ตอนที่ สี่

1826 Words
พิลาลศเดินออกจากประตูบ้านในยามเช้า แต่สายตาก็พลันสังเกตเห็นพี่สะใภ้ จากที่ตั้งใจจะเดินขึ้นรถ ก็ต้องหยุดและแอบดูหล่อนอยู่ไกลๆ มุกรินกำลังเล่นกับลูกสุนัขที่เพิ่งเอาเข้าบ้าน ที่รู้ว่าหล่อนนำน้องหมาเข้าบ้านก็เพราะได้ยินเสียงบ่นจากคุณหญิงพลับพลึง "น่ารักทั้งคน ทั้งน้องหมา" พิลาลศเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ก็ได้เห็นพี่สะใภ้ในมุมอ่อนโยน เธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นใจ แต่แอบดูได้เพียงครู่ ก็ต้องเสมองไปทางอื่นแทน นั่นเพราะมุกรินคงจะรู้ตัว และหล่อนก็กำลังเดินมาทางเธอ "ขอโทษนะคะ ที่พี่ไม่ได้บอกน้องลศก่อนเรื่องลูกหมา"  ที่มุกรินต้องบอกพิลาลศเพื่อจะเป็นคนไกล่เกลี่ยให้กับสะใภ้และแม่สามี "คุณแม่บ่นให้ฟังแล้วล่ะค่ะ"  "ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ" แบบนี้ประจำ คำขอโทษที่พิลาลศได้ยินบ่อย มุกรินแสดงท่าทีห่างเหิน ไม่เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน "ว่าแต่... น้องหมาชื่ออะไรคะ"  "พี่ยังไม่ได้ตั้งเลยค่ะ รอให้น้องแพรตั้งให้ พอดีเค้าขอไว้"  ที่ผ่านมา คงเป็นเรื่องหมานี่แหละที่ทำให้เธอและพี่สะใภ้ได้พูดคุยกัน และก็แค่นั้น เธอมองดูมุกรินเดินสวนเข้าบ้านไป ระหว่างตัวเธอและพี่สะใภ้คงจะไม่มีหวังเลยน่ะสิ พิลาลศเข้ามาภายในบริษัท โดยเดินสวนกับพี่เทวา วันนี้เขามาก่อนเธอ คงจะมีเรื่องให้ต้องสะสาง นั่นเพราะเขาไม่เข้าบริษัทมาหลายวัน "จะไปไหนคะ" พิลาลศเอ่ยถามทันที ก็เพราะนี่ยังเช้า แต่ท่าทางเขาดูรีบร้อน "มีเรื่องต้องทำ" เขาตอบห้วนๆ ลักษณะเหมือนมีเรื่องไม่พอใจ เธอเองก็ไม่ได้ไถ่ถามต่อ ปล่อยให้เขาขับรถออกจากบริษัท เพราะก็ต้องทำหน้าที่ตัวเอง และเมื่อเห็นคุณหญิงพลับพลึงที่นี่ ก็พอจะรู้สาเหตุว่าทำไมพี่เทวาถึงหงุดหงิด หล่อนคงมาต่อว่าเขา หรือปรับเปลี่ยนบางอย่างในบริษัท "บอกพี่เทวาไปแล้วเหรอคะ" "แม่คุยแล้ว" "ถึงว่า ตอนที่เจอหน้าลศ พี่ถึงดูหงุดหงิด" "อย่าไปสนใจเลยลูกลศ แม่ให้เวลาไอ้ลูกชายพิสูจน์ตัวเองมามากพอแล้ว" "แบบนั้น... ลศจะมองหน้าพี่เทวาไม่ติดนะคะ" รวมถึงคุณมุกก็ด้วย ประโยคนี้พิลาลศได้แค่คิดในใจ "คณะกรรมการก็เห็นด้วยที่จะสนับสนุนลูกลศ" "แต่ก็คงมีอีกฝ่ายที่ไม่สนับสนุน" "ไม่เป็นไรหรอกลูกลศ แค่พี่ชายลูกสละตำแหน่งก็พอแล้ว" "ค่ะ" เหนื่อยอีกแล้ว เวลาที่กำลังจะมีเรื่องเปลี่ยนแปลงใดๆ ในบริษัท พิลาลศจะได้รับผลกระทบ ช่วงบ่ายของวันที่เธอกำลังเดินตรวจความเรียบร้อยในโกดังสินค้า เจ้าลังขนาดใหญ่ชั้นบนสุดก็ดันร่วงมาใส่ที่หัวไหล่เธอ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะมีสองฝ่าย ทั้งที่สนับสนุนพิลาลศ และสนับสนุนพี่เทวา ดังนั้น เธอจึงไม่ชอบที่คุณหญิงพลับพลึงเข้ามาป้วนเปี้ยนในบริษัท เพราะมันทำให้ไม่ทันได้ตั้งตัวแถมยังเจ็บตัวอีก เสียงฝีเท้าที่พิลาลศจำได้ดี กำลังเดินเข้ามาใกล้ "อุบัติเหตุหรือโดนทำร้ายคะ"  และโชคดีที่พิลาลศรอตั้งรับ เธอลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่ไม่ถนัดนัก เพราะความเจ็บที่หัวไหล่และลามมาถึงแขน "ไม่ชัวร์ค่ะ แต่ภาวนาให้เป็นอย่างแรก" เธอตอบมุกรินแบบเสียไม่ได้ "ได้ข่าวว่าคุณแม่อยากจะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้น้องลศ" "ค่ะ" "รับข้อเสนอมั้ยคะ เพราะถ้าเป็นพี่ก็คงรับไว้" "แล้วอยากให้รับมั้ยคะ" "ไม่ค่ะ" พิลาลศยิ้มออกมาเพียงนิดในความตรงไปตรงมาของพี่สะใภ้ และหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ  ก็หากพิลาลศรับข้อเสนอ สามีของหล่อนก็จะหมดอำนาจในบริษัท หรืออาจต้องเป็นรองเธอ ซึ่งถ้าแบบนั้นมุกรินคงไม่ยอม พิลาลศเดินเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยงตามคำชวนของพี่เทวา แต่วันนี้แปลก เพราะมีแค่เขาคนเดียว "มีอะไรคะ ลศกลับเข้าบ้านแล้วนะ" "แกไปขอตำแหน่งกับคุณแม่เหรอ" "เรื่องนั้น คุณแม่เสนอให้ลศเองค่ะ" "แล้วก็รับไว้แบบหน้าด้านๆ ไม่ไว้หน้าฉันเลยเนี่ยนะ" "หึ หน้าด้านเหรอคะ"  เธอพูดพร้อมแสยะยิ้มกับประโยคต่อว่าของเขา "ลศทำงานหนักเพื่อบริษัทและเป็นมันสมองให้พี่มาโดยตลอด มันควรเป็นสิ่งตอบแทนค่ะ" "หัดระวังคำพูดบ้างนะ แกเป็นใคร และฉันเป็นใคร" "หมดเรื่องพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ" ไม่มีเหตุผลที่จะคุยกับคนเมา  "แกน่ะ มันก็แค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง จะสู้ลูกแท้ๆ อย่างฉันได้ยังไง" อีกแล้ว ในที่สุด เขาก็เอาเรื่องนี้มาต่อว่าเธออีกแล้ว "ค่ะ ฉันรู้ตัวดี" พูดจบพิลาลศก็ลุกขึ้นทันที แต่ก่อนจะไปจากตรงนั้น "วันนี้ก็ขอให้เมาจนตายไปเลยนะคะ" "เห้ย... นังบ้า" พิลาลศได้ยินเสียงนี้ลอดผ่านประตูออกมา แต่ใครจะสน เขาก็มักจะหลุดพูดจาแย่ๆ ใส่เธออยู่ตลอดเวลาที่เมาและอยู่ด้วยกันลำพัง 'โครมมมมมม'  รถยนต์สี่ประตูประสานงานกันรถบรรทุก ขณะเดินทางกลับบ้าน เสียงโทรศัพท์ของมุกรินดังขึ้นกลางดึก หล่อนได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดคิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คืนนี้ คงจะหลับไม่ลง  เพราะสามีที่รวมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบห้าปี เขาจากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ พิลาลศที่รู้ข่าวพร้อมๆ กับพี่สะใภ้ก็รับอาสาขับรถพาหล่อนไปยังโรงพยาบาลเพื่อยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต การเสียชีวิตเกิดจากสาเหตุเมาแล้วขับ พี่เทวาขับรถพุ่งชนรถบรรทุก และด้วยแรงกระแทกทำให้ร่างเขาทะลุออกจากกระจกรถ และลอยละลิ่วไปหลายร้อยเมตร ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากตรงนั้นมีคนยืนอยู่จะเกิดผลกระทบแค่ไหน เราสองคนเดินออกจากห้องชันสูตรพร้อมกัน "ไหวมั้ยคะ" พิลาลศถามคนข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง โดยแอบสำรวจพี่สะใภ้ไปด้วย แม้เสื้อผ้าจะเรียบร้อยดี แต่ดันใส่รองเท้าผิดข้าง ปกติมุกรินไม่ใช่คนแบบนั้น หล่อนมักจะเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่คืนนี้มันไม่ปกติ หล่อนคงยังไม่พร้อมจะรับรู้เรื่องไม่คาดฝัน "ทำไม ถึงเป็นแบบนี้" มุกรินแค่พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันมามองหน้าพิลาลศ "ทำไม ถึงปล่อยให้คุณเทวากลับบ้านคนเดียวคะ" "ทุกทีคนที่ขับรถจะเป็นน้องลศไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม ทำไมไม่กลับมาพร้อมกัน" พิลาลศหน้าชาทันทีกับคำพูดนั้น ก็อยู่ๆ เธอก็กลายเป็นคนผิด มุกรินเอาแต่ต่อว่า "หรือ น้องลศตั้งใจไว้อยู่แล้วคะ" "มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ลศจะทำไปเพื่ออะไร" "ก็เพราะตำแหน่งประธานไงคะ" "พี่ไม่คิดเลยว่าน้องลศจะร้ายได้ขนาดนี้" พิลาลศก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามุกรินจะเห็นเธอเป็นนางร้ายได้ขนาดนี้ "ต่อให้ลศอธิบายตอนนี้ คุณมุกคงจะไม่เชื่อ งั้นลศไปรอที่รถนะคะ" เธอรู้ว่ามุกรินกำลังเสียใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ และคงต้องปล่อยให้หล่อนอยู่กับตัวเองสักพัก งานศพถูกจัดขึ้นแบบกะทันหัน แต่ก็เอิกเกริกสมฐานะของคุณหญิงพลับพลึง ก็มาเสียลูกชายไปแบบไม่ทันตั้งตัว พิลาลศยืนดูพี่สะใภ้ที่คอยจุดธูปหน้าศพให้แขกเหรื่อด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่ทราบข่าวว่าที่พี่เทวาเสียชีวิต พิลาลศเคยไม่เห็นน้ำตาหล่อนสักหยด มีเพียงใบหน้าที่ดูอมทุกข์ และพวกเธอทั้งคู่ก็ไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกันสักเท่าไหร่ ต่างคนต่างยุ่งกับงานของพี่เทวา ซึ่งพิลาลศทำหน้าที่รับแขก เพราะหากให้พี่สะใภ้มายืนตรงนี้ หล่อนคงไม่มีกระจิตกระใจพูดคุยกับแขกที่เอาแต่ถามถึงการเสียชีวิตของพี่เทวา พิลาลศรอจังหวะที่แขกกลับหมดแล้วเพื่อเข้าหามุกริน เธอว่าเวลานี้คงเหมาะ "เหนื่อยมั้ยคะ" "ไม่ค่ะ" มุกรินหันมาตอบและยิ้มให้น้อยๆ "คุณมุกกลับก่อนก็ได้นะคะ ตรงนี้ลศจะดูต่อให้เอง" "ไม่เป็นไรค่ะ" "เหนื่อยมาหลายวันแล้วนะคะ กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ" พิลาลศยังยืนกรานคำเดิม "น้องลศก็เหนื่อยเหมือนกันนี่ค่ะ งานของสามีพี่แท้ๆ พี่ไม่อยากเอาเปรียบ" "ไม่ได้เรียกว่าเอาเปรียบค่ะ เราครอบครัวเดียวกัน และพี่เทวาก็เป็นพี่ชายลศค่ะ มีอะไรก็ต้องช่วยกันสิคะ" พูดพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ให้พี่สะใภ้ "ขอโทษนะคะ ที่ครั้งก่อน พี่พูดไม่ดีกับน้องลศ" "ลศไม่ได้เก็บมาคิดหรอกค่ะ"  "ทั้งๆ ที่น้องลศก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่พี่กลับเอาแต่โยนความผิดและกล่าวหาน้องลศ" "บอกแล้วไงคะ ว่าลศไม่ได้เก็บมาคิด" และคงเพราะสีหน้าไม่สู้ดีของมุกริน เธอจึงยิ่งต้องย้ำ "อย่าห่วงเลยค่ะ เรื่องที่ไม่จริงลศไม่สะเทือนใจอยู่แล้ว" เพราะคำพูดพิลาลศ จึงได้เห็นรอยยิ้มของมุกรินเพียงนิด แต่นั่นมันยังไม่พอสำหรับเธอ  พิลาลศขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้พี่สะใภ้ และดึงหล่อนเข้ามากอดแบบไม่ปล่อยให้ตั้งตัว เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ร่างกายของพวกเธอทั้งคู่ได้แนบชิดกัน หัวใจพิลาลศเต้นไม่เป็นจังหวะ จากที่ตั้งใจจะให้ความอบอุ่นและส่งกำลังใจให้มุกริน มันกลายเป็นเธอเองที่ตื่นเต้นกับอ้อมกอดนี้ทั้งที่เริ่มก่อนแท้ๆ ถึงพี่สะใภ้จะตัวเล็กกว่าพิลาลศ แบบที่สามารถโอบกอดหล่อนได้ทั้งตัว แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าหล่อนกำลังกอดรัดเธอไว้อยู่ "ถ้าเสียใจกับสูญเสีย ก็ร้องไห้ออกมาเถอะค่ะ ไม่ต้องอาย" มุกรินพูดประโยคนั้น พร้อมกับยกมือขึ้นมากอดกระชับพิลาลศ แถมยังตบหลังเธอเบาๆ ซึ่งคนที่ควรจะพูดประโยคนั้นควรจะเป็นพิลาลศมากกว่า ก็เธออยากจะทำตัวเท่ๆ ให้มุกรินได้พึ่งพา แต่กลายเป็นเธอที่ถูกเล่นงานเสียเอง คำพูดและการกระทำของมุกรินทำให้พิลาลศตื้นตันจนมีน้ำตารื้นขึ้นมา มุกรินคงจะเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งที่สูญเสียพี่ชาย และหล่อนก็ทำหน้าที่พี่สะใภ้ในการกอดปลอบแบบที่ไม่ได้คิดเกินเลย กอดแรกของเราแท้ๆ แต่พิลาลศดันแสดงความอ่อนแอออกมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD