EP 7

1277 Words
“สินสอดส่วนที่เป็นเงินสดยี่สิบห้าล้านผมจะทำเป็นมองไม่เห็น คุณกับคนของคุณเอาไปได้ บ้านที่เป็นเรือนหอ กับหุ้นในบริษัทที่ผมหลงผิดโอนให้คุณเมื่อเดือนก่อน คุณจะต้องโอนคืนมาเป็นของผมทั้งหมดหลังจากงานแต่งจบลง นี่ผมเห็นแก่หน้าคุณกับเห็นแก่คุณยายที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่นะ ถ้าตกลงตามนี้ก็เซ็นชื่อรับรู้ แล้วงานแต่งก็จะมีต่อ แค่งานแต่งนะ แต่ความรักที่ผมเคยมีให้คุณมันหมดไปแล้ว แต่งเสร็จเราก็จะอยู่บ้านเดียวกัน ขอบอกไว้ก่อนว่า คุณไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวผม หรือทรัพย์สมบัติของผม หรือแม้แต่คนของผม คุณจะเข้าไปอยู่ในบ้านผมอย่างคนอาศัย ห้ามใช้สิทธิ์ความเป็นเมียกับผมไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ รอให้ถึงเวลาเหมาะๆ ค่อยหย่า” “เวลาที่ว่าเหมาะของคุณมันนานแค่ไหน” “บอกไม่ได้แล้วแต่อารมณ์ แล้วคุณอยากให้มันนานแค่ไหนล่ะ” “อย่างน้อยต้องหนึ่งปี แล้วตอนหย่าคุณต้องสัญญาว่าจะยังไม่บอกใคร” เพราะที่ผ่านมาทั้งตัวเอง ทั้งแม่ ทั้งยายต่างถูกผู้คนนินทาว่าร้ายต่างๆ นานาในเรื่องคู่ครองมาตลอด ถ้าแต่งไม่กี่วันหรือไม่กี่เดือนแล้วต้องหย่าอีก ไปไหนมาไหนก็คงจะได้ยินแต่เสียงติฉินนินทาแน่ แม่กับยายคงรับไม่ได้ โดยเฉพาะยายที่มีโรคร้ายจ้องจะรุมเร้า หญิงสาวเลยคิดว่าเวลาประมาณนี้น่าจะพอให้คนลืมเลือนหรือไม่จับตามองหากต้องหย่ากินเงียบๆ “คุณบอกเองนะ แล้วทนให้ได้ถึงหนึ่งปีก็แล้ว ว่าไง! ตกลงคุณจะเอายังไง มีทางเลือกแค่สอง คือเดินหน้าแต่งงาน กับไปจากผมเงียบๆ ทันที และเราจะเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันเลยตลอดชีวิต” อาภาภัทรอ่านทวนสัญญาอีกครั้ง แต่น้ำตาที่ไหลรินออกมานั้นเป็นอุปสรรคในการมองตัวหนังสือไม่น้อย สุดท้ายก็ยินยอมตามนั้น แล้วลงลายมือชื่อด้วยความพะอืดพะอม ในใจก็บอกตัวเองไปว่าไม่อยากให้แม่กับยายเสียใจ หรือเสียหน้า อย่างน้อยที่สุด ก็ยังจะได้เงินค่าสินสอดเอาไปไถ่บ้านที่กำลังจะถูกยึด และยังมีเงินเหลือพอให้แม่กับยายใช้ไปได้สักพัก แม้ส่วนลึกนั้นไม่อยากยอมด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อสูญเสียสิ่งสำคัญไปให้เขาแล้ว ก็ควรจะได้อะไรกลับคืนบ้าง “หึ! สุดท้ายเงินก็สำคัญมากกว่าศักดิ์ศรีกว่าเกียรติของคุณอยู่ดีนะ” “เปล่าเลย ที่ฉันทำไปไม่ใช่เพื่อเงินของคุณ แต่ฉันรักษาเกียรติรักษาศักดิ์ศรีของฉันกับของครอบครัวฉันไว้ต่างหาก ถ้าคุณจะคิดสักนิดก็น่าจะเห็นว่างานแต่งพรุ่งนี้มันสำคัญกับฉันมากแค่ไหน” “สำคัญกว่าความเป็นอยู่หลังแต่งของคุณงั้นเหรอ คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่าผมจะทำอะไรกับคุณบ้าง ในเมื่อคุณลบหลู่เกียรติผมขนาดนี้” “ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอไม่ทำให้คุณแม่กับคุณยายเสียใจก็เป็นพอ” “ดี! งั้นพรุ่งนี้ก็ช่วยแสดงละครให้แนบเนียนด้วยล่ะ ว่าดีใจและมีความสุขมากแค่ไหนที่จับผัวรวยๆ ได้ ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนจะมีใครตายอย่างตอนนี้ หรือร้องไห้จะเป็นจะตายเหมือนเมื่อ...” “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณจะไม่มีวันได้เห็นน้ำตาฉันอีกแม้แต่หยดเดียว คุณเองก็อย่าลืมเล่นละครให้มันแนบเนียนด้วยล่ะ” “ห่วงตัวเองดีกว่านะ แล้วก็เตรียมตัวรับกับการตัดสินใจของคุณให้ดีๆ ผมจะบอกคุณไว้อีกครั้งว่า ไม่มีใครที่โกหกหรือหลอกลวงผมแล้วได้โอกาสแก้ตัวอีก ไม่มีแม้แต่คนเดียว รับรองว่าผมจะเอาคืนคุณให้สาสม จำคำพูดเมื่อกี้ของคุณไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ปัง!   เจ้าของส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบยืนมองตัวเองในกระจกเงาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ผ้าไหมโบราณของยายที่เก็บไว้มาตั้งแต่สมัยคุณทวด ถูกช่างฝีมือดีเอามาตัดเย็บเป็นชุดไทยจักรพรรดินั้นช่างงดงามเกินคำบรรยาย และถ้าเป็นปกติตัวเองก็คงจะยิ้มอย่างปลาบปลื้มไปแล้ว เพราะนี่คือวันและเวลาที่ใฝ่ฝันหามาทั้งชีวิต การได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปแทบทุกด้าน อายุสี่สิบของเขานั้นห่างพอเหมาะพอดีกัน รูปร่างหน้าตานั้นก็หล่อบาดใจ ก้าวเดินไปด้วยกันทางไหน สาวหลายต่อหลายคนก็มักจะมองตามด้วยแววตาอิจฉา ฐานะของเขานั้นก็ร่ำรวยจนเรียกได้ว่ากินในชาตินี้ไม่มีวันหมด จนบางครั้งตัวเองก็ไม่อยากเชื่อ ว่าจะหลงเหลือผู้ชายอย่างเขามาถึงมือได้ แรกที่พบเจอกันนั้นยังแอบคิดว่าเขาคงจะแต่งงานแถมมีลูกหลายคนไปแล้ว “คุณดรณ์คือผู้ชายที่เกิดมาเพื่อจะเป็นสามีของลูกโดยแท้จริงๆ จ้ะ ดูสิ! เหมาะสมกันที่สุด ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา การศึกษา ต่อให้ฐานะเราด้อยกว่า แต่ก็เป็นเรื่องปกติของฝ่ายหญิง บางครั้งแม่ก็แทบไม่เชื่อด้วยซ้ำ ว่าชีวิตของลูกกำลังจะสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ แม่ดีใจที่ลูกจะมีคนดีๆ อย่างคุณดรณ์มาคอยดูแลต่อจากแม่กับคุณยาย แม่คงจะตายตาหลับได้แล้วล่ะ” คิดถึงคำของแม่หลังเขามาขอหมั้นแบบสายฟ้าแลบได้ดี สีหน้าของแม่นั้นบ่งบอกว่ามีความสุขและหมดห่วงจริงๆ รวมไปถึงสีหน้าและท่าทางโล่งใจของยายด้วย ตัวเองก็เห็นด้วยกับแม่ ก็แล้วตอนนี้ล่ะ อะไรทำให้เขากลายเป็นผู้ชายป่าเถื่อนได้ถึงเพียงนี้ หรือนี่คือแผนการโละของที่ได้กินแล้วเท่านั้น เขาเคยทำแบบนี้กับผู้หญิงมากี่ครั้งแล้ว มีผู้หญิงกี่คนที่เสียใจเพราะเขามาแล้ว นี่ใช่ไหมคือเหตุผล ว่าทำไมเขาถึงยังไม่มีใครมาจนป่านนี้ ‘ทำเพื่อคุณแม่กับคุณยายก็แล้วกันนะเว มาถึงป่านนี้แล้ว จะถอยกลับไปให้คนดูถูกทำไม ปัญหาแค่นี้เองจะผ่านมันไปไม่ได้เลยเหรอ เธอกับทุกคนเจอหนักกว่านี้มาแล้วนะ ยังผ่านมาได้เลย ต้องสู้สิ! ไม่ใช่จะมามัวเสียใจอยู่อย่างนี้’ เมื่อให้กำลังใจตัวเองได้แล้ว น้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมา ก็ถูกสั่งให้หลั่งอยู่ภายใน ไม่นานประตูห้องก็ถูกเคาะ คนเดินมาหานั้นคือแม่ ซึ่งอยู่ในชุดไทยสวยงาม อาภาภัทรส่งยิ้มให้แล้วยอมให้แม่จูงมือเดินลงไปยังห้องจัดเลี้ยงชั้นล่าง มีแขกผู้ใหญ่มากันมากหน้าหลายตา “ตอนจับทัพพีอย่าลืมเอามือไว้ด้านบนนะเว แล้วก็ยิ้มหวานๆ ด้วยจ้ะ ยิ้มให้พวกญาติๆ เราอิจฉาไปตามๆ กันเลยนะ” เสียงแม่กระซิบข้างหู ขณะจูงไปส่งให้นั่งเคียงข้างกับเจ้าบ่าว เบื้องหน้านั้นคือพระสงฆ์เก้ารูป เพราะงานแรกคือถวายอาหารเช้าพระ อาภาภัทรนั่งตัวตรง หลังตรง แล้วพนมมือขึ้นด้วยอาการสงบ แสงแฟลตวูบวาบควบคู่กับเสียงกดชัตเตอร์ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้ง ส่วนคนข้างๆ ก็นั่งในลักษณะเดียวกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD