'Rrrr Rrrr'
พิลาลศล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบสมาร์ทโฟน พลางคิดในใจว่าใครกันที่โทรหาเธอในเวลานี้ ซึ่งหากเป็นยัยน้ำข้าว เพื่อนตัวแสบก็ขอบ่นสักหน่อย เพราะหากหล่อนติดต่อมาดึกดื่นป่านนี้ ก็คงจะชวนไปดื่มเป็นแน่
แต่ผิดคาด
เธอถึงกับปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นแอบอมยิ้มทันทีโดยที่ไม่ทันสังเกตตัวเองว่ามันออกนอกหน้าขนาดไหน ก่อนจะกดรับสาย
"สวัสดีค่ะ" พยายามทำน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้ปลายสายรู้ว่าเธอตื่นเต้นมากขนาดไหน
"ขอโทษนะคะน้องลศที่โทรมารบกวน พี่อยากทราบว่าคุณเทวาอยู่กับน้องลศหรือเปล่า คือ พี่โทรไปหลายสาย แล้วเขาไม่รับ" น้ำเสียงจากปลายสายดูจะเกรงใจ แบบนี้แหละพิลาลศถึงชอบ
"ค่ะ เราอยู่ด้วยกัน"
เงียบ ปลายสายคือมุกริน หรือคุณมุก เธอมักจะเรียกพี่สะใภ้แบบนั้น
"คุณมุกต้องการจะคุยเหรอคะ"
"ไม่ค่ะ"
"แล้ว..." พิลาลศทิ้งประโยคไว้แค่นั้น เพื่อจะรอฟังปลายสาย
"พี่ทราบมาว่าวันนี้มีประชุมกับผู้ถือหุ้น แต่คุณเทวาไม่ได้บอกว่าจะมีงานเลี้ยง"
"คงอีกหลายชั่วโมงค่ะ คุณมุกไม่ต้องห่วงนะคะ ลศจะพาพี่เทวากลับบ้านเอง"
เงียบ ปลายสายเงียบอีกแล้ว
และก็พอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของมุกรินได้ดีว่าหล่อนคงกำลังอึดอัดใจ
ก็การเป็นคู่ชีวิต นอกจากจะร่วมทุกข์ร่วมสุขแล้ว ก็ต้องไม่มีเรื่องปิดบังกัน
"แค่นี้นะคะ" และพิลาลศก็เป็นฝ่ายตัดบทเสียเอง
เธอเก็บสมาร์ทโฟนเข้ากระเป๋าดังเดิม พร้อมเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยเหนื่อย
ไม่รู้ต้องเหนื่อยแทนใคร แต่เมื่อมองเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง เห็นพี่ชายที่กำลังสนุกสนานกับหุ้นส่วนแถมยังมีผู้หญิงรายล้อม ก็พอจะดูออกว่างานนี้ใครจะเป็นฝ่ายเหนื่อยที่สุด
พิลาลศเดินกลับเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะลงนั่งประจำที่เดิม และทอดมองไปเบื้องหน้า
ในฐานะที่เธอก็เป็นหนึ่งในคณะบริหาร ก็จำเป็นต้องมาร่วมงานเลี้ยงด้วย และอีกหน้าที่ที่สำคัญ คือการเฝ้าจับผิดพี่ชาย
ไม่ใช่เพราะมุกรินสั่ง แต่เป็นเพราะเธอเองที่สอดรู้สอดเห็น
เท่าที่พิลาลศจำได้เพราะความสอดรู้ เขาและมุกรินแต่งงานอยู่กินกันมาสิบห้าปี ตั้งแต่ที่เขายังเป็นไอ้เทวา คำที่พิลาลศมักเรียกคนไม่เอาไหนอย่างเขาอยู่ในใจ จนตอนนี้กลายเป็นคุณเทวา รวมถึงเป็นเจ้านายเธอด้วย ก็แน่ล่ะ เขาเป็นพี่ ดังนั้น ตำแหน่งใหญ่ในบริษัทจึงตกเป็นของเขา และเธอก็เป็นได้แค่รองประธาน
และเท่าที่จำความได้ มุกรินคือคนที่ผลักดันและส่งเสริมเขาให้มาถึงจุดๆ นี้ หล่อนมีความสามารถ แถมรูปร่างหน้าตายังสะสวย แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง แต่เพราะความเหลิงในตัวเอง เขากลับลืมสิ่งที่ภรรยาทำ และกลายเป็นคนนอกลู่แบบนี้
"ลศ มาร้องเพลงกับพี่สิ" เสียงของเขาเอ่ยชวนพิลาลศผ่านไม่โครโฟนที่อยู่ในมือ
สภาพเขาช่างดูไม่จืด ทั้งเมา และพูดมาก
แต่ด้วยสปิริต พิลาลศคว้าไมโครโฟนตรงหน้ามาถือไว้ และลุกออกไปร้องเพลงตามที่เขาชวน
ไม่ใช่เพราะรักใคร่ในพี่ชายคนนี้นัก แต่เพราะต้องรักษาหน้าเขาและต้องการจะสร้างความบันเทิงให้หล่าผู้ถือหุ้นต่างหาก
เธอและเขากอดคอกันร้องเพลง ด้วยจังหวะที่คุ้นเคย แถมเพลงก็คุ้นปาก เรียกได้ว่าเป็นเพลงหากินของทั้งคู่
นอกจากพิลาลศจะสนุกกับการมอบความบันเทิงให้เหล่าผู้ถือหุ้นแล้ว เธอยังสนุกที่ได้เห็นสภาพเละเทะของพี่ชาย
เพราะยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ก็จะยิ่งดูไม่ดีในสายตาของมุกริน
ประตูบ้านของคุณหญิงพลับพลึงถูกเปิดออก โดยมีพิลาลศที่ประคองร่างคนเมาเดินเข้าบ้าน ไม่นานอีกฝั่งของเขาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาช่วยประคอง นั่นคือ มุกริน
"ขอบคุณนะคะน้องลศ" เธอเอ่ยออกมาขณะที่เราทั้งคู่ช่วยกันพาเขาขึ้นห้องนอน
จนถึงเตียง
"คืนนี้เลิกดึกจังเลยนะคะ" มุกรินพูดกับพิลาลศอีกครั้ง
หล่อนคงจะรู้สึกขอบคุณและเกรงใจที่ระยะหลังเธอช่วยดูแลเขา และแถมยังสามารถโทรศัพท์มารบกวนได้ทุกเมื่อที่ไม่อาจติดต่อสามีได้
และคงเพราะท่าทางการเอี้ยวตัวอย่างปวดเมื่อยของพิลาลศด้วย
"พี่เทวาติดลมน่ะค่ะ" และเธอก็เผลอพูดความจริงออกไป จนรู้สึกได้ถึงอาการไม่สู้ดีของคนตรงหน้า
ก็ใบหน้ามุกรินช่างไม่ปิดบังเอาเสียเลยว่ามีความกังวลใจ
"ยังไง พี่ก็ขอบคุณน้องลศอีกครั้งนะคะ ที่คอยดูแลคุณเทวาแทนพี่" หล่อนพูดออกมาพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ให้
"ก็ เราครอบครัวเดียวกันนี่คะ" พิลาลศบอกทิ้งท้ายแค่นี้ ก่อนจะรีบเดินออกมา
ไม่อยากอยู่ในห้องนั้นนาน เพราะเธอคงจะออกอาการให้มุกรินเห็นว่าคิดไม่ซื่อ ก็สายตาไม่รักดีดันเอาแต่มองต้นคอที่โผล่พ้นชุดนอนตัวบาง
คนอะไรสวยไปทุกส่วน และอีกเรื่องคือไม่อยากทนเห็นสภาพของผู้ชายที่นอนเมามายบนเตียง กับใบหน้าของมุกรินที่แผ่ซ่านไปด้วยความผิดหวังในตัวสามี
ส่วนตัวพิลาลศ เธอคิดว่ามันก็ดีอยู่หรอกที่เขาจะทำตัวไม่ดี เพราะก็เท่ากับว่าเขาเสียคะแนน ความรักของมุกรินที่มีให้เขาคงจะลดลง
แต่คงจะตรงข้าม ยิ่งเขาทำตัวไม่รักดีเท่าไหร่ มุกรินก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนตัวเอง และเอาใจเขามากขึ้น เพื่อให้เขากลับมาเห็นคุณค่า
ซึ่งแบบนั้น ก็มีคนที่ปวดใจเพิ่มมาอีกหนึ่ง นั่นคือ พิลาลศ
ในวัยสิบสี่ พิลาลศตกหลุมรักมุกรินตั้งแต่แรกเจอ
วันแรกที่เทวาพาหล่อนเข้าบ้าน ใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ มันโครมครามราวกับรัวกลอง
พิลาลศจำได้ติดตาจนมาถึงทุกวันนี้ ผู้หญิงสวยจนไร้ที่ติ เธอนิยามมุกรินเป็นแบบนั้น
เส้นผมเป็นประกายดำขลับ ความยาวกลางแผ่นหลัง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา คิ้วได้รูป ปากนิด จมูกหน่อย ผิวขาวแต่ไม่ซีดเผือก
และสิ่งหนึ่งที่พิลาลศชอบในตัวหล่อนคือรอยหนวดเล็กๆ ตรงร่องจมูก ใกล้กับมุมปาก
หากเป็นคนอื่นคงจะไม่ชอบ รวมถึงเจ้าตัวก็ด้วย เพราะจำได้ดีว่าหล่อนมักบ่นเรื่องหนวดของตัวเอง
ก็แน่แหละ ถ้าเป็นเธอคงไม่ชอบให้ตัวเองมีหนวด แต่กับมุกริน เธอว่าหนวดเหมาะกับใบหน้าขาวๆ นั่น เพราะมันคือเสน่ห์ที่น่าจดจำและทำให้พิลาลศเผลอแอบมองอยู่บ่อยครั้ง
"สวัสดีค่ะคุณแม่" เสียงหวานๆ ที่เอ่ยทักทายคุณหญิงพลับพลึงพร้อมกับยกมือไหว้ในครั้งแรกที่เจอหน้า
คุณหญิงพลับพลึงมีศักดิ์เป็นแม่บุญธรรมของพิลาลศ หล่อนรับเธอมาเลี้ยงหลังจากที่พ่อและแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ด้วยเพราะเป็นเพื่อนที่ไว้ใจ และไม่มีญาติพี่น้อง พินัยกรรมจึงระบุให้คุณหญิงพลับพลึงเป็นผู้ดูแลมรดก รวมถึงดูแลตัวพิลาลศให้เหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ เพราะสิ่งที่หล่อนได้ตอบแทนมันคุ้มค่า
นิสัยของคุณหญิงพลับพลึงคือ ต่อต้านผู้หญิงทุกคนที่เป็นแฟนพี่เทวา
และรอบนี้พิลาลศเห็นด้วย คนสวยๆ แบบมุกริน ไม่ควรได้คนเลวๆ อย่างไอ้บ้าเทวา
ในวัยเด็ก พิลาลศกับพี่เทวาไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ นั่นเพราะเขาอิจฉาที่คุณหญิงพลับพลึงเอาแต่โอ๋เธอ รักเธอมากกว่าเขาแบบออกนอกหน้า ก็พิลาลศมักจะทำให้คุณหญิงพลับพลึงภูมิใจมากกว่าลูกชายแท้ๆ ทั้งเรื่องเรียน ความสามารถ และการปฏิบัติตัว
ใครๆ ก็บอกว่า เพราะพิลาลศมาจากตระกูลที่ร่ำรวย ความเก่งและความสามารถจึงติดตัวมาด้วย แต่นั่นก็ทดแทนสิ่งที่เขามักจะด่าว่า ว่าเธอเป็นลูกกำพร้าไม่ได้เลย
ส่วนพิลาลศในตอนนั้นก็เฝ้าภาวนาให้เทวาเลิกลากับมุกริน
แต่คงจะทำได้แค่ฝัน
เพราะสุดท้าย ทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจและแต่งงานกัน
โดยมีทายาทหนึ่งคน
ตอนที่ สอง
การประชุมในยามเช้าของพิลาลศช่างวุ่นวาย นั่นเพราะพี่ชายตัวดีดันยังมาไม่ถึง
ไม่รู้ว่าเขาหายหัวไปไหน
"คุณเทวาไปไหนครับ เราจะเริ่มประชุมกันแล้วนะ"
"นั่นสิ เวลาของพวกผมมีค่านะ ไม่ใช่จะต้องมานั่งรอเด็กอมมือไม่รู้จักโตอย่างเขา"
"นี่เขายังไม่เลิกนิสัยเดิมอีกเหรอ"
"ขอโทษค่ะ คงกำลังเดินทาง" พิลาลศได้แต่แก้ต่างแทนเขา
เป็นแบบนี้ประจำ หลังจากคืนที่มีงานเลี้ยง ไอ้เทวามักจะเบี้ยวประชุม ซึ่งวันนี้พิลาลศคงต้องขอแอบเรียกเขาในใจแบบนั้น เพราะความหงุดหงิดใจที่ต้องคอยรับหน้าผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการ
"รีบตามเลย ไม่งั้นพวกผมจะกลับ!"
พิลาลศจำต้องเดินออกจากห้องประชุมอย่างหัวเสีย ก็ใครจะเก็บอารมณ์อยู่ และต่อสายถึงไอ้เทวาอีกครั้ง แต่เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้
อยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ลงพื้นเสียจริง
และทางสุดท้ายที่เธอจะทำได้
"สวัสดีค่ะน้องลศ"
"คุณมุกอยู่กับพี่เทวาหรือเปล่าคะ"
"ไม่ค่ะ พี่ออกมาสอนตั้งแต่เช้าแล้ว"
และคงเพราะน้ำเสียงพิลาลศที่ดูร้อนรน
"น้องลศมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"วันนี้มีประชุมค่ะ แต่พี่เทวาหายไป"
"ตายจริง... พี่ลืมไปเลยค่ะ ป่านนี้คงยังไม่ตื่น" ก็เพราะเป็นสามีภรรยากัน คงจะรู้นิสัยกันดี
และพิลาลศรู้ดีว่ามุกรินคือผู้อยู่เบื้องหลัง หล่อนทำทุกอย่างกระทั่งปลุกสามีให้ตื่นขึ้นมาทำงาน
"จะทำยังไงดีค่ะ ประชุมสำคัญเสียด้วย"
"งั้นพี่จะรีบกลับบ้านค่ะ จะช่วยอีกแรง น้องลศช่วยยื้อเวลาให้ทีนะคะ"
"ค่ะ"
ให้ช่วยยื้อเวลาเหรอ ฝันไปเถอะ
ก็พิลาลศรอจะแทนที่คนไม่เอาไหนแบบเขามานานแล้ว
ทันทีที่เปิดห้องประชุมเข้ามาอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงอื้ออึงโวยวายของเหล่าคณะกรรมการและผู้ถือหุ้น
"ยังไงครับคุณพิลาลศ" หนึ่งในนั้นเอ่ยถามเธออย่างเอาเรื่อง
"คงจะไม่มีทางเลือกจริงๆ ค่ะ"
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มประชุมกันเถอะค่ะ"
"แล้วไหนคุณเทวาล่ะ"
"คุณเทวาเกิดปัญหาเรื่องการเดินทางค่ะ แต่ถ้าจะให้รอ ฉันเกรงว่าพวกท่านจะเสียเวลาอันมีค่า"
"เราเริ่มกันเลยนะคะ"
การเร่งเร้าและมัดมือชกคือสิ่งที่พิลาลศมักชอบทำ ก็เวลานี้ไม่ใช่ช่วงประนีประนอม เธอต้องเอาของตัวเองคืนมา รวมถึงกิจการงานนี้ด้วย
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ว่าใครจะเอ่ยแย้งหรือสงสัยข้อใด พิลาลศก็สามารถตอบได้หมดอย่างกระจ่าง เพราะทำการบ้านมาอย่างดี
ประตูห้องประชุมเปิดออก พร้อมกับตัวเธอที่เดินออกมาพร้อมกับเหล่าบริหาร
ทุกคนต่างเข้ามาชวนพิลาลศพูดคุยอย่างเป็นมิตรแถมเอ่ยชมไม่ขาดสาย ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดี
และนั่นก็อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง
"ขอตัวนะคะ" เธอเอ่ยบอกกับทุกคน ก่อนจะปลีกตัวออกมา
พิลาลศเดินตรงมาทางผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนกระหืดกระหอบ เหงื่อแตกซิก พร้อมแอบสำรวจการแต่งกายของหล่อนไปด้วย ก็วันนี้มุกรินดูสวยเป็นพิเศษด้วยผ้าพันคอสีสด จนเผลอแอบชื่นชมหล่อนในใจ
"คุณเทวาไม่อยู่บ้านค่ะ พี่ตามหาซะทั่วเลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ประชุมจบแล้ว"
"ตายจริง... แล้วแบบนี้จะทำยังไงคะ จะเกิดปัญหาตามมาหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ ลศจัดการแทนแล้ว"
มุกรินยืนนิ่ง เพราะหากพิลาลศบอกแบบนั้นนั่นแสดงว่า
"น้องลศทำแทนคุณเทวาแล้วเหรอคะ" ถามออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง
"ค่ะ ลศไม่มีทางเลือก"
สำหรับมุกริน หล่อนทั้งระแวง และกลัวว่าพิลาลศจะมาแทนที่สามีตัวเอง ก็สามีพูดทุกวันว่าสักวันน้องสาวที่ถูกรับมาเลี้ยงจะแย่งงานไปจากเขา
แล้วมีหรือที่หล่อนจะเห็นว่าการกระทำของพิลาลศนั้นเป็นการหวังดี
พิลาลศที่เห็นมุกรินยืนนิ่งก็ต้องสาวเท้าเข้าไปใกล้ แต่หล่อนคงจะระแวง
"จ จะทำอะไรคะ" เธอขยับห่างออกจากพิลาลศเพียงนิด
"เห็นว่าเหงื่อออกค่ะ" ไม่พูดเปล่ายังช่วยใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้
"ไม่ต้องค่ะ" แต่มุกรินยังไม่ไว้ใจ หล่อนเบี่ยงหน้าออกจากผ้าเช็ดหน้าของพิลาลศ นั่นทำให้เธอเก็บสีหน้าไม่อยู่ เผลอยิ้มเจื่อนออกไป
"อยากให้ไปส่งมั้ยคะ" และพิลาลศก็ช่วยหยิบยื่นน้ำใจ
"ไม่ต้องค่ะ" หล่อนปฏิเสธออกมาอีกครั้ง
"พี่จะรอคุณเทวาที่นี่ บางทีเขาอาจจะกำลังมา"
"ค่ะ ถ้าเจอแล้วก็ช่วยแจ้งลศด้วยนะคะ"
ก็เมื่อพูดถึงชื่อสามีหล่อนทีไร พิลาลศมักจะหงุดหงิด ไม่รู้จะรักจะห่วงอะไรนักหนา
ซึ่งเธอเองก็คงต้องกลับไปทำงานตามปกติ แม้จะเป็นเพียงรองประธาน แต่ก็ทำงานหนักยิ่งกว่าเขา
"คุณเทวามารึยังคะ" พิลาลศรีบโพล่งถามออกไปทันทีที่เจอหน้าเลขาตัวเองที่เข้ามาเสิร์ฟของว่าง
"เพิ่งมาถึงค่ะ"
เธอก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือแบบอัตโนมัติ พลางตำหนิเขาไปด้วย ก็นี่เกือบจะเลิกงานแล้ว แต่เขาเพิ่งจะเข้าบริษัท
"ขอบคุณค่ะ"
"ดิฉันได้ยินคุณเทวาต่อว่าคุณมุกด้วยนะคะ"
"อะไรนะคะ"
"เผอิญ ดิฉันไปเช็กว่าคุณเทวามาหรือยังตามที่ท่านรองสั่ง ได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันค่ะ เสียงดังลั่นมาถึงข้างนอก"
"ได้ยินว่ายังไงบ้างคะ" ก็หากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พิลาลศไม่ปล่อยไปอยู่แล้ว
"คุณเทวาเอาแต่โทษว่าคุณมุกไม่ปลุก แถมยังต่อว่าเธอด้วยค่ะ ที่มานั่งรอ"
"แต่รอบนี้มันพีคตรงที่คุณเทวาพาผู้หญิงมาด้วยค่ะ คนเดิม"
"แล้วก็มาเจอกับคุณมุกพอดี และพี่เทวาก็พาลใส่ใช่มั้ยคะ" พิลาลศคิดตามกับเรื่องราวที่เลขารายงาน
"ถูกต้องเลยค่ะท่านรอง"
เธอได้แต่นิ่งคิดและภาวนาให้มุกรินเลิกรักเขาเสียที แต่ก็คงจะยาก เพราะไม่ใช่แค่หนนี้หนแรก ที่มุกรินมารอสามี หล่อนคงจะระแคะระคายที่เขาหายไป และสุดท้ายก็เจอว่าเขามากับผู้หญิงคนอื่น
"งานตรงนี้เสร็จแล้ว ฉันขออนุญาตกลับบ้านก่อนนะคะ" เธอและเลขาค่อยข้างจะสนิทสนมกัน
ดังนั้น คำพูดเมื่อครู่ก็เป็นการหยอกล้อ
"เชิญค่ะคุณเจ้านาย แต่ออกก่อนเวลาแบบนี้ พรุ่งนี้ต้องมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากดิฉันด้วยนะคะ"
"ได้เลยค่ะคุณเลขา"
การออกก่อนเวลาของพิลาลศไม่ใช่เพื่อรีบไปดูใจพี่สะใภ้ เพราะต่อให้เธอทำ หล่อนคงจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
"ทำไมวันนี้มารับหนูคะ" เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยออกมาพร้อมเข้ามานั่งข้างพิลาลศภายในรถ
"จะพาไปกินไอติมและก็ช็อปปิ้ง" เธอบอกกับหลานวัยสิบสี่เหมือนอย่างเคย
"คุณแม่คงจะทะเลาะกับคุณพ่ออีกล่ะสิ"
"เด็กอะไร ทำไมรู้มาก"
"คุณอามักทำแบบนี้ตลอด ทำอย่างกับกลัวว่าหนูจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา"
"แล้วคิดว่าตัวเองเป็นมั้ยล่ะ"
"ทุกคนชอบปิดบัง คิดว่าหนูไม่รู้ปัญหาของผู้ใหญ่ หนูสิบสี่แล้วนะคะ"
"แล้วเด็กสิบสี่อย่างแพรรู้อะไรล่ะ" ถามออกไปอย่างหยั่งเชิง
"คุณพ่อกับคุณแม่มีปัญหากัน"
"รู้ได้ยังไง อย่าคิดไปเองสิ"
"หนูอยู่กับคุณแม่ตลอด แม้จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแต่ก็เห็นตลอดว่าคุณแม่แอบร้องไห้"
"คุณแม่แอบร้องไห้ แล้วแพรเห็นได้ยังไงล่ะ" พิลาลศหยอกล้อกับหลานจอมแก่แดดเพราะไม่อยากให้เครียด
"คุณอา!" และสาวน้อยก็แว้ดออกมาทันที คงจะไม่ขำกับมุกตลกของเธอ
"นี่หนูพูดจริงๆ นะคะ ถึงหนูจะเป็นเด็กแต่หนูก็เครียดเป็น"
"อาถึงต้องพาเด็กแก่แดดอย่างหนูมากินไอติมไงคะ จะได้หายเครียด"
ไม่บ่อยนักที่พิลาลศจะแอบไปรับหลานสาวที่โรงเรียน ซึ่งไม่ใช่ทุกวัน เพราะทุกทีน้องแพรจะมีคนขับรถส่วนตัวมารับถึงหน้าโรงเรียน
พิลาลศเดินถอยหลังหนึ่งเก้าและหยุดอยู่หน้าห้องตัวเอง เพื่อแอบดูใครบางคนที่อยู่ร่วมชายคา
เวลาสองทุ่มของทุกวัน มุกรินจะเดินออกจากห้องนอนตัวเองไปเคาะห้องลูกสาว
"ค่ะแม่" เสียงนี้ตะโกนออกมาโดยที่ยังไม่เปิดประตูด้วยซ้ำ ราวกับจำต้องตอบสนองการเรียกของคนด้านนอก
และทันทีที่ประตูเปิดออก
"วันนี้ไปไหนมาหืม.. กลับดึกเชียว"
"คุณอาพาไปกินไอติมและชอปปิ้งค่ะ"
"อีกแล้วนะ"
"รอบนี้คุณอาไปรับหนูที่โรงเรียนเองนะคะ หนูไม่ได้โทรหาสักหน่อย"
"ดีแล้วล่ะ อย่าไปรบกวนคุณอาบ่อยนัก"
"ทำไมล่ะคะ คุณอาใจดีนะ รับฟังปัญหาของหนูทุกเรื่องเลย อุ้ป" สาวน้อยที่เจื้อยแจ้วไม่หยุดยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างนึกขึ้นได้
"นี่แพรมีเรื่องอะไรที่บอกแม่ไม่ได้เหรอ" สีหน้าคนแม่ดูหนักใจที่ลูกสาวไปพึ่งพาคนอื่น
"ก็ ก็แค่เรื่องของวัยรุ่นน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก"
"แพร ลูกรู้ใช่มั้ย ว่าลูกคุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง"
"ค่ะ หนูรู้ค่ะ แต่เรื่องที่หนูคุยกับคุณอามันไม่มีอะไรจริงๆ เราแค่คุยกันตามประสาวัยรุ่น"
"แม่คงจะแก่ใช่มั้ย" มุกรินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ
นั่นทำให้คนแอบดูอย่างพิลาลศยิ้มตามไปด้วย
และยิ่งเห็นสองแม่ลูกกอดกัน เธอก็ยิ่งชอบพี่สะใภ้เข้าไปอีก หล่อนน่ารักเสมอเวลาอยู่กับลูกสาว
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่พวกเธอทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง
มุกรินจะกอดและหอมแก้มลูกสาว หล่อนทำแบบนี้ตั้งแต่แยกห้องนอนกับลูก และพิลาลศก็เห็นภาพนี้จนติดตา
แบบที่ต้องกลายเป็นพวกถ้ำมอง แอบเปิดประตูห้องนอนมาแอบดูตลอด
'ก๊อก ก๊อก'
พิลาลศรีบลุกขึ้นจากเตียงและวิ่งไปหน้าประตูทันที เพราะไม่อยากให้คนด้านนอกรอนาน เธอรู้ดีว่าใครที่มาหาในยามวิกาลแบบนี้
"คะ?" เธอเอ่ยทักมุกรินทันทีที่ประตูเปิดออก
"ขอบคุณนะคะ ที่ไปรับน้องแพร"
"ยินดีค่ะ" บอกแถมยังพยายามกดความตื่นเต้นของตัวเองที่ได้เห็นใบหน้าสวยๆ ของพี่สะใภ้ใกล้ๆแบบนี้
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" พิลาลศถามขึ้นอีกเพราะแขกที่มาเคาะประตูยามวิกาล ยังไม่ขยับไปไหน แถมด้วยสีหน้าที่ดูหนักใจ
"บอกพี่ได้รึเปล่าคะ ว่าคุยอะไรกับน้องแพร"
คนถูกถามค่อนข้างหนักใจกับคำถามของหล่อน แม้จะได้ยินแม่ลูกคุยกัน แต่ก็สัญญากับเด็กสาวไว้แล้วว่าจะไม่มีทางบอกกับคนแม่
"น้องแพรขอไว้น่ะค่ะ"
สีหน้าของมุกรินเปลี่ยนไปทันที หล่อนดูสลดลง เพราะนั่นคงเป็นห่วงลูกสาว
"รับรองค่ะ ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร"
"งั้น... พี่ไม่กวนน้องลศแล้วล่ะค่ะ"
พิลาลศปล่อยให้คุณมุกเดินกลับห้องตัวเองไปด้วยความผิดหวัง
ถึงเธอจะชอบพี่สะใภ้มากขนาดไหน แต่ก็ยังมีสัจจะ แม้จะเป็นเรื่องของเด็กก็ตาม
แต่ก็แอบเสียดาย
เธอน่าจะเอาเรื่องของน้องแพรมาเป็นข้ออ้าง เพื่อจะได้คุยกับมุกรินต่อ
แต่แค่นี้ก็พอแล้ว
การที่พิลาลศดั้นด้นขับรถไปรับหลานสาวถึงที่โรงเรียน พาไปเลี้ยงของอร่อยๆ และจ่ายเงินให้เพื่อซื้อความสุข มันก็อยู่ในแผนการทำดีเพื่อชนะใจพี่สะใภ้
มุกรินมักจะตามมาขอบคุณเธอหลังจากทำเรื่องดีๆ ให้น้องแพร
ซึ่งเธอเชื่อมาตลอด ที่ทั้งคู่แต่งงานกันเพราะมุกรินท้อง เทวาก็แค่รับผิดชอบ และเธอก็หวังว่า สักวัน ทั้งคู่จะเลิกกัน
แต่สุดท้าย การเฝ้ารอของพิลาลศก็เนิ่นนานมาจนถึงสิบห้าปี
ทั้งคู่ยังคงเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบในสายตาใครๆ