บทที่ 2 ความหมางเมิน

1151 Words
บทที่ 2 ความหมางเมิน พิมพ์พิไลเกลียดทุกๆ สิ่งที่เกี่ยวกับฟ้าลดาเพราะว่าอีกฝ่ายมักจะได้ดีจนได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าอยู่เสมอ ไหนจะเรียนจนได้รับเกียจนิยมอันกับหนึ่งแถมยังเป็นที่รักของใครต่อใครอีกตั้งมากมาย จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่ถูกอกถูกใจของทินกร หนุ่มฮอตประจำมหาลัยที่ตามจีบฟ้าลดาจนติดแต่คบกันได้ไม่นานก็ถูกพิมพ์พิไลจัดฉากทำให้น้องสาวเข้าใจผิดจนต้องขอเลิกกับแฟนหนุ่มไป ภาพของน้องสาวที่วิ่งร้องไห้เจียนจะขาดใจคิดถึงทีไรก็ยังอดสะใจไม่ได้ทุกที             “จริงรึเปล่าฟ้า หนูไปแกล้งพี่เขาทำไมล่ะลูก!”โชคชัยหันกลับมาสอบถามลูกสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่แค่นั้นมันก็ทำให้ใจคนฟังสั่นไหวได้ไม่ยาก แม้ว่าลึกๆ ในใจก็อยากจะตอบปฏิเสธออกไปใจแทบขาดแค่ไหนก็ตามที แต่พอนึกได้ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็หนักหนามากกว่านี้เธอจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบพร้อมกับพยักหน้ากลับไปให้ผู้เป็นพ่อเบาๆ             “ฟ้าขอโทษค่ะพี่พิมพ์” ฟ้าลดาจำต้องยอมรับความผิดทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้เป็นคนก่อ เธอรู้ดีว่าถ้าขืนปฏิเสธไปเรื่องราวมันคงไม่มีทางจบลงง่ายๆ สู้ยอมรับและปล่อยให้เรื่องมันจบลงที่เธอเป็นคนผิดไปเสียยังดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเองในใจ สายตาจ้องมองพ่อแท้ๆ ที่นานวันก็ยิ่งห่างเหินต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความปวดร้าวในหัวใจแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของตัวเอง             “เอาล่ะๆ เดี๋ยวพ่อให้เงินไปซื้อตัวใหม่ที่เหมือนกันดีกว่า ตกลงไหมลูกพิมพ์” แม้จะไม่ค่อยพอใจกับการตัดสินที่ไร้บทลงโทษแต่พิมพ์พิไลก็จำต้องพยักหน้ารับก่อนจะโผเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อเสียยกใหญ่ซึ่งผู้เป็นพ่อก็กอดตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวลูกสาวคนโปรดอย่างอดเอ็นดูไม่ได้             “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพิมพ์ขอรองเท้าเพิ่มอีกสองคู่นะคะ จะได้เข้าชุดกัน นะคะคุณพ่อ” พิมพ์พิไลต่อรองพร้อมส่งรอยยิ้มหวานให้ผู้เป็นพ่อเมื่อนึกถึงรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่ที่เกิดอยากจะได้มันขึ้นมา             “ได้สิลูก พ่อให้ลูกได้ทุกอย่างอยู่แล้ว รีบแต่งตัวกันเถอะจะได้ลงไปทานข้าวเช้ากันเสียที” ทั้งสองพยักหน้ารับกลับไปช้าๆ ก่อนจะประตูห้องจะถูกปิดลงในเวลาต่อมา             “มองอะไร!! หมดเรื่องแล้วก็รีบๆ ออกไปจากห้องของฉันเสียทีสิยะ! แล้วก็อย่าเสนอหน้าไปร่วมโต๊ะกับพวกฉัน เห็นหน้าแกทีไรฉันกินข้าวไม่ลงทุกที เข้าใจที่พูดไหม!!” พิมพ์พิไลหุบยิ้มเมื่อประตูห้องถูกปิดพร้อมกับหันไปตวาดน้องสาวที่ได้แต่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ทันทีที่มีโอกาส             “เข้าใจค่ะพี่พิมพ์” ฟ้าลดารับคำแต่โดยดีก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนของพี่สาวที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นห้องนอนของเธอมาก่อน หญิงสาวเดินหลบมาไกลจนถึงห้องครัวก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงประจำที่ที่เคยนั่งทานข้าวตามลำพังเหมือนกับทุกวันที่เลยผ่านท่ามกลางสายตาสงสารของสาวใช้ที่ได้เห็น             “เจ็บมากไหมคะคุณฟ้า ดูสิแขนสวยๆ ช้ำหมดเลย คุณพิมพ์นี่ก็เหลือเกิน ทำไมถึงได้ใจร้ายแบบนี้ก็ไม่รู้!” สายหยุดที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านเอ่ยถามก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสต้นแขนของคุณหนูคนเล็กของบ้านอย่างอ่อนโยนแม้จะรู้ดีว่าฟ้าลดาต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวัน ทุกๆ คนต่างรู้แต่ก็ไม่มีใครเลยจะกล้าพูดอะไรนอกเสียจากอยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจคุณหนูที่น่าสงสารของพวกเขาอยู่ห่างๆ             “ฟ้าไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าสายหยุดขอบคุณป้าสายหยุดกับทุกๆ คนมากนะคะที่เป็นห่วงฟ้า” ฟ้าลดาส่งยิ้มกลับไปให้แม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อนจะหันไปมองสำลีและนัดสาวใช้อีกสองคนที่ได้แต่ยืนมองเธอด้วยสายตาสงสารเป็นการขอบคุณในน้ำใจที่ทุกๆ คนต่างก็มอบให้ไม่เคยขาด             “โถคุณหนูของป้า ถ้าอย่างนั้นคุณฟ้าต้องทานเยอะๆ นะคะจะได้มีแรงสู้รบกับสองแม่ลูกข้างนอกนั่นอีก!” หญิงสาวพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าของตัวเองที่ถูกแบ่งแยกเอาไว้เหมือนอย่างทุกวันไปอย่างเงียบเชียบ             “น้องล่ะพิมพ์ ไม่ได้ลงมาพร้อมกันเหรอลูก” โชคชัยที่เพิ่งจะวางหนังสือพิมพ์ประจำวันลงข้างตัวเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นลูกสาวคนเล็กบนโต๊ะอาหาร             “ยัยฟ้าแกบอกว่าไม่ค่อยจะหิวค่ะคุณพ่อ ให้พวกเราทานกันไปก่อนได้เลย” พิมพ์พิไลพูดโกหกหน้าตายก่อนจะแสร้งมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาจับผิดของผู้เป็นพ่อที่กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ได้อย่างแนบเนียน ใครเลยจะโง่บอกความจริงว่าเธอกับผู้เป็นแม่เองที่สั่งไม่ให้ฟ้าลดามาทานข้าวร่วมกัน             “หมู่นี้ยัยฟ้าแกก็เป็นแบบนี้แหละค่ะคุณ ชอบเก็บตัว วัยรุ่นก็เป็นแบบนี้แหละค่ะอย่าไปสนใจเลย” แขไขจำต้องรีบเสริมต่อก่อนจะหันไปมองลูกสาวสุดที่รักอย่างรู้ทันกัน             “งั้นหรอกเหรอ เอาเถอะ! ถ้างั้นก็ตักข้าวได้แล้วสายหยุด จริงสิ! ทานข้าวเสร็จแล้วคุณกับลูกช่วยไปพบผมที่ห้องทำงานหน่อย ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกทุกคน” โชคชัยเอ่ยขึ้นต่อก่อนจะตบท้ายด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก แม้ว่าใจจะไม่อยากบอกแต่ถึงอย่างไรสักวันทุกๆ คนก็ต้องรู้มันอยู่ดี             “เรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอคะคุณ ทำไมทำหน้าตาเครียดหนักแบบนั้นล่ะคะ รีบๆ บอกมาเถอะค่ะ!” หัวอกคนเป็นภรรยาอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถาม นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของผู้เป็นสามีแบบนี้             “ทานข้าวกันก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน” แม้จะขัดใจเล็กน้อยแต่แขไขก็ยอมทำตามสามีอย่างว่าง่าย เก็บเอาความสงสัยไว้เฝ้ารอให้อีกฝ่ายเป็นคนเปิดเผยมันออกมาด้วยตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD