ตอนที่ 1

1368 Words
โด่งดัง การบัญชีและทนายความ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ นางสาวพิมนรา ใจสู้ นักบัญชีสาวไฟแรงที่เพิ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองไทยมาได้เพียงแค่หกเดือนเท่านั้น          “น้องพิม...ลงบัญชีบิลค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ เฮียอ๋าเสร็จหรือยัง”          พิมนราที่กำลังก้มหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลอยู่เงยหน้าขึ้นทันที “ได้ค่ะพี่ดา แป๊บนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นแล้วรีบหยิบเอกสารให้กับดาริกาหัวหน้าของตัวเอง          “ขอบใจมากจ้ะ นี่ถ้าไม่มีน้องพิมพี่คงยุ่งมากกว่านี้แน่”          หล่อนยิ้มหน้าเจื่อนให้กับดาริกา อยากจะบอกออกไปเหมือนกันว่าหล่อนเองก็งานยุ่งจนหัวฟู วันๆ แทบไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน          “พิมว่าถ้าพี่ดารับพนักงานเพิ่มอีกสักคนสองคน พี่ดาก็น่าจะไม่ยุ่งขนาดนี้นะคะ”          ดาริกาส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่เอาหรอก จ้างมาอีกก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มน่ะสิ พี่กับน้องพิมก็ทำกันมาได้ตั้งหลายเดือนแล้ว ทำต่อไปเรื่อยๆ งานคงอยู่ตัวเนอะ น้องพิมว่าไหม”          พิมนราทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานรกๆ ของตัวเองตามเดิม          “เออ...น้องพิม เย็นนี้ส่งบันทึกตัดราคาค่าเสื่อมให้พี่ด้วยนะ”          คนฟังถอนหายใจฟืดฟาดกับงานที่หนักเกินกว่าค่าแรงที่ได้รับ “ได้ค่ะพี่ดา เดี๋ยวก่อนกลับบ้านพิมจัดการให้ค่ะ”          “ขอบใจมากจ้ะ อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่ง บัญชีลูกหนี้น่ะจ้ะ ส่งให้พี่พร้อมกันเลยนะ เย็นนี้”          หล่อนยิ้มบางๆ อีกครั้ง รู้สึกว่าสมองหนักอึ้งจนแทบจะทำงานต่อไปไม่ไหว          “ได้ค่ะพี่ดา”          “ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวปีหน้าพี่จะปรับเงินเดือนให้”          พิมนรายิ้มกว้างทันที เพราะรอฟังประโยคนี้มานาน “ขอบคุณมากค่ะพี่ดา”          “สักห้าร้อยเป็นไง พอไหม”          จากที่ยิ้มกว้างอยู่ค่อยๆ หุบลงทีละนิดจนแทบไม่มีเหลือ “แล้ว...แล้วแต่พี่ดาจะเห็นสมควรเถอะค่ะ”          “งั้นห้าร้อยเนอะ กำลังดี”          ดาริกาตอบเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปโทรศัพท์ที่ด้านนอกสำนักงาน          พิมนราถอนหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย สำนักงานบัญชีที่นี่มีหล่อนกับดาริกาอยู่แค่สองคน เพราะคนเก่าสองคนพร้อมใจกันลาออกไป งานทุกอย่างเลยถาโถมเข้ามาใส่หล่อนเต็มๆ          หล่อนไม่ใช่คนขี้เกียจ ไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หล่อนทำงานอย่างสุดความสามารถ ไม่เคยเอาเวลาทำงานไปคุยโทรศัพท์หรือเล่นเฟซบุ๊ก แต่งานที่มีมันมากเกินไป แถมดาริกาก็ไม่ยอมรับคนเพิ่มสักที          หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปชงกาแฟภายในห้องครัว แต่แล้วก็ล้มครืนลงไปกองกับพื้น หน้าคว่ำลงกับกระเบื้องแข็งๆ เต็มแรง หน้าผากของหล่อนมีเลือดซึมทันที          “โอ๊ย...” หล่อนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นกุมหน้าผากที่เจ็บระบมแล้วน้ำตาก็ไหลซึมออกมา          “ทำไมต้องซุ่มซ่ามแบบนี้ด้วยนะ”          “ตายแล้วน้องพิม หกล้มอีกแล้วเหรอจ๊ะ”          อาจเป็นเพราะหล่อนล้มเสียงดัง ดาริกาที่โทรศัพท์อยู่ด้านนอกถึงได้ยิน หญิงสาวรีบตรงปรี่เข้ามาหา และมองไปที่รอบๆ ตัวของพิมนรา          “โชคดีนะไม่มีของเสียหาย”          พิมนราเคยชินกับคำพูดของดาริกาแล้ว ทำให้หล่อนไม่คิดจะโมโหในความใจแคบของเจ้านาย          “ว่าแต่หน้าผากโนนะนั่น ไปทำแผลคลินิกใกล้ๆ ไหม พี่จะพาไป”          “ขอบคุณค่ะพี่ดา แต่พิมไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวทำแผลที่นี่ก็ได้ค่ะ”          ดาริกาส่ายหน้าดิก “ไม่ได้หรอกจ้ะ ที่นี่ไม่มีกล่องปฐมพยาบาล”          “แต่พิมเห็น...”          “กล่องนั้นเป็นของพี่คนเดียว สำหรับเจ้าของสำนักงานน่ะจ้ะ”          หล่อนได้แต่อ้าปากค้าง มองดาริกาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ค่ะ...พิมเข้าใจแล้วค่ะ” พิมนราพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน โดยมีดาริกาผู้ขี้เหนียวขยับเข้ามาให้ความช่วยเหลือ “พี่ว่าน้องพิมต้องไปทำบุญล้างซวยเสียบ้างนะ” หล่อนมองหน้าดาริกาอย่างตกใจ “เพราะตั้งแต่ต้นเดือนมาจนถึงปลายเดือน พี่เห็นน้องพิมหกล้มบ้าง ชนนู่นนั่นนี่บ้างมาเกือบสิบครั้งแล้วนะ มันไม่ปกติแล้วล่ะ” พิมนราว่าจะไม่รับฟัง แต่พอได้ยินก็ใจคอไม่ดีขึ้นมาดื้อๆ “สิบเอ็ดครั้งแล้วค่ะ” “นั่นไง เกินสิบครั้งอีกต่างหาก พี่ว่าน้องพิมไปให้พระท่านรดน้ำมนต์หน่อยดีกว่า หรือไม่ก็ไปทำสังฆทานให้เจ้ากรรมนายเวร หนักจะได้กลายเป็นเบา” คราวนี้หล่อนที่นิ่งงันรับฟังอยู่หน้าซีดเผือด “มัน...จะร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่ดา” ดาริกาจ้องหน้าหล่อน “พี่มีเพื่อนสมัยประถมคนหนึ่งนะ ก่อนตายก็มีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แบบน้องพิมนี่แหละ พี่บอกให้ไปรดน้ำมนต์ไปทำบุญก็ไม่เชื่อ สุดท้ายเป็นไง ไม่ถึงเจ็ดวันถูกรถชนตาย” พิมนราพูดไม่ออก ช็อกมาก “แล้วดูหน้าตาของน้องพิมช่วงนี้ก็ดำคล้ำแปลกๆ พี่ว่าดวงตกแน่เลย หรือไม่ก็อาจจะดวงถึงฆาต” “พี่ดา...” “นี่พี่ไม่ได้พูดให้กลัวนะ แต่พี่แค่เตือน” พิมนราใจคอไม่ดีเอาเสียเลย “งั้น...พิมควรจะไปทำบุญใช่ไหมคะ อะไรๆ จะได้ดีขึ้น คือพิมยังตายไม่ได้พี่ดาก็รู้นี่ พิมมีแม่ มีน้องที่ต้องดูแล แถมน้องก็ยังเจ็บออดๆ แอดๆ” หล่อนรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ยินจนน้ำตาซึมออกมา “งั้นเอาอย่างนี้...” ดาริกาตบบ่าหล่อนเบาๆ และปรายตาไปดูนาฬิกาแขวนที่ผนังห้อง “เหลืออีกสิบห้านาทีจะห้าโมงครึ่ง พี่ให้น้องพิมกลับบ้านไปทำบุญทำทานต่อชีวิตก่อนดีไหม” พิมนราน้ำตาแทบไหลกับความใจดีของดาริกาที่หยิบยื่นมาให้หล่อนเป็นครั้งแรก “ขอบคุณมากค่ะพี่ดา...” “แต่น้องพิมจะต้องมาทำชดเชยให้พี่วันเสาร์นี้” “แค่...สิบห้านาทีเนี่ยนะคะ” “ไม่ใช่แค่สิบห้านาที แต่ต้องเพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมง เพราะต้องคูณต้นคูณดอกไปด้วย” “แต่พิมก็อยู่เกินเวลาเลิกงานทุกวันเลยนะคะ โอทีพิมก็ไม่เคยเบิก...” ดาริกายังคงยิ้มน้อยๆ “คืออย่างนี้นะน้องพิม พี่เป็นเจ้าของสำนักงานบัญชี แถมยังเรียนบัญชีมาด้วย ในหัวของพี่ต้องมีแต่กำไร พี่ไม่ชอบขาดทุน” “พี่ดา...” “เอาน่า ปีหน้าจะขึ้นเงินเดือนให้ห้าร้อยไงจ๊ะ” หล่อนพูดไม่ออกอีกกับความใจดีที่สุดของดาริกา จำต้องยกมือขึ้นไหว้ประชด “น้ำใจของพี่ดามีมากขนาดนี้ ชาตินี้พิมคงชดใช้ไม่หมดแน่ๆ เลยค่ะ” “ชาตินี้ใช้ไม่หมด เอาไปชาติหน้าก็ได้นะน้องพิม พี่ไม่ถือหรอก” ดาริกายังไม่รู้ว่าหล่อนประชดประชัน หล่อนจึงทำได้แค่ทำหน้าเบื่อหน่าย และเอ่ยขอตัว “พิมขอตัวไปชงกาแฟก่อนนะคะ” “กาแฟของน้องพิมเองใช่ไหมจ๊ะ” พิมนราหันมายิ้มเหนื่อยหน่ายให้กับดาริกา “ก็ต้องของพิมสิคะ ในเมื่อในครัวไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำร้อน” ดาริกายังคงยิ้มให้หล่อนอย่างไม่สะทกสะท้าน นี่หล่อนอยากรู้จริงๆ ว่าดาริกาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ “อ้อ น้องพิม อย่าทำอะไรในห้องครัวตกแตกอีกนะ” “พิมทราบค่ะ เพราะที่แก้วทุกใบมีราคาติดอยู่” หล่อนประชดออกไปอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “พิมขอตัวนะคะ” “ตามสบายจ้ะ” ดาริกายิ้มหวานให้หล่อน ในขณะที่หล่อนแสนเหนื่อยใจ ทำไมหล่อนจะต้องมาเจอหัวหน้างานที่ขี้เหนียวขั้นเทพแบบนี้ด้วยนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD