ตอนที่ 3

1720 Words
พิมนราเดินคอตกออกมาจากวัดสุดท้ายที่อยู่ในบริเวณนี้ “ท่านเจ้าอาวาสจำวัดแล้วล่ะโยม” นี่คือคำพูดของพระลูกวัดที่บอกกับหล่อน “เฮ้อออออ...” หล่อนถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกว่าชีวิตมืดมนไร้ทางออก หนทางที่ทอดยาวและรถราบนท้องถนนที่คับคั่ง ทำให้หล่อนยิ่งรู้สึกฟุ้งซ่าน การควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมาก พิมนราเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ อย่างใจลอย ท้องฟ้ามืดครึ้มลงทุกขณะ แต่รอบๆ ตัวยังคงสว่างไสวเพราะแสงจากเสาไฟบนถนน หล่อนย้ำเท้าไปเรื่อยๆ ผ่านร้านรวงที่ตั้งบนทางเท้ามากมาย ในหัวก็เต็มไปด้วยภาระที่ต้องแบกรับเอาไว้ “โอ๊ย...” หล่อนร้องขึ้นเมื่อรองเท้าส้นเตี้ยที่สวมใส่ดันติดคาแหง็กอยู่กับตะแกรงของท่อระบายน้ำ หนำซ้ำหล่อนยังล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นอย่างน่าอับอายอีกต่างหาก หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพยุงหล่อนอย่างมีน้ำใจ “ไม่เป็นอะไรนะคะ เจ็บไหม” “ขอบคุณมากค่ะ ไม่...ไม่เจ็บเท่าไหร่ค่ะ” หล่อนรีบกล่าวขอบคุณ และก้มลงขยับรองเท้าส้นเตี้ยให้หลุดออกจากตะแกรงเหล็ก พลางคิดในใจอย่างโมโห ‘ร่องแคบขนาดนี้ทำไมยังติดได้นะ หรือว่าเราดวงซวยอย่างที่พี่ดาบอกจริงๆ’ หญิงสาวสวมรองเท้ากลับคืน แต่เดินได้แค่ก้าวเดียวก็ต้องล้มครืนลงไปใหม่ คราวนี้โชคดีที่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดีและคว้าร่างของหล่อนเอาไว้ได้ทัน “ไม่เป็นอะไรนะครับ” “เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ผู้ชายคนนั้นปล่อยมือจากแขนของหล่อนและเดินจากไป หล่อนเดินหลบเข้าข้างทาง และก้มลงมองรองเท้า “ส้นหัก” หล่อนพึมพำอย่างหมดแรง “วันนี้มันวันโลกาวินาศหรือไงนะ เจอแต่เรื่อง” “แม่หนู...” “คะ?” มือหนึ่งมาจับแขนที่ด้านหลัง หล่อนหันไปมองอย่างตกใจ ก่อนจะตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคนเรียก ผู้หญิงแก่ ผมสีขาวโพลน หน้าตาเหี่ยวย่น มองจ้องมาที่หล่อน “ไปดูดวงกับยายเถอะ” “เอ่อ...” หล่อนอึกอัก และแน่นอนว่าปฏิเสธ “หนู...หนูต้องรีบกลับบ้านน่ะค่ะคุณยาย” “จะรีบกลับบ้านเก่าน่ะเหรอ” คนฟังช็อก หน้าตาซีดเผือด และก็เริ่มไม่พอใจ “ทำไมคุณยายมาแช่งหนูแบบนี้ล่ะคะ วันนี้หนูยิ่งเจอแต่เรื่องอยู่ด้วย” หล่อนตาแดงๆ จะร้องไห้ “และอีกอย่างนะคะ หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ” “ยายไม่ได้แช่ง แต่หนูดวงตก” หล่อนมองหน้าคุณยายตรงหน้าด้วยความตกใจ นี่คนที่สองแล้วนะที่ทักหล่อนว่าดวงตก “แต่หนูคงมีเงินไม่พอค่าครู...” เพราะปลายเดือนทำให้หล่อนเหลือเงินติดกระเป๋าแค่สองร้อยกว่าบาทเท่านั้น “แค่เก้าสิบเก้าบาทน่ะหนู” “โอ้โห ตั้งเก้าสิบเก้าบาทเชียวเหรอคะ หนูเหลือตังค์ในกระเป๋าแค่สองร้อยเจ็ดสิบกว่าบาทเองค่ะคุณยาย” “เงินแค่เก้าสิบเก้าบาทกับชีวิตของหนู เลือกเอานะ ยายไปก่อน” คุณยายปล่อยมือจากแขนของหล่อน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ “คุณยายคะ” หล่อนรีบเดินตาม รองเท้าที่ส้นหักทำให้เดินไม่สะดวกนัก สุดท้ายก็จำต้องถอดและเดินเท้าเปล่าตามหญิงชราไป เมื่อเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ บรรยากาศก็เริ่มวังเวงขึ้นเช่นกัน หล่อนรู้สึกไปเองหรือว่ามันเป็นอย่างที่คิดจริงๆ นะ หญิงสาวกวาดตามองไปยังกระโจมสีแดงคล้ำดูขลังจนหล่อนอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่หล่อนไม่ชอบการดูดวง เพราะคิดเสมอว่ามันคือการหลอกลวง แต่วันนี้หล่อนกลับกำลังก้าวเท้าเข้าไปสู่วังวนนี้อย่างไม่มีทางเลือก หล่อนมาหยุดที่หน้ากระโจมหลังเป้าหมายที่เห็นหญิงชราเดินหายเข้าไป มือเล็กยกขึ้นแหวกม่านลูกปัดออก พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปภายในเช่นกัน บรรยากาศภายในมืดครึ้ม มีเพียงแสงเทียนที่จุดให้ความสว่างเพียงไม่กี่เล่ม เสียงเพลงบรรเลงเป็นภาษาแขกดังคลอ ยิ่งทำให้หล่อนสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น “ยายนึกว่าหนูจะไม่มาเสียแล้ว” หล่อนยังคงยืนนิ่งและมองไปรอบๆ ตัว “นั่งลงสิ ยายจะดูดวงให้แบบละเอียด” หล่อนจำใจต้องนั่งลง มองหน้าหญิงชราที่ตอนนี้นำลูกปัดเม็ดใหญ่มาสวมที่ลำคออย่างกล้าๆ กลัวๆ “คุณยาย...จะดูยังไงเหรอคะ” “ยายดูได้ทุกอย่าง แต่วางค่าครูในพานเสียก่อน” หล่อนจำต้องควักเงินแบงก์ร้อยในกระเป๋าวางบนพาน และมองอย่างเสียดาย “ไม่ต้องเสียดายหรอก เดี๋ยวก็มีมากกว่านี้” ไม่ได้ตื่นเต้นกับคำพูดของคุณยายตรงหน้า เพราะคิดว่าท่านคงพูดไม่ให้เสียดายเงินค่าครูเท่านั้น “ไม่ต้องทอนหนูนะคุณยาย หนูให้หมดนั่นแหละ” หล่อนพูดไปก็เสียดายไป หญิงชราไม่ตอบหล่อน แต่ส่งกระดาษและปากกามาให้ หล่อนมองงงๆ “เขียนวันเดือนปีเกิด” หล่อนรับกระดาษกับปากกามาเขียน เขียนเสร็จหล่อนก็ยื่นคืนให้หญิงชราตรงหน้า “คุณยายมองเห็นไหมคะ ตัวเล็กไปหรือเปล่า” “ยายมีแว่นขยาย ไม่ต้องกังวล” คู่สนทนาของหล่อนหัวเราะเบาๆ พร้อมกับหันไปหยิบแว่นขยายเก่าๆ ขึ้นมาส่อง “ดวงถึงฆาตนะนังหนู” “คุณ...คุณยายว่าอะไรนะคะ” หล่อนช็อกจนพูดแทบไม่เป็นคำ “หนู...ชะตาขาดเหรอคะ” “อืม ใช่ จะตายภายในสามวันเจ็ดวันนี่แหละ” คนพูดสีหน้าเรียบเฉย แต่หล่อนนี่สิ กำลังตกใจ กำลังหวาดกลัว และกำลังจะช็อกตายอยู่รอมร่อ “แต่หนูยังตายไม่ได้นะคะคุณยาย หนูมีภาระ หนูต้องเลี้ยงแม่ หนูต้องเลี้ยงน้อง แถมน้องก็ยังไม่ค่อยสบายอีกด้วย คือ...หนูตายไม่ได้จริงๆ ถ้าหนูตาย แม่กับน้องสาวของหนูจะทำยังไง” หล่อนโวยวายน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ทั้งๆ ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้กลับทำใจแข็งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ หล่อนหวาดกลัวเหลือเกิน “อย่าเพิ่งร้องไห้ มันยังพอมีทางแก้...” หล่อนหูผึ่ง หยุดร้องไห้ และคว้าแขนของหญิงชราตรงหน้ามาจับ ก่อนจะถามอย่างมีความหวัง “ทำยังไงคะคุณยาย...หนูถึงจะไม่ตาย” “มีผัว” คนที่กำลังสยดสยองและขวัญกระเจิงอยู่ชะงักค้าง และไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน “มี...มีผัวอย่างนั้นเหรอคะ” “ใช่ และต้องมีภายในคืนนี้ด้วย ก่อนเข็มนาฬิกาจะเลยเลขสิบสองและขึ้นวันใหม่ หนูจะต้องนอนกับผู้ชายคนแรกที่พูดกับหนู” “คุณยายหมายความว่า...” “หลังออกจากกระโจมของยายไป เดินไปทางทิศตะวันออก ไปยืนอยู่ตรงนั้น และผู้ชายคนแรกที่พูดคุยกับหนู เขาคนนั้นแหละคือคนที่จะช่วยต่ออายุให้หนูไปอีกหลายสิบปี จำเอาไว้” คือหล่อนกำลังงง งงกับวิธีแก้ดวงของคุณยายเป็นที่สุด “คุณ...คุณยายคะ แต่...แต่หนูจะไปนอนกับผู้ชายคนนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ เขาคงตกใจกันพอดี” “นั่นคือสิ่งที่หนูต้องพยายาม จับทำผัวให้ได้ก่อนเที่ยงคืน แล้วโชคร้ายของหนูก็จะหายไปตลอดกาล” “แต่หนูจะมั่นใจได้ยังไงกันคะว่าผู้ชายคนแรกที่คุยกับหนู เขาจะเป็นคนแก้ดวงให้หนูได้จริงๆ” “ชะตาลิขิตมาแล้ว หนูจะได้เจอเขาคนนั้น ในค่ำคืนนี้” “คุณยายคะ...” นี่หล่อนกำลังเจอเรื่องบ้าอะไรกันนะ “ถ้าหนูไม่ทำตามคำแนะนำของยาย พรุ่งนี้หนูอาจจะถูกรถชนตายที่หน้าบ้านก็ได้” หล่อนตกใจ หน้าซีดเผือด และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “แต่จู่ๆ ให้หนูไปนอนกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ หนู...หนูรู้สึกไม่ดีเลยค่ะคุณยาย หนูเกรงว่า...” “แค่เสียตัว กับเสียชีวิต หนูลองชั่งน้ำหนักดูนะว่าหนูอยากเสียอะไรมากกว่ากัน” “คุณยาย...” “เอาล่ะ หมดเวลาดูแล้ว หนูออกไปได้แล้ว” ดูสิ คุณยายที่คะยั้นคะยอให้หล่อนมาดูดวง ตอนนี้กลับไล่หล่อนเสียแล้ว “หนูว่าคุณยายดูอีกรอบดีไหมคะ” “งั้นก็ต้องเสียเงินอีกเก้าสิบเก้าบาท หนูเอาไหมล่ะ” พิมนราชะงักกึก เงินในกระเป๋าร้องครางให้ได้ยินทันที “ถ้าหนูดูดวงอีกรอบ พรุ่งนี้คงไม่มีเงินกินข้าวกลางวันแน่ๆ ค่ะ” หญิงชราตรงหน้าหล่อนระบายยิ้มน้อยๆ “นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว หนูรีบไปทำตามที่ยายบอกเถอะ อ้อ แล้วต้องสองรอบขึ้นไปนะ ไม่งั้นจะแก้ดวงไม่สำเร็จ” “สอง...สองรอบ...?” หล่อนทั้งตกใจ ทั้งหน้าเห่อร้อน “ใช่ ต้องสองรอบ กันพลาดยังไงล่ะนังหนู” พิมนราแข้งขาอ่อนลุกไม่ขึ้น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน จะแก้ดวงทั้งที ยังต้องมีกันพลาดด้วยเหรอ “คุณยายคะ หนูว่า...” “รีบไปเถอะ” คุณยายเร่ง ก่อนจะพูดต่อ “อ้อ แล้วออกไปจากที่นี่ให้ก้มหน้าก้มตาเดินเลยนะ ห้ามสบตากับผู้ชายคนไหน จนกว่าจะมีผู้ชายเอ่ยทักหนู จำเอาไว้นะ” “มันต้องลำบากขนาดนี้เลยเหรอคะคุณยาย” “มันต้องลำบากขนาดนี้แหละ ไม่งั้นจะเรียกว่าต่อชะตาเหรอจ๊ะแม่หนู” หล่อนจำต้องยกมือขึ้นลูบใบหน้าแรงๆ เพื่อจะตื่นขึ้นจากฝันร้ายเสียที แม้จะรู้ว่ามันคือความจริงล้านเปอร์เซ็นต์ก็ตาม “เอาล่ะ ไปได้แล้ว” “งั้นหนูลาล่ะค่ะ” “โชคดีนะนังหนู ขอให้คืนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี” หล่อนลุกขึ้น ฝืนยิ้มและกัดฟันเดินออกจากกระโจมของคุณยายหมอดู “จะผ่านไปได้ด้วยดีได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อต้องไปหลอกล่อผู้ชายให้ขึ้นเตียงด้วยน่ะ” หล่อนครางเบาๆ ในอกอย่างทรมาน ขณะก้าวเท้าเดินก้มหน้าก้มตาไปยังทิศตะวันออกตามที่คุณยายหมอดูกำชับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD