ตอนที่ หก

2208 Words
หนึ่งเดือนหลังจากที่เทวาจากไป พิลาลศเข้ารับตำแหน่งรักษาการแทนประธานบริษัท ที่นี่ค่อนข้างจะวุ่นวายเพราะการจากไปแบบกะทันหันของเขา แต่เธอก็สามารถจัดการทุกอย่างแทนโดยใช้เวลาไม่นาน เพื่อเตรียมตัวจะรับตำแหน่งต่อจากเขา เธอจึงต้องรีบสะสางทุกอย่าง แต่วันนี้คงจะแปลกไปเสียหน่อย ภายในห้องประชุมแต่งตั้งประธานบริษัท เธอเห็นมุกรินเข้ามาพร้อมกับผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการที่เคยสนับสนุนพี่เทวา พวกเธอทั้งคู่ออกจากบ้านในเวลาไล่เลี่ยกัน ความเข้าใจของเธอคือ พี่สะใภ้คงรีบไปสอนเหมือนเช่นเคย แต่กลายเป็นว่า หล่อนมาโผล่ที่นี่ ทั้งที่ไม่จำเป็น ซึ่งมุกรินคงไม่ได้มาเพื่อยินดีกับตำแหน่งที่เธอจะได้รับเป็นแน่ และเมื่อทุกคนนั่งประจำที่แล้ว ผู้ดำเนินงานจึงเริ่มพูด พิลาลศเองก็เอาแต่มองหน้ามุกรินที่นั่งฝั่งตรงข้ามไม่วางตา และหล่อนก็เพียงแค่ยิ้มทักทาย "ในฐานะภรรยา ฉันจะทำหน้าที่แทนประธานคนเก่า ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ" เธอจับใจความได้เท่านี้กับสิ่งที่มุกรินพูด  และแน่นอนต้องมีฝ่ายที่ไม่พอใจ คณะกรรมการที่คอยสนับสนุนพิลาลศเริ่มส่งเสียงประท้วง พิลาลศเองก็ทำได้แค่นั่งเงียบ และเฝ้าดูพฤติกรรมของมุกริน แม้หล่อนจะพยายามนิ่งแต่ภายในใจก็คงตระหนกไม่น้อยกับคำต่อว่าของเหล่าคณะกรรมการ "พูดอะไรสักอย่างสิ คุณพิลาลศ อยู่ๆ จะปล่อยให้คที่ไม่เคยทำงานบริหารมาเป็นประธานได้ยังไง" เสียงนั้นดังแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ และพิลาลศคงจะต้องทำอะไรสักอย่าง "ฉันว่า เรามาโหวตกันเถอะค่ะ โหวตแบบยกมือ" และนี่คือความเห็นของพิลาลศ ก็การจะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตัดสินใจเพียงคนเดียวคงจะไม่ยุติธรรม วิธีนี้คงจะเป็นเอกฉันท์ "งั้นพวกเราขอปรึกษากันก่อน" เสียงคณะกรรมการคนเดิมบอกออกมาแบบนั้น "เชิญค่ะ ฉันเองก็มีเรื่องต้องคุยกับภรรยาของอดีตท่านประธานเหมือนกัน" รอบนี้พิลาลศเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ก็มันเริ่มจะสนุกแล้วสิ  พิลาลศเดินเคียงคู่คุณมุกออกจากห้องประชุม และทั้งคู่ก็หยุดคุยกันหน้าลิฟท์ "น้องลศไม่พอใจเหรอคะ ที่เจอพี่ที่นี่" "แปลกใจมากกว่าค่ะ ว่าทำไมอาจารย์มหาลัยฯ ถึงมาอยู่ที่นี่" "พี่รับงานสอนน้อยลงค่ะ" "เพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยเหรอคะ" "ค่ะ" "แล้วถ้าไม่ได้รับเลือกล่ะคะ จะทำยังไง" "พี่ก็จะทำทุกทางค่ะ" "อยากได้ตำแหน่งนี้มากเลยเหรอคะ" เธอหยั่งเชิงถามพี่สะใภ้ "เพื่ออนาคตของน้องแพรค่ะ คนโสด ไม่มีลูกอย่างน้องลศคงไม่เข้าใจ" "ถ้าคิดดีแล้ว ลศก็จะสนับสนุนคุณมุกค่ะ" "ว่าไงนะคะ" สีหน้ามุกรินดูจะไม่เชื่อที่เธอพูดนัก เธอจึงจำต้องย้ำ "น้องแพรก็เป็นหลานลศเหมือนกัน ถ้าคุณมุกทำเพื่อน้องแพร ลศก็พร้อมจะสนับสนุนค่ะ" "แต่รับงานสองที่พร้อมกัน มั่นใจเหรอคะว่าจะทำได้เต็มที่" พิลาลศถามออกมายิ้มๆ "ก่อนหน้านี้พี่ก็เป็นมันสมองให้คุณเทวา เพียงแค่ไม่ได้ลงเล่นเอง" "เข้าใจแล้วค่ะ" "หวังว่าน้องลศจะสนับสนุนพี่จริงๆ เหมือนที่พูดนะคะ" "แน่นอนค่ะ"  พิลาลศมองดูพี่สะใภ้เดินกลับเข้าห้องประชุมด้วยหัวใจเต้นรัว  เธอต้องตัดสินใจอีกแล้ว ก็ครั้งก่อนที่ยอมสละตำแหน่งแบบไร้ข้อกังขาก็เพราะอยากเห็นมุกรินมีความสุข  และรอบนี้สถานการณ์คงจะไม่ต่าง "สัญญาด้วยหัวใจว่าจะสนับสนุนค่ะ" เธอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นประทับที่หน้าอกตัวเองฝั่งซ้าย ก็ไม่อยากให้มุกรินต้องผิดหวัง  กลับมาสู่การโหวตประธานบริษัท แน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนคงเทใจมาที่พิลาลศเพราะผลงานที่ผ่านมา และกระแสว่าอย่างนั้นจากการรายงานของสายข่าว ชื่อของมุกรินถูกเอ่ยขึ้นก่อน "ใครต้องการจะให้คะแนนอาจารย์มุกริน ยกมือขึ้นค่ะ" พิลาลศกวาดสายตามองรอบห้อง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยกมือให้มุกริน ส่วนคนที่เหลือก็นั่งนิ่ง จำได้ดีว่าคนพวกนั้นเคยอยู่ฝั่งเทวา และพากันไปสนุกสนานสังสรรค์แทบทุกวัน แต่วันนี้คนพวกนั้นกลับอยู่ข้างเธอแทนที่จะเป็นพี่สะใภ้ "จะเริ่มนับคะแนนแล้วนะคะ" ผู้ดำเนินพิธีเริ่มให้สัญญาณ ไม่ต้องนับโดยคำนวนจากสายตาก็พอรู้ว่าใครที่จะแพ้แบบเอกฉันท์ และพิลาลศไม่อยากให้คนคนนั้นคือมุกริน พิลาลศขยับชูมือขึ้น  "ฉันก็เลือกภรรยาอดีตประธานบริษัทค่ะ" ก็ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่สนับสนุนมุกริน แถมยังส่งสายตาให้เหล่าคณะกรรมการอีก ซึ่งการที่เธอทำแบบนั้น ก็ทำให้คณะกรรมการคนอื่นๆ เริ่มลังเล และผลที่ตามมาคือ คะแนนเสียงที่เพิ่มมากขึ้น  เรียกได้ว่าเกินกึ่งหนึ่งของห้องแบบที่ไม่ต้องนับต่อ เพราะทุกคนเชื่อในสิ่งที่พิลาลศทำ สรุปแล้ว มุกรินชนะไปด้วยคะแนนเสียงที่มากกว่า และตำแหน่งประธานบริษัทก็ตกเป็นของหล่อน จากที่ตั้งใจจะขนย้ายของเตรียมใช้ห้องประธานบริษัท พิลาลศต้องเก็บเอกสารทุกอย่างกลับที่เดิม เธอทำไปยิ้มไปด้วยอาการที่ไม่ปกตินัก ก่อนจะล้มตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม "ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ" ถึงกลับต้องพูดต่อว่าตัวเองเป็นประโยค นี่มันอาการคนคลั่งรักชัดๆ เสียสละทุกอย่าง รวมถึงสิ่งที่อยากได้มาตลอดด้วย ซึ่งแบบนั้นคงจะทำให้คะแนนความทุ่มเทของพิลาลศเพิ่มมากขึ้นในสายตาพี่สะใภ้ 'ก๊อก ก๊อก' เจ้าของห้องนั่งตัวตรงขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินก้าวเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้า ก็ต่อหน้าพี่สะใภ้ เธอต้องดูสง่า "ทำแบบนั้นทำไมคะ"  เธอขอคืนคำว่าคะแนนความทุ่มเทจะเพิ่มขึ้น นั่นเพราะน้ำเสียงไม่พอใจของมุกริน "แบบไหนคะ" "ยกมือให้พี่ทำไม" "ลศต้องการจะสนับสนุนคุณมุก อย่างที่เคยพูดไว้ไงคะ" "แบบนั้นมันเหมือนหยามกันชัดๆ ค่ะ" "ก็ถ้าคุณมุกขอลศดีๆ ลศก็จะยกตำแหน่งนั้นให้โดยที่เราไม่ต้องมาสู้กันต่อหน้าคนอื่น" "งั้นก็ขอบคุณมากก็แล้วกันค่ะ" คำขอบคุณบวกกับน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้นทำให้พิลาลศเริ่มตื่นเต้น ก็สนุกที่ได้เห็นพี่สะใภ้ในมุมนี้ "ไม่พอใจลศเหรอคะ" "ถ้าให้ตอบตรงๆ ก็ใช่ แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ ยังไงก็ขอบคุณน้องลศมาก เพราะถ้าลำพังพี่คนเดียว คณะกรรมการคงจะไม่เลือก" น้ำเสียงของมุกรินดูอ่อนลง นั่นทำให้เธอเริ่มผ่อนคลายไปด้วย "ครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องช่วยกันสิคะ อยากให้ลศแนะนำอะไรก็บอกได้" "ค่ะ" "ว่าแต่ ทุกคืนวันศุกร์ ทำเนียมของบริษัทจะมีกินเลี้ยง" "พี่พอจะรู้ค่ะ" "จะไปพร้อมกันมั้ยคะ" "พี่ตั้งใจจะตรงกลับบ้านเลยน่ะค่ะ คงไม่ได้ร่วมด้วย" "ไปสักครั้งเถอะค่ะ ในฐานะประธานบริษัท" สีหน้ามุกรินดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด "อย่างน้อยเราก็ต้องสร้างคอนแทคกับคนพวกนั้น ถึงแม้จะไม่อยากทำก็ตามค่ะ"  "ก่อนหน้านี้พี่เทวาก็ทำบ่อย" ก็อยากจะฉวยโอกาสอยู่ใกล้ชิดพี่สะใภ้อยู่แล้ว เธอจึงต้องงัดมุกนี้ขึ้นมาโน้มน้าวใจหล่อน และมันก็ได้ผล "อยู่ดึกมากไม่ได้นะคะ" พิลาลศเดินเข้าร้านอาหารพร้อมมุกริน แต่วันนี้คงจะแปลกหน่อยเพราะเริ่มงานตั้งแต่หัววัน  "ยังไม่มีคนมา คงต้องรอสักพักค่ะ" บอกกับมุกริน เมื่อเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยง "วันนี้คงไม่ปกติ เพราะพี่" "ใช่ค่ะ" พิลาลศบอกก่อนจะหันไปหาพนักงาน "ขอข้าวผัดกุ้งจานใหญ่ ยำผักบุ้งกรอบ ปลากระพงสามรส และก็น้ำเปล่าค่ะ" สิ้นเสียงของพิลาลศ มุกรินก็มองหน้าเธอด้วยความฉงน นั่นคงเพราะเมนูที่คนตรงหน้าสั่งมีแต่ของชอบของมุกริน "คงจะกำลังมากัน ทานอะไรรองท้องไปก่อนนะคะ" และพิลาลศก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง "น้องลศต้องมาที่นี่ทุกครั้งเลยเหรอคะ" "ก็ต้องมาคุมพี่ชายนี่คะ" บอกออกมาอย่างไม่ยี่หระ "แต่หลังจากนี้ไว้เป็นหน้าที่ลศก็ได้ค่ะ เรามากันแค่วาระดีของบริษัทก็พอ" "ถ้าคุณเทวาคิดได้อย่างน้องลศ คงไม่อายุสั้นแบบนั้น"  คนฟังเงียบเป็นการตอบโต้ "แล้วถ้าทำอย่างที่น้องลศว่า จะมีปัญหาตามมารึเปล่าคะ เพราะคุณเทวาทำเหมือนมันสำคัญมาก" "ไม่หรอกค่ะ เพราะไม่ใช่คณะผู้บริหารทุกคนที่ชอบสังสรรค์ จะมีก็แค่บางคนเท่านั้น แต่หลังจากนี้คุณมุกกำหนดได้นี่คะ ในฐานนะท่านประธาน" "ก็จริงค่ะ" พิลาลศและมุกรินรับประทานอาหารด้วยกันได้ไม่นาน เหล่าคณะบริหารก็มาถึง พร้อมด้วยผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเห็นหล่อน พิลาลศก็แอบลอบมองมุกรินทันทีด้วยความเป็นห่วง นั่นคือคุณน้ำฟ้า หลานสาวคนเล็กของคุณพุฒิพงษ์ หนึ่งในคณะกรรมการของบริษัท คุณน้ำฟ้าเดินตรงมาหาพิลาลศเพื่อทักทายตามปกติเพราะคุ้นเคยกัน และยังนั่งลงฝั่งตรงข้ามมุกริน "สวัสดีค่ะคุณมุก ได้ยินแต่ชื่อ ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริง" หล่อนเริ่มทักทายอย่างเป็นมิตร "ค่ะ" แต่มุกรินคงไม่อยากเป็นมิตรเท่าไหร่ แน่ล่ะ เพราะหากเป็นเธอคงจะไม่มองหน้าด้วยซ้ำ ก็ข่าวคราวระหว่างพี่เทวาและผู้หญิงคนหนึ่งที่มักควงไปไหนมาไหนด้วยแบบเปิดเผยมันแพร่กระจายเป็นวงกว้างแบบไม่ละลาย  แถมผู้หญิงคนนั้น ก็มานั่งอยู่เบื้องหน้ามุกรินแล้ว กลัวเหลือเกินว่าจะเกิดการปะทะ แต่สิ่งที่พิลาลศคิดก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง กลายเป็นคุณน้ำฟ้าเป็นฝ่ายที่สงบปากสงบคำกับมุกรินหล่อนคงจะเกรงใจกับตำแหน่งประธานบริษัท และคืนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่จนดึกดื่นหรือข้ามคืนเหมือนที่เป็นๆ มา พิลาลศและมุกรินกลับมาถึงบ้านในเวลาสามทุ่ม ซึ่งแค่นั้นก็แอบเห็นคนข้างๆ หาววอด จนพิลาลศเองต้องเป็นฝ่ายบอกลาทุกคนแทน "เดี๋ยวค่ะ"  พิลาลศหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ และหันมาหาพี่สะใภ้ที่ยังคงนั่งนิ่ง "คะ?" "พี่.. ยังสวยอยู่ใช่มั้ยคะ" มุกรินถามพร้อมหันมามองพิลาลศอย่างต้องการคำตอบ คนถูกถามจึงถือโอกาสเลื่อนหน้าไปใกล้หล่อนเพื่อสำรวจใบหน้า แต่ไม่ใช่แค่มองอย่างเดียว พิลาลศยังแอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวมุกรินด้วย และมันก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ พิลาลศขยับใกล้ขึ้น เพราะกลิ่นที่ย้ำยวนมาจากซอกคอพี่สะใภ้ แต่ก็ถูกเบรกอารมณ์แบบหัวทิ่ม มุกรินยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดันไหล่พิลาลศ แบบแค่วางมือลงไม่ได้ออกแรงผลัก "ผู้หญิงคนนั้นสวยและดูดีมากค่ะ มากกว่าพี่ด้วยซ้ำ ทั้งใบหน้าและการแต่งตัว" หล่อนพูดออกมาต่อด้วยสีหน้าเป็นกังวล แน่นอนว่ามุกรินคงไม่ได้คิดหรือสงสัยในตัวพิลาลศที่เผลอตัวเข้าใกล้หล่อนขนาดนั้น "สวยกันคนละแบบค่ะ คุณมุกไม่จำเป็นต้องเหมือนหรือเลียนแบบใคร" พิลาลศพูดตามตรง แต่มุกรินยังดูไม่สบายใจ "งั้นพรุ่งนี้ เราไปซื้อชุดทำงานด้วยกันมั้ยคะ" เธอจึงจำต้องเอ่ยชวน ให้พี่สะใภ้เบนความคิด "พี่แค่ไม่อยากเป็นรองผู้หญิงคนนั้นในสายตาคนอื่น" "เข้าใจค่ะ และลศจะช่วยอีกแรง" "ขอบคุณนะคะ"  มุกรินจบประโยคแค่นั้น และพิลาลศก็ไม่ได้พูดต่อ  แต่ความใกล้ของใบหน้าของคนทั้งคู่ ทำให้พิลาลศเริ่มใจเต้นแรงอีกครั้ง แถมยังเอาแต่จ้องมองใบหน้าพี่สะใภ้ เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ใกล้จนแทบจะชิดขนาดนี้ "น้องลศคะ"  "น้องลศคะ" "น้องลศ" รอบสุดท้าย มุกรินไม่ได้เรียกเปล่า หล่อนเริ่มบีบไหล่เธอด้วย  นั่นจึงทำให้รู้สึกตัว และผละออกจากมุกรินทันที "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" แถมหล่อนยังขยับมาใกล้และจับไหล่ด้วยความเป็นห่วง "ปวด ปวดตาค่ะ สงสัยไมเกรนขึ้น" "โรคประจำตัวเหรอคะ" "ค่ะ แต่แค่กินยาและนอนพักก็หาย" ไม่รู้จะโทษอะไร จึงโยนไปให้ไมเกรน  "งั้นเข้าบ้านกันเถอะค่ะ จะได้พักผ่อน"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD