใจดีแล้ว ผมก็ขออวยพรให้พี่มีความสุขนะครับ” เพลิงตะวันไม่รู้จะพูดอะไรดีไปกว่านี้ เขามีเพียงแค่ความปรารถนาดีให้เท่านั้น
“พี่เองคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ต้อนรับกรรณเค้า แล้วจดทะเบียนกันเงียบๆ ไม่ต้องเอิกเกริกอะไร เค้าเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากพี่”