พระสนมคนใหม่ 1.1

2445 Words
วันรุ่งขึ้น พระสนมจางม่านอวี้รีบลุกเดินออกไปหน้าตำหนักเหมยกุ้ย ตำหนักใหม่ที่นางย้ายมาอยู่หลังจากถูกแต่งตั้งให้เป็นพระสนม เมื่อรู้จากหลินหลินว่า พระสนมมู่เซียนเสด็จมาเยือนตำหนัก เป็นเรื่องที่นางไม่เคยคิดมาก่อน เนื่องจากแผนการที่ตนวางไว้คือ ตนจะเป็นฝ่ายไปหาพระสนมมู่เซียนเอง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาตน แผนการเดิมก็ยังมิเปลี่ยนแปลง “หม่อมฉันคิดไม่ถึงว่า พระสนมจะมาหาหม่อมฉันที่นี่เพคะ หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่ได้รับเกียรติจากพระสนม” จางม่านอวี้พูดขึ้น เมื่อเข้ามานั่งในห้องตามลำพัง “ข้าก็ไม่คิดว่า พระสนมคนใหม่จะเป็นเจ้า บังเอิญเหลือเกินนะ” พระสนมมู่เซียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางไม่เคยเชื่อเรื่องความบังเอิญมาก่อน แต่พอเจอกับตัวเอง นางจำต้องเชื่อมู่เซียนเข้าใจคำพูดจางม่านอวี้ในวันนั้นแล้วว่า ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงการแต่งตั้งพระสนมเมื่อวานนี้ได้ พิธีแต่งตั้งพระสนมคนใหม่เมื่อวานนี้ ทำให้ดวงหน้าจางม่านอวี้มีแต่ความเศร้าเป็นความเศร้าเหมือนในวันแรกที่ได้เจอ ไร้รอยยิ้ม บอกให้นางรู้ว่า สตรีตรงหน้าไม่ปรารถนาอยู่ในตำแหน่งนี้จริงๆ มู่เซียนสงสารจางม่านอวี้มาก ความสงสารเพิ่มมากขึ้นเมื่อรู้ว่า เมื่อคืนนี้ฮ่องเต้จูหมิงไม่ได้เสด็จไปหาพระสนมคนใหม่ แต่พระองค์กลับมาหาตนและอยู่กับตนทั้งคืน แล้วยังสั่งห้ามไม่ให้นางพูดถึงจางม่านอวี้ด้วย เพราะนึกถึงใบหน้าสนมคนใหม่ทีไร ฮ่องเต้จูหมิงมีทีท่าหงุดหงิด ไม่พอใจ มู่เซียนจึงหยุดซักถาม เอาอกเอาใจฮ่องเต้ให้คลายอารมณ์ขุ่นมัว “หม่อมฉันก็เช่นกันเพคะไม่คิดว่า คนที่หม่อมฉันช่วยจะเป็นถึงพระสนม” “ข้าถึงถามเจ้าไงว่า ให้เจ้าบอกเรื่องเจ้าเป็นทุกข์ แต่ข้ารู้แล้วว่าทำมัยเจ้าถึงทุกข์ ถึงข้ารู้ก็ช่วยเจ้าไม่ได้ เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว” พระสนมมู่เซียนพูดขณะมองหน้าจางม่านอวี้ หญิงสาวที่นางรู้สึกถูกชะตามาก ถึงแม้ว่า อีกฝ่ายจะเป็นหนึ่งในพระสนมของฮ่องเต้ ที่ถือว่าเป็นศัตรูหัวใจของนาง เพราะมู่เซียนไม่ต้องการให้ฮ่องเต้รักและโปรดปรานใครมากไปกว่าตน ทว่าจางม่านอวี้เป็นเพียงคนเดียวที่มู่เซียนไม่คิดว่าเป็นศัตรู เนื่องจากนางมั่นใจว่า จางม่านอวี้จะเป็นพระสนมที่ไม่ต้องการ เหมือนกับพระสนมและนางในรับใช้อีกหลายสิบคนที่ถูกทิ้งให้เดียวดาย ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากฮ่องเต้จูหมิง “เพคะ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะไม่เต็มใจกับตำแหน่งนี้ แต่หม่อมฉันก็ไม่มีทางเลือกเพคะ” “ข้าเข้าใจเจ้า เพราะข้าเองก็เคยรู้สึกแบบเดียวกับเจ้า ข้าถูกส่งตัวมาเป็นพระสนมก็ด้วยเหตุผลเรื่องความอยู่แล้วของแคว้น คงเหมือนเจ้าที่มาอยู่ที่นี่เพื่อเสริมกำลังขาให้พ่อของเจ้า” มู่เซียนเข้าใจเหตุผลตามเรื่องราวที่ได้รับรู้มา “เจ้าพอรู้ใช่ไหมว่า ฮ่องเต้โปรดหญิงงาม ในขณะที่เจ้าไม่อยู่ในสายตา” “หม่อมฉันรู้เพคะ หม่อมฉันรู้ตัวเพคะว่าไม่มีความงามมากพอจะมัดใจฮ่องเต้ หม่อมฉันไม่เสียใจเพคะ เพราะจุดมุ่งหมายของหม่อมฉันที่มารับตำแหน่งนี้ ไม่ใช่อยากเป็นที่รักหรือที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หม่อมฉันทำเพื่อท่านพ่อเพคะ” “ถึวอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าต้องรู้ไว้ว่า การไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ถึงจะมีตำแหน่งให้คนเคารพ แต่ก็เหมือนอยู่ตามลำพัง” มู่เซียนรู้เรื่องนี้ดี “ในเมื่อหม่อมฉันรู้ว่าจะไม่เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ หม่อมฉันก็เตรียมตัวเตรียมใจเรื่องนี้แล้วเพคะ หม่อมฉันถึงให้หลินหลินมาอยู่กับข้าที่นี่ด้วย ในวังหลวงหม่อมฉันไม่รู้จักใคร ไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู ไม่รู้ว่าใครตั้งแง่ไม่พอใจหม่อมฉันหรือไม่ แต่อย่างน้อยหม่อมฉันก็อุ่นใจที่มีหลินหลินเป็นเพื่อนเพคะ และมีพิณคอยขับไล่ความเหงาเพคะ” “ถ้าเจ้าเหงา อยากหาเพื่อนคุย ไปหาข้าได้ที่ตำหนักนะ ข้ายินดีต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ” ยิ่งได้พูดคุยกับจางม่านอวี้มู่เซียนยิ่งรู้สึกถูกชะตา จากคำพูดของสนมคนใหม่ บอกให้นางรู้ว่า จางม่านอวี้อยากอยู่ในวังแบบสงบ ไม่อยากแก่งแย่งชิงดีกับใครให้ปวดหัวและเปลืองสมองในการคิดกำจัดศัตรู ต่างกับนางที่ต้องขยายอำนาจให้แข็งแกร่ง เพื่อให้ขาของตัวเองมั่นคงมากที่สุด เพื่อให้องค์ชายและองค์หญิง อยู่ในวังได้อย่างสง่างาม รวมถึงได้ครองบัลลังก์ในอนาคต ในขณะเดียวกัน นางก็ต้องทำหน้าที่ลูกสาวแคว้นเชียงซี่ ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้แคว้นของตนถูกระราน “ขอบพระทัยพระสนมมากเพคะที่เมตตาหม่อมฉัน หม่อมฉันถือว่าเป็นคนใหม่ของที่นี่ ยังไม่รู้อะไรมากนัก คงต้องรบกวนให้พระสนมคอยสั่งสอนและชี้นำเพคะ” จางม่านอวี้ถ่อมตัว “ได้สิ ข้ายินดี” “หม่อมฉันไม่มีอะไรตอบแทนพระสนม จะมีเพียงแค่เสียงพิณที่จะตอบแทนน้ำใจของพระสนมได้ ยามค่ำหม่อมฉันจะไปดีดพิณให้ฟังดีไหมเพคะ” จางม่านอวี้เข้าแผนตีสนิท “ได้สิ เสียงพิณของเจ้าไพเราะยิ่งนัก ถ้าได้ฟังก่อนเข้านอน ข้าคงหลับฝันดี” มู่เซียนอนุญาต “เพคะพระสนม” การสนทนาของสองพระสนมดำเนินต่อไปชั่วครู่ พระสนมมู่เซียนจึงเดินออกจากตำหนักเหมยกุ้ย มุ่งหน้ากับตำหนักของตน เนื่องจากนางนัดหมายเสนาบดีซางเชียนไว้ คล้อยหลังพระสนมมู่เซียนเสด็จพ้นตำหนัก หลินหลินได้เข้ามาในห้องเจ้านายสาวทันที “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะพระสนม” หลินหลินถาม จางม่านอวี้หน้าตึงเมื่อสาวใช้คนสนิทเรียกตำแหน่งที่ตนไม่ต้องการ “ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูตามเดิมไง ขัดคำสั่งอยู่เรื่อย” จางม่านอวี้ดุ “ข้อน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” “ค่ำนี้ข้าจะไปเล่นพิณให้พระสนมมู่เซียนฟัง เจ้าให้ฮุ้ยเจี้ยนไปส่งข่าวบอกจิวฮองเฮาว่า ช่วงนี้ข้าจะไม่ติดต่อกับนาง รอจนกว่าข้ามั่นใจว่า พระสนมมู่เซียนตกหลุมพรางข้าจริงๆ แล้วข้าจะส่งข่าวให้รู้” “เจ้าค่ะคุณหนู” หลินหลินรับคำสั่ง “คุณหนูเจ้าคะ ข้ารู้จากนางกำนัลรับใช้ว่า ในครัวมีปลาสดๆ มาตั้งหลายตัว ท่านอยากทานไหมเจ้าค่ะ ข้าจะได้ไปเอามาทำให้คุณหนูทาน” “อืม กินสิ ข้าอยากกิน” “เจ้าค่ะ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” หลินหลินก้าวเดินออกจากห้อง จางม่านอวี้ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สมองของนางกำลังครุ่นคิดแผนที่จะทำให้มู่เซียนไว้ใจและเชื่อใจตนมากกว่านี้ ................................. หลินหลินเดินถือถาดไม้มายังห้องครัวส่วนกลางที่อยู่ห่างจากตำหนักเหมยกุ้ยพอสมควร นางเดินถือตะกร้าอุปกรณ์ที่จะนำไปใส่ปลาสด พอมาถึงห้องครัวนางก็พบว่า มีนางกำนัลรับใช้ในตำหนักต่างๆ มาขอปลาสดกันหลายคน นางใช้ความว่องไวเดินเร็วไปยังกระบะปลา รีบเลือกปลาที่สวยและสดที่สุดใส่ตะกร้า ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวกลับตำหนักเจ้านาย เส้นทางที่หลินหลินเดินกลับตำหนักเหมยกุ้ย ต้องผ่านสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้นานาพันธุ์ปลูกอยู่เต็มพื้นที่ ออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอม นางไม่ได้สนใจสวนแห่งนี้สักเท่าไหร่ เพราะตั้งใจเดินกลับตำหนักเพื่อทำอาหารให้จางม่านอวี้รับประทาน ทว่าบุรุษคนหนึ่งที่กำลังยืนชมความงามของดอกไม้อยู่นั้น พุ่งเป้าสนใจหลินหลิน เขาเพ่งมองหลินหลินที่กำลังเดินผ่านสวนดอกไม้ เพื่อให้แน่ใจว่า นางคือสาวใช้ของสตรีที่ตนชื่นชอบหรือไม่ และเมื่อแน่ใจแล้วว่าใช่ เขารีบสาวเท้าเดินไปดักหน้านางทันที พร้อมกับคำถามในใจว่า นางมาอยู่ในวังชั้นในได้อย่างไร หลินหลินตกใจเมื่อเห็นว่ามีชายร่างสูงใหญ่มาดักหน้า นางเงยหน้ามองชายคนนั้นที่จำได้ว่า เขาเป็นพ่อค้านำสินค้าไปค้าขายในเมืองหลานหยู “ท่านนี่เอง ท่านมาค้าขายในวังหลวงหรือ” หลินหลินทักทาย ยิ้มให้ชายตรงหน้า โดยไม่ได้สังเกตว่า มีข้าทาสบริพารยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก “ใช่ ค้ามาส่งสินค้า แล้วเจ้าล่ะมาทำอะไรที่นี่” องค์รัชทายาทไม่บอกสถานะที่แท้จริงให้หลินหลินรู้ ให้นางเข้าใจตามนั้น “มาส่งสินค้าอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ที่นี่เป็นวังหลัง ไม่ให้ผู้ชายเข้านอกออกในได้ตามอำเภอใจ ยิ่งท่านเป็นพ่อค้า ยิ่งไม่น่าเข้ามาที่นี่ได้นะ” หลินหลินตั้งข้อสงสัย นางอาจไม่รู้กฎของวังหลวงมากนัก แต่เรื่องที่ผู้ชายจะเข้ามาในวังชั้นในได้นั้น ชายคนนั้นต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน และไม่น่ามาเดินเล่นในสวนดอกไม้ได้ง่ายๆ เช่นนี้ “องค์รัชทายาทให้ข้าเข้าเฝ้าน่ะ ข้าเลยมาอยู่ที่นี่ได้ไงล่ะ แล้วข้าก็ไม่ได้เดินคนเดียวนะ องค์รัชทายาทให้คนของพระองค์เดินตามข้ามาด้วย เผื่อข้าทำอะไรไม่เหมาะสม ต้ากงกงจะได้ห้ามปรามทัน” องค์รัชทายาทแก้ตัวได้อย่างแนบเนียน“นี่ไง ข้ามีป้ายขององค์รัชทายาทด้วย ถ้าทหารถามข้า ข้าก็แค่ชูป้ายนี้ พวกเขาก็จะรู้ว่า องค์รัชทายาทให้ข้าเข้าเฝ้า” พร้อมกับหยิบป้ายทรงกลมที่มีอักษรชื่อองค์รัชทายาทไว้ตรงกลางให้หลินหลินดู “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยว่า เจ้ามาทำอะไรที่นี่” “ข้าตามมารับใช้คุณหนู ท่านคงไม่รู้ว่า ตอนนี้คุณหนูของข้าได้เป็นพระสนมของฮ่องเต้ เพิ่งแต่งตั้งเมื่อวานนี้เอง” เป็นคำตอบที่เรียกความตกใจและแปลกใจให้องค์รัชทายาทในคราวเดียว เขาไม่คิดว่า หญิงสาวที่ตนเองมีความรู้สึกดีๆ ให้ และตั้งใจว่าเสร็จงานที่กำลังทำอยู่ เขาจะเดินทางไปเมืองหลานหยูอีกครั้งเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ ทว่าความตั้งใจเขาชะงักกับคำตอบนี้ “หา! เจ้าพูดจริงหรือ เจ้าไม่ได้หลอกข้านะ” “เรื่องแบบนี้พูดเล่นได้ที่ไหน แล้วถ้าคุณหนูของข้าไม่ได้เข้ามาอยู่ในวัง ข้าจะยืนคุยกับท่านได้ยังไง” หลินหลินตอบกลับ “ว่าแต่ท่านเถอะ มาส่งสินค้าในวังหลวงต้องแต่งตัวดีอย่างนี้เชียวหรือ ชุดที่ท่านใส่เป็นผ้าเนื้อดี ถ้าข้ามองไม่ผิด เป็นผ้าแพรจากเมืองหลานหยูนะ ผ้าแพรชนิดนี้ถูกนำเข้ามาในวังเพื่อตัดให้ราชวงศ์สวมใส่ แล้วท่านได้ผ้าแพรนี้มาจากไหน” หลินหลินไม่พูดเปล่า เพื่อความแน่ใจ นางยกแขนองค์รัชทายาทขึ้นสูง มองดูในระยะใกล้ และจับเนื้อผ้าตรวจดูว่าตนไม่ได้เข้าใจผิด ต้ากงกงเมื่อเห็นว่า หลินหลินกระทำเช่นนั้นก็จะเข้ามาห้าม ทว่าองค์รัชทายาทหันมาห้ามทางสายตาเสียก่อน ต้ากงกงจึงถอยเดินกลับไปยืนที่เดิม “องค์รัชทายาทให้ข้ามา” องค์รัชทายาทตอบ “องค์รัชทายาทคงเห็นว่า ข้ามาส่งของในวังแต่แต่งตัวไม่สมกับสถานที่ ก็เลยประทานผ้าแพรให้ข้า” “องค์รัชทายาทใจดีจัง ไม่เพียงแค่ให้ผ้าแพรท่าน ยังให้ไหมทองคำเจ้าอีก ข้าได้ยินมาว่า ไหมทองคำที่ปักอยู่บนเสื้อผ้า มีเพียงฮ่องเต้ ฮองเฮา ไทเฮาและองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สวมใส่ แถมลวดลายก็เป็นรูปมังกรด้วย ข้าว่าท่านอย่าใส่ชุดนี้มาเดินเพ่นพ่านในวังดีกว่านะ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดหาว่าท่านหมิ่นเบื้องสูง ทำตัวเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ โทษหนักเชียวนะ” นางกล่าวเตือนด้วยความหวังดี ใช้นิ้วมือลูบตรงไหมทองรูปมังกรที่ปักอยู่กลางอกองค์รัชทายาท “ไหมทองชนิดนี้เป็นไหมทองที่ดีที่สุดของเมืองหลานหยูด้วย ข้าว่าคราวหน้าท่านอย่าใส่ชุดแบบนี้ดีกว่านะ ข้ากลัวว่าหากทหารมาเห็นท่านใส่ชุดนี้ ท่านจะโดนจับเข้าคุก” “เจ้านี่รู้มากจริงนะ แค่จับก็รู้ว่า เป็นผ้าแบบไหน” เขาทึ่งในความสามารถของหลินหลิน ที่เพียงแค่มองและจับดูก็รู้ว่าเป็นผ้าแพรชนิดใด องค์รัชทายาทยิ้มกับความเป็นห่วงที่นางมีต่อตน  “ข้าเก่งไงล่ะ” หลินหลินยิ้มขณะพูด “ข้าไปก่อนนะ ข้าต้องไปทำอาหารให้คุณหนูทาน” “ข้าไปกินอาหารกับคุณหนูของเจ้าได้หรือไม่ ข้าอยากคุยกับคุณหนูของเจ้า แล้วก็อยากกินอาหารฝีมือเจ้าด้วย” “ข้าตอบท่านไม่ได้หรอกว่า ท่านจะไปกินอาหารกับคุณหนูของข้าได้หรือไม่ เพราะคนที่จะอนุญาตคือคุณหนูซึ่งตอนนี้เป็นถึงพระสนม ท่านจะวิ่งมาดักหน้าพูดคุยด้วยไม่ได้ แต่ถ้าท่านหิว ท่านไปกินอาหารในครัวกับข้าก็ได้นะ ข้าจะตักแบ่งไว้ให้ท่านกิน” “ก็ได้ ข้าไปกินกับเจ้าในครัวก็ได้” องค์รัชทายาทรู้สึกประหลาดขึ้นในอุรา ทำให้เขาลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะหนึ่งที่รู้ว่า จางม่านอวี้เป็นพระสนมของบิดา “อีกหนึ่งชั่วยามท่านค่อยไปหาข้าที่ตำหนักเหมยกุ้ยนะ ตำหนักนั้นอยู่ทางโน้น” “ได้ แล้วข้าจะไปนะ” “ข้าไปก่อนนะ” หลินหลินเดินต่อไปทันทีที่พูดจบ องค์รัชทายาทหันมามองนางกำนัลรับใช้จอมพูดมากด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินชมสวนดอกไม้ต่อไป ในขณะที่องค์รัชทายาทกำลังพูดคุยกับหลินหลินอยู่นั้น ทั้งคู่อยู่ในสายตาของพระชายาเป่ยหลิงที่กำลังเดินมาหาพระสวามี เป่ยหลิงไม่เคยเห็นรอยยิ้มขององค์รัชทายาทแบบนี้มาก่อน แม้แต่กับนาง เขายังไม่เคยแย้มพระสรวลให้ มีเพียงรอยยิ้มบางๆ เท่านั้นที่ดูก็รู้ว่าฝืนทำ เป่ยหลิงอดสงสัยไม่ได้ว่า นางกำนัลรับใช้คนนั้นคือใคร เหตุใดจึงยืนพูดคุยกับองค์รัชทายาทด้วยท่าทางสนิทสนมเช่นนี้ และเมื่อเห็นว่า หลินหลินเดินห่างพระสวามีของตนแล้ว นางจึงเดินไปหาองค์รัชทายาท แต่ก็ไม่ได้ถามเขาว่า หญิงสาวคนนั้นคือใคร นางเก็บความอยากรู้เพียงแค่ในใจ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD