EP 15

1174 Words
เธอเองก็เชื่อแบบนี้มาตลอดนับตั้งแต่ก้าวเข้าวัยเรียน แต่ความเชื่อกลับหมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะวันที่พึงจะเป็นวันแห่งความรักอันหอมหวาน และมีความสุขสมกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน กลับกลายเป็น ‘Blue Valentine’s’ วันแห่งความเศร้าหมอง ที่จะต้องนั่งนับรอให้จบชีวิตคู่ลงไปทุกขณะ แม้หยดใสๆ จะไหลรินออกมามากมายเมื่อมีความเสียใจเข้าครอบงำ แต่หญิงสาวผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ห้วงแห่งความสิ้นหวัง ก็บอกกับตัวเองเอาไว้ ว่าจะไม่มีวันให้เขารู้หรือให้เห็นน้ำตาแม้เพียงหยดเดียวเป็นอันขาด “เสียใจมากนักเหรอที่ผมจับได้ วิมานที่วาดหวังคงจะพังลงไม่เป็นท่าแล้วสินะ หรือว่ามีแผนจะปอกลอกจนผมหมดตัวเอาไว้ พอถูกจับได้เลยเสียดายงั้นสิ” อยู่ๆ คนนอนตะแคงหันหลังให้ก็ถูกเขากระชากไหล่ระหงให้หันมาหา ใบหน้าที่เคยเห็นว่าแย้มยิ้มให้เสมอมานั้น บัดนี้มีแต่บึ้งตึง “อย่ามายุ่ง ฉันจะคิดอะไรหรือเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ” “งั้นก็ช่วยไปสำออยกับไอ้หน้าโง่อื่น หรือไม่ก็กับไอ้หน้าโง่ที่คุณเพิ่งบอกรักมัน บอกว่าคิดถึงมัน บอกว่าอยากไปหามันใจจะขาดโน่น แต่ถ้าอยู่กับผมอย่าทำ แล้วรู้เอาไว้ด้วยว่าหน้าที่เดียวของคุณ นั่นคือนอนแบให้ผมเอาจนหนำใจ” “อย่า! ออกไปให้พ้น ฉันเกลียดคุณ คนทุเรศ คนสองหน้า คะ...” ริมฝีปากอุ่นของเขาฉกลงไปปิดไว้ทันทีและไร้ซึ่งความปรานีอีกครั้ง เรือนกายที่มีผ้าห่มผืนหน้าห่อหุ้มไว้ ก็ถูกเขาทาบกายกำยำไปหา ก่อนจะควบขับราวกับจะเข่นฆ่าให้อาสัญก็ไม่ปาน ตอนหวานอมขมกลืน   “ยัยเว! ยัยเว! ตื่นได้แล้ว” คนเพิ่งได้หลับไปเมื่อตอนใกล้ฟ้าสางถึงกับสะดุ้งตื่น เมื่อตัวถูกเขย่าไปมาอย่างแรง เสียงเรียกนั้นก็ดุนิดๆ พอเห็นว่าเป็นแม่ก็ตกใจไม่น้อย ในเมื่อแม่ไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้ และโดยเฉพาะเมื่อคืนน่าจะกลับจากงานดึก “คุณแม่! ทำไมมาแต่เช้าจังเลยคะ” “เช้าที่ไหนกัน นี่มันสิบโมงกว่าแล้วนะ” “จริงเหรอคะ” ลูกไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจสักนิด ด้วยไม่รู้จะรีบตื่นไปทำไมกัน ในเมื่อไม่มีอะไรรออยู่ “ใช่สิจ๊ะ! รีบลุกไปอาบน้ำแล้วตามแม่ลงไปข้างล่างด่วนเลย คุณยายนั่งจิบชาอยู่กับคุณดรณ์แล้ว เร็วๆ นะ อย่าให้แม่ขึ้นมาตามอีกล่ะ” ลูกสาวตั้งใจจะถามอะไรอีกหลายอย่าง แต่แม่ก็ออกจากห้องไปแล้ว เลยจำต้องลุก แม้จะยังง่วงและปวดเมื่อยเรือนกายอยู่เลย และอาการเจ็บแปลบปลาบเกิดขึ้นทันที เมื่อก้าวลงเตียงไปยืนอยู่กับพื้น ด้วยเมื่อคืนถูกเขาเรียกร้องให้ชดใช้อะไรต่อมิอะไรที่เขาอ้างว่าจ่ายไปหลายสิบล้านถึงสองคำรบ พอออกจากห้องน้ำได้ มือบางเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัว ซึ่งเต็มไปด้วยตู้เสื้อผ้า แบ่งฝ่ายคนละฝั่งกับเขา กางเกงยีนขาสั้นสีเข้ม กับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกลีบบัวถูกเลือกมาสวมใส่ ใบหน้าสวยใสก็ถูกแต่งเพียงบางเบา ผมยาวสลวยก็ถูกปล่อยให้สยายอยู่กลางหลังอย่างไม่พิถีพิถันใดๆ ด้วยไม่มีกระจิดกะใจจะทำตัวให้ดูดีไปเพื่อใคร “มาแล้วเหรอคะคุณเว ทุกคนอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” เดินลงบันไดโค้งมาก็เห็นแม่บ้านเดินถือถาดเปล่ากำลังจะเข้าครัวไป “ขอบคุณค่ะคุณป้าพร” “อุ๊ย! บอกกี่ครั้งแล้วคะ ว่าเรียกป้าเฉยๆ ก็พอค่ะ อย่าต้องมีคุณนำมาเลย ป้าไม่บังอาจหรอกค่ะ” “ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะที่บ้านเวจะเรียกใครก็ต้องมีคุณนำหน้าค่ะ” “เฮ้อ! ป้าจะห้ามไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ” “ใช่ค่ะ” “แล้วคุณเวจะรับอะไรเป็นมื้อเช้าคะ แต่ป้าแนะนำว่าอย่าหนักนะคะ เพราะเที่ยงนี้คุณดรณ์อยากกินอาหารอีสาน ป้าเลยจะจัดเต็มให้ค่ะ” “อืม! งั้นเวขอกาแฟดำแก้วเดียวพอค่ะ” “อุ๊ย! นี่ก็เบาไปนะคะ เอาผลไม้เพิ่มด้วยมั้ยคะ” “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณป้าพร” อาภาภัทรยิ้มให้แม่บ้านที่รู้จากเขามา ว่าเมื่อก่อนเคยเป็นแม่นมของเขา นั่นจึงเป็นเรื่องดีที่ตัวเองจะให้เกียรติด้วยการมีคำว่าคุณนำหน้า ห้องนั่งเล่นอยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน มีผนังกระจกบานใหญ่และหนากั้นไว้ ทำให้มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำขนาดสิบห้าเมตร “มาแล้วเหรอจ๊ะยัยตัวดีของยาย” “สวัสดีค่ะคุณยาย” หญิงสาวยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อมพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ให้คนเป็นยาย เมื่อมีสายตาเอาเรื่องจ้องมา ส่วนเขานั่งจับกาแฟกับของว่างอยู่ข้างแม่ “อะไรกันจ๊ะ! วันแรกของชีวิตคู่ หลานสาวยายก็ตื่นสายโด่งเด่งแล้ว ปล่อยให้สามีนั่งกินมื้อเช้าคนเดียวนี่นะ แล้วถ้ายายกับแม่เราไม่มา ก็คงได้นั่งกินของว่างคนเดียวด้วยล่ะสิ จะให้ยายลงโทษยังไงบอกมาเทียว” “อืม! ให้เวหอมแก้มคุณยายสักข้างละสิบทีดีมั้ยคะ” หลานสาวเข้าไปกอดยายแล้วหอมแก้มนุ่มๆ ด้วยความรักทันที โดยไม่สนใจกับสายตาคม ที่จ้องมองมาสักนิด “อย่ามาอ้อนนะยัยเว วันนี้ยังไงยายก็จะต้องทำโทษ เพราะเราละเลยคำสอนของยายตั้งแต่วันแรกของการแต่งงาน จำได้มั้ยว่าการเป็นภรรยาที่ดี ต้องตื่นก่อนกับนอนทีหลังสามี คอยปรนนิบัติพัดวีสามีให้ได้รับความสะดวกสบายทุกอย่างตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าบ้านมา แล้วนี่อะไร! ตื่นหลังสามีตั้งหลายชั่วโมง แล้วอย่าบอกนะว่าเรานอนก่อนสามีด้วย” คุณภัทราหันไปหาหลานเขย ซึ่งนั่งนิ่งแล้วมองมาด้วยท่าทีเรียบเฉย ราวกับต้องการคำยืนยันก็ไม่ปาน อาภาภัทรไม่มองไปหา แต่หันไปส่งยิ้มบางๆ ให้พรพรรณที่ยกกาแฟกับผลไม้มาให้แล้วก็รีบออกไปอย่างคนรู้กาลเทศะ “ไม่แน่ใจว่าใครหลับก่อนใครครับ เพราะมันดึกแล้ว ต่างคนก็ต่างเหนื่อยจากงานครับ” แม้ปากจะส่งเสียงนุ่มทุ้มให้ยาย แต่สายตาของเขาที่มองมานั้น อาภาภัทรอ่านออกได้ไม่ยาก ว่ากำลังส่งความหมายมาให้ตรงที่ว่า ‘เหนื่อยจากงาน’ นั้น หาใช่งานเลี้ยงไม่ แต่เป็นงานที่เขาตั้งอกตั้งใจยัดเยียดให้อย่างไม่ปรานีต่างหาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD