9
หนึ่งเดือนผ่านไป
ณ โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว
“คุณลุงทาเคชิเร็วๆ สิคะ ชิสุกะสายแล้วนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของหนูน้อยวัยห้าขวบเอ่ยบอกทาเคชิซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ที่มัวแต่เสริมหล่ออยู่ในรถยนต์ ไม่ยอมลงมาจากรถซะที ทำให้หนูน้อยต้องเปิดประตูรถมาเรียก
“เสร็จแล้วจ้านางฟ้าของลุง ขอลุงเสริมหล่อหน่อยก็ไม่ได้ คุณครูทามะโกะเห็นจะได้รักลุงไงครับ” เขาพูดก่อนจะเดินลงมาจากรถพร้อมกับดอกทิวลิปแสนสวยหนึ่งดอกที่เขาต้องนำมามอบให้กับหญิงสาวที่เขาแอบหลงรักทุกครั้งที่มาส่งหลานสาว แม้รู้ดีว่าคุณครูสอนอนุบาลนามว่าทามะโกะจะมีคนรักและหมั้นหมายกันแล้ว หากแต่ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเขาหาได้ละความพยายาม เพราะคิดว่าตราบใดที่เธอยังไม่แต่งงาน เขาก็ยังมีสิทธิ์อยู่
“หล่อแล้วค่ะ คุณลุงหล่อที่สุดเลย” หนูน้อยเสียงใสเยินยอผู้เป็นลุง
“ปากหวานอย่างนี้ เย็นนี้ลุงพาไปทานไอติมอร่อยๆ เป็นรางวัลดีมั้ย?”
“ดีค่ะ แต่ต้องชวนคุณครูด้วยใช่มั้ยคะ?” ชิสุกะพูดอย่างรู้ทัน
“ใช่แล้วครับ เข้าไปในโรงเรียนเถอะ ลุงไม่ได้มาส่งชิสุกะตั้งเดือนหนึ่ง หัวใจของลุงเหี่ยวเฉามากเลยรู้มั้ย อยากเห็นหน้าคุณครูแสนสวยของหลานเต็มทนแล้ว” เขาพูดขณะจูงมือหลานสาวเข้าไปในโรงเรียน ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของอาคารเพื่อไปส่งหลานสาวที่ห้อง
“สวัสดีค่ะคุณครู” ชิสุกะโค้งคำนับคุณครูประจำชั้นสาวแสนสวย ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อเล่นกับเพื่อนๆ ตามประสา ปล่อยให้ทาเคชิผู้เป็นลุงจีบคุณครูสาวตามระเบียบ
“สวัสดีครับคุณทามะโกะ” ทาเคชิกล่าวคำทักทายตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่น ก่อนจะส่งดอกทิวลิปญี่ปุ่นให้กับเธอ มือนุ่มเอื้อมมารับดอกไม้อย่างเช่นทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณทาเคชิ ขอบคุณมากนะคะสำหรับดอกไม้” หญิงสาวยิ้มรับไมตรีและความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีให้ ถึงแม้ว่าคุณครูสาวจะบอกกับเขาแล้วว่า เธอนั้นมีคู่หมั้นแล้วกำลังจะแต่งงานในปีหน้า ไม่อยากให้เขาต้องมาเสียเวลากับเธอ หากแต่คำตอบที่หญิงสาวได้รับนั้นทำเธอถึงกับอึ้ง
‘ตราบใดที่คุณทามะโกะยังไม่ได้แต่งงาน ผมถือว่าผมยังมีสิทธิ์อยู่ครับ’
ในเมื่อเขามีความตั้งใจอย่างนั้น เธอเองก็ไม่อยากค้าน ทั้งๆ ที่อยากจะบอกเขาต่อไปว่า อย่าได้พยายามเลยเพราะเรื่องที่เขาคาดคิดไว้มันเป็นไปไม่ได้ หญิงสาวหาได้มีใจให้ชายหนุ่มแสนดีเสมอต้นเสมอปลายคนนี้เลย มีเพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้นที่มอบให้ได้
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจครับ” เขาจ้องมองดวงหน้าคุณครูสาวผู้หญิงที่เขายกหัวใจให้ทั้งดวงนิ่ง หนึ่งเดือนที่เขาไม่ได้เห็นใบหน้าหวานๆ รอยยิ้มสวยๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เสียงหวานใสที่เขาแสนคิดถึง เขาจึงยืนมองหน้าเธอนิ่งชนิดตาไม่กะพริบ ราวกับว่าชดเชยเวลาที่เขาไม่ได้เห็นใบหน้าของเธอ
“หายไปไหนมาคะ ไม่เห็นคุณทาเคชิมาส่งชิสุกะเลย?” เธอถามแก้เขินที่ถูกชายหนุ่มจ้องหน้าไม่ไหวติง
“พอดีเกิดเรื่องกับเจ้านายของผมน่ะครับ ก็เลยไม่ได้มาส่งชิสุกะ แต่ว่าตลอดระยะเวลาที่ผมไม่ได้มาที่นี่ ผมคิดถึงคุณทามะโกะมากเลย นะครับ” ทรรศิกายิ้มเขินเมื่อได้ยินคำพูดตรงๆ ของชายหนุ่ม หากเธอยังไม่มีคู่หมั้นคู่หมาย ทาเคชิจะเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอจะลองเปิดใจรับรักในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน
“ขอบคุณนะคะสำหรับความคิดถึง”
“เย็นนี้ผมจะพาชิสุกะไปทานไอติม ผมอยากให้คุณทามะโกะไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณทามะโกะว่างหรือเปล่าครับ?” ทาเคชิเอ่ยปากชวนทรรศิกาเพื่อไม่ให้เสียเวลา แล้วเขาหวังเหลือเกินว่าเธอจะรับปากไปทานไอศกรีมกับเขาและหลานสาว
“ตกลงค่ะ” หญิงสาวรับคำชวน อีกฝ่ายยิ้มหน้าบานเหมือนจานดาวเทียมเมื่อได้ยินคำตอบรับจากทรรศิกา
“เย็นนี้เจอกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ เย็นนี้เจอกันนะคะ” เธอส่งยิ้มหวานละไมให้เขาอีกครั้ง คนที่ได้รับรอยยิ้มหัวใจพองโต ดวงใจแข็งแกร่งกำลังตีรัว ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่จะยิ้มสวยเท่าทรรศิกาเลยสักคน รอยยิ้มหวานๆ ที่เขาได้เห็นมันทำให้ความคิดถึง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งเดือนที่เขาไม่ได้เห็นหน้าเธอ ไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ใครจะไปรู้ว่าหัวใจของทาเคชิเกิดความเหงา หนาวเหน็บจนบางครั้งเขาแทบจะทานทนไม่ไหว แต่เพราะหน้าที่ทำให้เขาเก็บความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ในใจ ได้แต่มองรูปถ่ายของเขาและเธอที่ถ่ายคู่กัน ตอนที่ไปเที่ยวชมดอกซากุระบานด้วยกันไปพลางๆ พอให้คลายเหงา คลายความว้าเหว่ที่อยู่ในใจ พร้อมกับพูดประโยคหนึ่งทุกครั้งที่มองภาพถ่ายภาพนั้น
“ผมคิดถึงคุณทามะโกะ ผมรักคุณ”
เรียวเดินเข้ามาในบ้านไม้สองชั้น บ้านพักส่วนตัวของเขาซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนสุข ทว่าวินาทีแรกที่เขาเหยียบย่างเข้าไปในบ้าน มันเหมือนทั่วทุกพื้นที่ของบ้านโรยด้วยเข็มแหลมคมที่คอยทิ่มตำเวลาเขาก้าวเดิน ความเจ็บปวด ความเสียใจ ประดังเข้ามาในหัวใจของเรียว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนของบ้าน ภาพของสุชาลินีจะปรากฏอยู่ตรงจุดนั้นเสมอ โซฟาตัวที่เขาเพิ่งทรุดกายนั่งอยู่นี้ก็เหมือนกัน เธอกับเขามักจะมานั่งดูโทรทัศน์กันอยู่เสมอ โดยมีสุนัขตัวโปรดคลอเคลียไม่ห่าง
พิธีศพของมารดาเกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่มีคนมาร่วมพิธีศพมากมายสมฐานะ พอเสร็จสิ้นงานของมารดา เขาได้เดินทางไปเมืองไทยทันทีเพื่อไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพของสุชาลินีคนรักสาว ตามประเพณีของคนไทยตามความตั้งใจของเธอที่บอกเขาเสมอว่า หากเธอจบชีวิตลงขอให้ส่งร่างกายที่ไร้วิญญาณกลับไปยังเมืองไทย เพราะเธอเกิดและเติบโตที่นั่น ถึงแม้ว่าจะมีบิดาเป็นคนญี่ปุ่นก็ตาม