"วันนี้หยีขอติดรถไปกับพ่อได้ไหมคะ หยีขี้เกียจขับ"ญาตาลดาหรือยาหยีเอ่ยขึ้นระหว่างที่กำลังตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากคำโตอย่างเอร็ดอร่อย
"ได้สิ วันนี้มีประชุมกับหุ้นส่วน รีบกินเร็วๆเลย เดี๋ยวพ่อจะสายเอา"เศรษฐากล่าวกับลูกสาวสุดที่รักพร้อมกับเร่งให้เธอรีบเพราะวันนี้เขาสายมามากแล้ว
"แล้ววันนี้หยีต้องทำอะไรบ้างคะพ่อ แต่หยีไม่ขอทำงานเอกสารนะคะปวดหัว"
"อยู่ฝ่ายออกแบบดีไหม ช่วงนี้พ่ออยากผลิตรถรุ่นใหม่พอดีเลย"ผู้เป็นพ่อเสนองานใหม่ให้ลูกสาวและคิดว่าเธอน่าจะถนัด
"จริงนะคะ"น้ำเสียงดีใจสุดฤทธิ์ของลูกสาว ดีอย่างน้อยเธอก็ยังทำงานที่พอจะถนัดได้ แค่เปลี่ยนจากเสื้อผ้ามาเป็นรถเท่านั้นเอง
"ป้ะ ไปกันได้แล้ว"พูดจบเศรษฐาก็เดินตรงลิ่วไปยังรถคันหรูที่แพงที่สุดของบริษัทของเขา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือต้องใช้รถของบริษัทตัวเอง
ใช้เวลาไม่นาน2พ่อลูกก็มาถึงลานจอดรถสำหรับประธานบริษัทโดยมีคนขับรถขับมาให้ และในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินลงจากรถนั้น มีสายตาอีกคู่หนึ่งจ้องมองพวกเขาอยู่ไม่ละสายตา ดวงตาคมกริบดั่งมืดแหลมๆที่เตรียมจ่อคอสองพ่อลูก ทุกการ
กระทำ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนถูกจับจ้องโดยฟินซ์ที่นั่งมองอยู่ในรถบีเอ็มสีขาวรุ่นใหม่ และเขาไม่เข้าใจทำไมศัตรูของเขาถึงได้มาทำงานพร้อมกับผู้หญิงคนนี้
เขาเดินลงจากรถโดยทิ้งระยะห่าง จากนั้นก็นำบัตรพนักงานที่ห้อยคอนั้นยกขึ้นแสกนผ่านเครื่อง
ญาตาลดาและเศรษฐาเดินเข้ามาโดยมีพนักงานที่เดินสวนไปมายกมือทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"สวัสดีค่ะคุณยาหยี สวัสดีค่ะท่านประทาน"เลขาคนสวยเอ่ยทักทายทั้งคู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
"สวัสดีค่ะพี่กระต่าย ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ค่ะหยีไม่ถือหรอก เรียกยาหยีเฉยๆก็ได้ค่ะ"
ญาตาลดากล่าวอย่างไม่ถือตัว พร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้หล่อน
"อุ้ย ไม่ได้หรอกค่ะ ลูกสาวท่านประทานจะให้เรียกยาหยีเฉยๆคงไม่เหมาะหรอกค่ะ"กระต่ายเลขาคนสวยกล่าวอีกครั้งอย่างนอบน้อม
แต่เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวของเขางั้นหรอ ฟินซ์คิดในใจ กองไฟในอกเริ่มสุมกองใหญ่ขึ้น แววตาคมที่ตอนนี้มีแต่ความแค้น เมื่อได้ยินเลขาสาวคนนั้นพูด ดี! จะได้ใช้เธอนี่แหละเป็นเครื่องมือแก้แค้น เอาให้สาสมกับสิ่งที่ทำกับครอบครัวของเขา ไม่ต้องใช้ชีวิตมาแลกแต่ต้องตายทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ 'ยาหยี'
"หึ!"เขาแค่นหัวเราะในลำคอ
"อ้าวคุณฟินซ์ สวัสดีนะคะวันนี้ทำงานวันแรก มีอะไรให้ริตาช่วยบอกได้เลยนะคะ"เสียงแหลมๆเอ่ยขึ้นข้างหลัง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เขาเป็นคนสัมภาษณ์เองนั้นยืนอยู่คนเดียว แหมคงจะงงล่ะสิว่าต้องทำอะไรบ้าง มาเดี๋ยวจะช่วยนำทาง เธอคิด
"ครับ ไม่ทราบว่าแผนกเครื่องยนต์ไปทางไหนครับ"เขากล่าวด้วยเสียงนิ่งๆ
"อ้อ มาค่ะตามริตามาเลย เดี๋ยวริตาไปส่งนะคะ หัวหน้าแผนกชื่อพี่นที เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็น่าจะมาแล้วรายนั้นเป๊ะ เนี๊ยบมากๆเลยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พี่นทีใจดี ริตามั่นใจว่าคุณฟินซ์ต้องเข้ากับพี่นทีได้แน่ๆ"ริตาเอ่ยยืดยาว แต่ฟินซ์นั้นไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลย ได้แต่เดินตามมาเงียบๆ ไม่รู้จะพล่ามอะไรนักหนา น่ารำคาญชะมัด เขาคิด
เขามาที่นี่ไม่ได้เข้ามาเพื่อทำความรู้จักใคร เพราะทุกอย่างที่เป็นที่นี่เขาเกลียดทั้งนั้น บางทีอาจจะเพราะบริษัทนี่ด้วยซ้ำที่ทำให้ใครๆต่างก็ยื้อแย่งกันจนต้องคร่าชีวิตและครอบครัวของเขาไป เขาเกลียดสายตานั่น เกลียดเขา อยากจะเอาปืนจ่อแล้วยิงทิ้งให้สิ้นซาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอเวลา รอจังหวะเหมาะๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นความจริง
"..."
"ห้องทำงานของริตาอยู่ทางนี้หากมีอะไรเรียกริตาได้ตลอดเลยนะคะ"เธอกล่าว แต่ฟินซ์นั้นกลับเดินเข้าแผนกของตนโดยไม่สนใจคนที่เอาแต่พูดจาไร้สาระอยู่ตรงนั้น
พักกลางวัน...
"ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าตรงนี้มีใครนั่งหรือยังคะ"เสียงใสๆเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารกลางวันในศูนย์อาหารของพนักงานในบริษัท
ฟินซ์เงยหน้ามองก็พบว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้นยืนยิ้มรอคำตอบจากเขาอยู่
"ครับ"เขาตอบด้วยเสียงนิ่งๆ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อ
"งั้น...เอ่อ...ฉันขอนั่งด้วยคนนะคะ"เธอยังคงกล่าวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"ครับ"
"คนอะไรพูดเพราะจัง ครับๆๆๆ"ญาตาลดาบ่นเบาๆจากนั้นก็ตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ฟินซ์ปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าเบาๆ นี่เธอไม่คิดจะถือตัวกับพนักงานหน่อยหรอ เขาคิดอย่างชั่งใจ "คุณทำงานแผนกไหนหรอ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย พนักงานใหม่หรอคะ"นี่ทำไมเธอถึงได้พูดมากถามเยอะแบบนี้นะ พนักงานที่นี่ก็เหมือนกัน พูดน้ำไหลไฟดับกันทุกคนเลยหรือไง ฟินซ์กล่าวในใจ
"รองหัวหน้าเครื่องยนต์ครับ"แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตอบเธอออกไปเสียงเรียบ
"ฉันทำฝ่ายออกแบบนะคะ อาจจะต้องได้ร่วมงานกันเร็วๆนี้ อืมม...ว่าแต่คุณชื่ออะไรคะ"
"ฟินซ์ ไรเดอร์"
"เป็นฝรั่งหรอ ทำไมคุณหน้าไม่เหมือนฝรั่งเลย"นี่จะขี้สงสัยไปไหนเนี้ย ฟินซ์ขมวดคิ้วเล็กๆกับความขี้สงสัยช่างถามของเธอ
"ได้แม่น่ะ"
"อ้อ...ฉันยาหยีนะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณฟินซ์"เธอยื่นมือรอจับมือพร้อมกับส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสนสดใสแต่กลับซุกซนมาให้เขา
เหมือนต้องมนต์สะกดอีกแล้ว แต่แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น เพราะเมื่อความแค้นมันคอยตอกย้ำในใจแววตาที่เกือบจะคล้อยตามร่างบางก็ถูกแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันนั้นแทน
ตอนแรกเขากะจะหักหน้าเธอด้วยการเมิน หากแต่ว่าอีกความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาแทนที่ ไหนๆก็จะใช้เธอเป็นเครื่องมือ ทำไมเขาไม่ตีสนิทเธอล่ะ คิดได้ดังนั้นเขาก็ยื่นไปจับมือกับญาตาลดาทันทีพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างกับเสือที่จ้องจะตะครุบกระต่ายน้อยสุดแสนจะน่ารัก แล้วจะได้เห็นดีกัน 'ยาหยี'