ตอนที่ 2 กลัว

1395 Words
@ประเทศไทย เครื่องบินเที่ยวบินเช้าสุดลงมาจอดได้ไม่นาน ร่างบางในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเจิดจรัสตาก็เดินออกมาหน้าทางออก เด่นจนไม่ต้องมองหาให้ยากเลย! “ไฮ เป็นไงคะ ไปดูงานหรือไปดูอะไรมาเอ่ย” ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิฟสติ้กสีแดงสดคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ เมื่อเห็นหน้าคนที่เดินเข้ามาใกล้ที่ค่อนข้างจะอิดโรย เจ้าของคำถามก็พอจะรู้คำตอบอยู่เเล้ว “ทำไมออกมารับเอง ให้คนอื่นมารับก็ได้ มันอันตรายนะ” คนที่นั่งตำแหน่งคนขับเบ้ปากเล็กน้อย ที่ทุกวันนี้ตัวเองเหมือนคนทำอะไรไม่เป็นขึ้นไปทุกที “บ่นจัง ฉันลูกสองแล้วนะ” “วันนี้ไปส่องผู้ชายในใจมากี่รอบแล้วล่ะ” คนที่โดนกล่าวหาว่าเป็นโรคจิตชอบแอบส่องผู้ชาย เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาเมื่อสมองคิดไปถึงรูปภาพที่เธอได้อภิสิทธิ์ที่สูงส่ง จึงได้มันมา “ฉันว่า…เราสองคนไปเที่ยวกันดีไหม ดูเธอเครียดๆนะงานหนักหรือป่าว” “ใช่สิ ก็เจ้าของนั่งทำงานอยู่แต่บ้าน พนักงานคิดว่าเลขาอย่างฉันเป็นเจ้าของบริษัทแทนแกแล้ว” คนที่โดนเพื่อนสาวพวงด้วยตำแหน่งเลขาต่อว่าให้สายหัวไปมาอย่างไม่คิดอะไร แต่ความจริงยังไงมันก็คือความจริง ฉันจะหลบซ่อนไปเบบนี้มันก็ไม่ถูก จริงๆนั้นเเหละ “อ๋อ มีข่าวดีมาบอกเจ้านายด้วยค่ะ อยากรู้ไหม?” “ถ้าบริษัทในเครือรัสเตร มาขอร่วมหุ้นด้วยฉันจะดีใจมาก” คนที่โดนพูดแทรกถึงกับเอี้ยวหน้ามามองเพื่อนตัวเองด้วยแววตาตกตลึง “หวังให้เป็นอย่างนั้นหรอ? ไม่ใช่หลบหน้าหลบตาพวกเขาหรือไง?” นิ้วเรียวยาวเคาะบนพวกมาลัยอยู่อย่างนั้นอย่างใช้ความคิด เธอหลบหนีความจริงมาเกือบสองปีแล้ว แต่ถ้าเธอหลบเขานานกว่านี้เขาคงลืมฉันไปจริงๆ มันคงจะถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปทบทวนความทรงจำให้เขาสักหน่อยแล้ว “ฉันหลบมาพักใจนานแล้ว ถึงคราวที่ฉันต้องกลับไปทวงพ่อของลูกฉันคืนแล้ว” “วาน่า แกพูดจริงหรือเล่น?”คนที่ได้ยินประโยคนั้นถึงกับยกมือกุมหน้าอก ไม่คิดว่าจะมีวันนี้เลย ก็เจ้านายเธอเล่นห่างหายไปจากสังคมเกือบสองปีเต็ม เธอทนเหนื่อยทนลำบากไม่บากหน้ากลับไปขอความช่วยเหลือจากผู้ชายคนนั้นเลย เธอยอมเหนื่อยทุกอย่างเพื่อมองเขาอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ มีข่าวสารอะไรก็จะแอบส่งข้อมูลให้เขาคนนั้นโดยใช้ชื่อปลอม จนเขาหวุดหวิดจากการถูกลอบสังหารมาหลายครั้ง ในใจเธอคงกลัวความจริงต่างหาก ความจริงที่ต้องเผชิญ แต่วันนี้เธอคงพร้อมแล้ว “บริษัทในเครือลูกที่เขาพึ่งเปิดใหม่ ขอร่วมหุ้นกับบริษัทใหญ่ WN GROPค่ะ” เอี้ยดดดด!! “ว้ายย!! แกเบรคทำไมเนี้ย”คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เจอเหยียบอยู่ที่ร้อยกว่าแต่ดันเบรคเอาจนรถล้อลาก ทำให้เฉียวจิ้งถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง “แกว่าอะไรนะ! จะ..จริงหรอ” “อืม แต่ก่อนอื่นออกรถเถอะ ก่อนที่คนอื่นจะลงมาด่าแก” เฉียวจิ้งเริ่มหายใจทั่วท้องเมื่อคนที่นั่งตำแหน่งคนขับออกรถไปเป็นปกติ แต่เหมือนเธอตกอยู่ในห้วงความคิดเรียบร้อยแล้ว อยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยเธอกับหลานยังไงดี “ฉันควรไปเจอเขาได้แล้ว” เฉียวจิ้งมองเสี้ยวใบหน้ารูปไข่ที่พูดขึ้นมาลอยๆ เธออยากบอกว่า ใช่! แกควรทำตามใจตัวเอง ไม่ต้องห่วงใครแล้ว แกยอม แกทนมามากพอแล้ว แกควรทำตามความรู้สึกตัวเองได้แล้ว แกควรมีความสุขสักที รถเก๋งวิ่งมาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังโต ที่สองปีมานี้เจ้าของมันได้ต่อเติมไปมากแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลาของมันเสมอ รวมถึงนิสัยใจคอคนด้วยเช่นกัน การเป็นผู้ใหญ่ และเป็นผู้นำนั้น มันไม่ง่ายเลย ไม่เลยจริงๆ “เด็กๆดื้อกันไหมคะ?”เสียงใสที่ดังเข้ามาตั้งแต่ทางเข้า ทำให้สองบอดี้การ์ดที่มองยังไงก็ไม่น่าจะมาอุ้มเด็กป้อนนมได้ นั้นทำให้ฉันมองทีไรก็อยากจะขำออกมา แต่นั้นก็เกรงใจอยู่ สวัสดีค่ะ ทุกคนคงจะรู้จักฉันเป็นอย่างดีแล้ว คงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรมากนัก เพราะวาน่าคนนี้ก็เป็นคนเดิม เพียงแต่อาจมีบางสิ่งบางอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว คนที่อยู่บนความเสียใจ ความลำบาก ต้องยืนด้วยลำขาตัวเอง นิสัยใจคอย่อมไม่เหมือนเดิมแน่นอน และอย่างที่ทุกคนทราบดี ฉันมีลูกแล้วซึ่งเป็นลูกฉันกับเขาคนนั้น คนที่ลืมฉันไปแล้ว… ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆระหว่างเกือบสองปีมานี้ที่ยอมยอมเหนื่อยเลี้ยงลูกแฝดมาคนเดียว เพียงเพราะว่ารอเวลาที่ฉันต้องไปทวงความยุติธรรมของฉันกับเขาคนนั้นคืน กล้าดียังไงมาลบฉันออกจากสมองเขา คอยดูเถอะ จะทำให้ไม่กล้าลืมฉันคนนี้อีกเลย รัสเตร! “กินแล้วก็นอนครับ ไม่ดื้อเลย” ฉันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปหาสองแฝดที่นอนดูดจุกอยู่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู เขาชั่งเหมือนพ่อไม่มีผิด เหมือนจนฉันไม่อยากจะคิดว่าฉันพาเขาออกสังคมแล้ว คนต้องรู้ในทันทีว่านี้คือลูกของใคร คงมีเพียงเจ้าตัวเขานั้นแหละ ที่จะรู้บ้างไหม ว่าเขามีลูกชายที่น่ารักขนาดนี้... ตั้งสองคน เรดิซั่น เรดิเอก้า เด็กแฝดที่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งบ้านต่างไม่อยากออกไปไหนไกล เพราะความน่ารักน่าเอ็นดู เหมือนกับฉันที่มองหน้าลูกเมื่อไหร่ก็มีแรงก้าวเดินต่อ ขอแค่ลูกเธอทั้งสองปลอดภัย เธอก็ไม่ต้องกลัวอะไรในชีวิตนี้อีกแล้ว และยังมีหนุ่มน้อยวัยใสที่กลับไปเรียนที่จีนกับนายท่านได้ปีหนึ่งแล้ว นานๆครั้ง ถึงจะกลับมาที่ไทย แต่เรื่องที่ฉันท้องคงมีแต่คนในคฤหาสน์เท่านั้นที่รู้ เพราะฉันไม่บอกใครเพื่อความปลอดภัยของฉันและคนในครอบครัวเอง “หน้าเหมือนพ่อจัง แกไม่มีน้ำยาเลยนะ”ฉันหันไปมองมารดาที่กำลังอุ้มหลานขึ้นมาแล้วหยอกล้อ นั้นสิ! เหมือนเขาขนาดนี้ นี้คงเป็นอีกอย่างที่ทำให้ฉันคลายความเหงาและอาการคิดถึงเขาลงได้บ้าง เพราะมองหน้าลูกก็เหมือนกำลังมองหน้าเขาอยู่ไม่มีผิด “ความดีไงค่ะ ที่ได้หนูไป” “ใครบอก! อย่าเอานิสัยชอบเที่ยวมาโปรยให้หลานฉันนะ” “ลูกหนูนะแม่!” “แต่หลานฉัน” “หนูจะไปตามพ่อเด็กกลับมาแล้ว แม่จะได้ไม่เหนื่อย” “กล้าบินไปเมืองนั้นก่อน ค่อยมาพูด” “โถ่ หนูไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้นสักหน่อย” “ที่หลบๆซ่อนๆ ปิดหน้าปิดตาแอบไปมองเขาห่างๆนี้คืออะไร” “เขาเรียกว่า รอเวลาและโอกาศที่เหมาะสมต่างหาก” “จ้ะ เชิญรอต่อไป ถ้าฉันเป็นผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมปล่อยเจ้าสัวให้หลุดมือแน่ หล่อ รวยขนาดนั้น ฉันจะปล่อยท้องเลย” “ไม่มีวัน เขาจะต้องจำหนูให้ได้ แม่เตรียมเลี้ยงหลานอีกคนเถอะ” “สองคนนี้จะโตไหม ถ้าไม่ได้พ่อเด็กกลับมา” “โอ้ยแม่ค่ะ หนูไม่พูดกับแม่แล้วไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะคะ จะบินไปหาสามี” “จองตั๋วให้เธอด้วยนะคะคุณไรเฟิล” บอดี้การ์ดประจำตัวของหญิงสาวต่างยิ้มขบขัน เพราะประโยคพวกนี้มักจะได้ยินประจำ แต่เธอก็ไม่ยอมไปสักที ไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่อาจจะไม่กล้าไปพบหน้าพ่อของลูกก็ได้ ก็เธอเล่นหายมานานขนาดนี้…..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD