ตอนที่ 5.

1457 Words
“นายทำแบบนั้นไม่ได้นะ ฉันกับมัสเป็นพี่น้องกัน” ลินินอ้างสิทธิ์ความเป็นญาติ “เป็นพี่น้องกัน พูดได้เต็มปากเลยนะยายผ้าป่าน พี่น้องที่ไหนเขาใช้งานมัสเหมือนทาส แย่งเอาสมบัติของมัสไปหมด ไล่มัสออกจากบ้านไม่ให้มีที่อยู่ ตอนนั้นเธออยู่ไหน ทำไมไม่คิดช่วยมัส แล้วยัง... หึ พูดไปเธอก็คงเถียง เสียเวลา” ปรัชญ์ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่แพรพรรณหลอกมัสลินไปแต่งงานแทนลินิน จนทำให้ถูกโจรลักพาตัวไปข่มเหง พูดไปลินินก็คงไม่เชื่อเถียงเขาคอเป็นเอ็นอีกตามเคย “นายอยากได้สมบัติของยายมัสใช่ไหม แม่ของฉันบอกว่าที่ไม่ให้เงินยายมัส เพราะอยากรู้ว่านายจะทิ้งยายมัสไหม นายมันเห็นว่ายายมัสเป็นหลานคุณยายเจ้าของตลาด นายก็เลยล่อลวงน้องสาวฉันจนพลาดพลั้ง อย่านึกว่าใครจะรู้ไม่ทันนายนะ นายปอนด์” แพรพรรณพูดให้ลูกสาวเข้าใจแบบนั้น ลินินมีอคติกับปรัชญ์อยู่แล้ว ยิ่งเห็นเขาขัดขวางไม่ให้เธอพบน้องสาว ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่มารดาพูด ปรัชญ์คงกลัวมัสลินพูดความจริงเกี่ยวกับตัวเองออกไป “ล่อลวงงั้นหรือ เหอะ ถ้าฉันจะล่อลวง ฉันล่อลวงเธอไม่ดีกว่าเหรอ สมบัติเยอะกว่าแถมดูจะโง่กว่ามัสด้วย” ปรัชญ์มองหญิงสาวด้วยแววตาสมเพช เรียนจบถึงด็อกเตอร์ แต่เรื่องพื้นๆ ดันโง่นัก “หมาตลาดอย่างนายนะเหรอ จะมีปัญญามาล่อลวงฉันได้ ฝันกลางวันไปเถอะนายปอนด์” ลินินเหลืออดกับวาจาเสียดสีของเขา จึงโต้คืนเจ็บแสบ ลืมคิดว่าครั้งก่อนเธอทำแบบนี้แล้วเขาทำอะไรเธอกลับ “นี่ก็กลางวันอยู่นะ ฉันขอฝันสักหน่อยดีไหม ยายผ้าป่าน” ปรัชญ์ขยับลุกขึ้นกระชากร่างบอบบางของลินินเข้ามากอดรัดไว้ ก่อนจะจูบเธอหนักหน่วง มือสอดเข้าใต้เสื้อบีบทรวงอกอิ่มของเธอไปด้วย กายสาวถูกผลักให้นอนบนโต๊ะ ร่างหนากว่าทาบทับบดเบียด ริมฝีปากถูกจูบจนบวมเจ่อ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนริมฝีปากมาขบเม้มซอกคอขาวจนเป็นรอยจ้ำแดง ฝากรอยอัปยศให้เธออับอายเล่น แล้วย้อนไปลงทัณฑ์เธอด้วยจุมพิตดุดันดิบเถื่อน จนเธออ่อนระทวยหมดแรงต่อต้าน เมื่อเขาปล่อยลินินนอนสิ้นท่า หายใจแรง หอบกระเส่าหน้าแดงจัด ผมหลุดลุ่ยออกจากมวยผม “แค่นี้ก่อนนะคุณพี่เมีย พอดีว่าฉันมีคาบสอน เลยไม่ว่างฝันกลางวันต่อ ถ้าติดใจวันพรุ่งนี้แวะมาหาอีกได้นะ” ปรัชญ์ยิ้มเยาะ ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มนวลแรงๆ ส่งท้ายก่อนจาก “ไอ้... ไอ้หมาตลาด แก... แก...” ลินินน้ำตาคลอ อยากจะกรีดร้องแต่ทำไม่ได้ เกรงใครจะรู้ว่าเธอถูกปรัชญ์ทำอะไรไว้   แม้จะพยายามหลบเลี่ยงไม่ข้องเกี่ยวกับปรัชญ์อีก แต่ลินินก็เลี่ยงไม่ได้เมื่อต้องไปเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยร่วมกับปรัชญ์ ในการอบรมสัมมนา เขาทำหน้ามึนเหมือนไม่เคยมีเรื่องกับเธอมาก่อน หญิงสาวต้องใช้ความอดทนมากในการทำหน้าที่ของตัวเอง จนการสัมมนาผ่านพ้นไป ช่วงเย็นมีงานเลี้ยงต่อจนถึงช่วงดึก ลินินต้องเดินคู่กับ ปรัชญ์ไปคุยกับอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอื่นที่มาร่วมสัมมนา ต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มแย้มในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัย ตรงข้ามกับปรัชญ์เขาดูอารมณ์ดีกว่าปกติ ชายหนุ่มพาลินินเดินไปทั่วงาน ดื่มเครื่องดื่มไปหลายแก้ว เริ่มมีอาการเมานิดๆ จนงานเลิกเขาก็เสียสภาพ “นี่งานเลิกแล้ว นายกลับไปบ้านนายได้แล้ว”  ลินินไล่ปรัชญ์ที่ยังคงเดินตามเธอเหมือนเป็นเงามาจนถึงลานจอดรถ เธอเหนื่อยและเพลียที่ต้องฝืนปั้นหน้า อยากจะกลับไปพักเสียที ชุดที่สวมเป็นเสื้อคอเต่าทั้งร้อน ทั้งอึดอัด แต่ก็ไม่มีเสื้ออะไรปกปิดรอยจ้ำแดงบนลำคอของเธอได้เท่าเสื้อแบบนี้แล้ว แม้จะใช้ลงรองพื้นทาปกปิด แต่ลินินก็ไม่มั่นใจเกรงใครจะเห็นรอยนั้น เจ้าของรอยอัปยศยังคงป้วนเปี้ยนหน้ามึนอยู่ข้างๆ “ฉันดื่มเยอะไปหน่อย สงสัยขับรถกลับไปไม่ไหว” ปรัชญ์ทำเสียงอ้อแอ้แบบคนเมา ร่างสูงมีอาการเซนิดๆ จนต้องเอามือยันประตูรถไว้ ดวงตาเรียวยาวของเขายามนี้ดูวาวเยิ้มแทบจะลืมไม่ขึ้น  “ใครใช้ให้นายไปชนแก้วกับทุกคนเล่า อีตาบ้า!” ลินินอยากเดินหนี แต่ก็ทำไม่ได้ แม้จะชังน้ำหน้าปรัชญ์นัก ทว่า... ในงานเลี้ยงเขาก็ช่วยรับแก้วเครื่องดื่มมาดื่มแทนเธอหลายครั้ง หากเป็นอาจารย์ระดับเดียวกันพอจะเลี่ยงได้ แต่ระดับผู้บริหารและอธิการบดียากจะปฏิเสธ หลายคนหลายแก้วเข้าก็เริ่มไม่ไหว ใกล้หมดสภาพอย่างที่เห็น “ฉันช่วยดื่มแทนเธอนะ ยายผ้าป่าน” ปรัชญ์ทวงบุญคุณ มองหญิงสาวตาเยิ้ม ริมฝีปากกระตุกยิ้มร้ายเมื่อสายตาจับจ้องเสื้อคอเต่าของเธอ อากาศร้อนจะตายยายผ้าป่านคงอึดอัดแย่ เหอะ แต่ก็สมน้ำหน้าอยากมายั่วโมโหเขาดีนัก “โอเคๆ ฉันไม่อยากติดค้างบุญคุณใคร ฉันไปส่งนายก็ได้” ลินินยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วพบว่ามันดึกมากแล้ว ขืนต่อปากต่อคำกัน ไม่ได้กลับสักที เลยเปิดประตูรถชี้นิ้วให้ปรัชญ์เข้ามานั่งข้างๆ คนขับ ชายหนุ่มเดินขึ้นรถอย่างว่าง่าย พอเข้าไปนั่งเขาก็คอพับหลับตานิ่ง “เมาเหมือนหมาเลย” ลินินเข้ามาประจำที่คนขับ แล้วชะโงกหน้าดูคนเมา ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเห็นเขาหมดสภาพไปแล้ว “ไอ้หมาตลาด นึกว่าจะแน่ที่แท้ก็คออ่อนชะมัด” อ้วก! ว้าย ! ยังไม่ทันจะสตาร์ทรถ คนเมาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมาอาเจียนใส่ ของเก่าเหม็นบูดพุ่งเข้าใส่หญิงสาวจนเลอะไปทั้งตัว ลินินกรีดร้องด้วยความตกใจ ผลักเขาออกห่าง แล้วหยิบทิชชูมาเช็ดคราบสกปรก พออาเจียนเสร็จปรัชญ์เอียงตัวเอาศีรษะซบพนักเบาะหลับไปอีกหน “กรี๊ด ไอ้หมาตลาด แกอ้วกใส่ฉัน” ลินินเช็ดคราบสกปรกด้วยท่าทางรังเกียจ มองดูคนเมาแล้วอยากทุบให้ตายคามือ แต่เขานอนหลับตานิ่งไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ หญิงสาวลังเลว่าจะไล่เขาลง หรือว่าจะไปส่งทั้งที่ตัวเหม็นๆ แบบนี้ ก่อนจะตัดสินใจขับรถไปยังที่พักของตัวเอง เธอทนไม่ได้ที่จะต้องดมกลิ่นเหม็นบูดนี่ไปตลอดทาง ลินินขับรถเข้าไปจอดหน้าทาวน์เฮาส์ แล้วลงไปเปิดประตูเข้าไปด้านใน ปล่อยให้คนเมานอนรออยู่ในรถ หญิงสาวเปิดไฟไว้แล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าออก แต่กลิ่นเหม็นบูดจากคราบอาเจียนยังติดตัว ทำใจใส่ชุดใหม่ไม่ได้เลยเข้าไปในห้องน้ำ รีบเปิดฝักบัวจัดการอาบน้ำใหม่ ปรัชญ์เมาอยู่คงรอได้ “ไอ้หมาตลาดบ้า เพราะนายคนเดียวทำให้ฉันต้องเลอะเทอะ” ลินินอาบน้ำเสร็จก็ใช้ผ้าขนหนูพันร่างออกมาจากห้องน้ำ หยิบเสื้อผ้าสกปรกตั้งใจจะเอาไปหย่อนใส่เครื่องซักผ้าไว้ แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่คิดว่าเมาหลับ นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนอนในห้องของเธอ “นายปอนด์ นายเข้ามาได้ยังไง” “ประตูไม่ได้ล็อกก็เดินเข้ามาสิ อืม ไม่คิดว่าจะได้ดูจ้ำบ๊ะยามดึก” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่มีอาการเหมือนคนเมาสักนิด ดวงตาคมวาวเป็นประกายกล้า เขามองกราดไปทั่วร่างขาวผ่องของเธอ แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไอ้บ้า ออกไปนะ !” ลินินตวาดไล่ เอามือปิดหน้าอกตัวเอง นึกโมโหที่เลินเล่อไม่สวมชุดคลุมออกมา “อะไรกัน อุตส่าห์หิ้วฉันกลับมาทั้งที มาไล่กันแบบนี้ได้ยังไง” เขาไม่มีท่าทางสนใจสักนิด เอนกายนอนกางแขนสบายใจ เจ้าของห้องเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ลืมตัวเข้าไปกระชากแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้น “ไปเลยนะ ไปให้พ้น!” “ลงทุนมายั่วใกล้ๆ เลยเหรอแม่คุณ” ปรัชญ์ทำตัวแข็งไม่ยอมลุก ตาจ้องร่องอกของหญิงสาวตาวาว ลินินตกใจรีบปล่อยมือเอามาปิดหน้าอก แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอลุกหนี กระชากแขนเธอดึงแรงจนล้มมาบนตัว “ว้าย ! ปล่อยนะไอ้บ้า” ลินินกรีดร้องตะเกียกตะกายจะลุก แต่กลับทำปมผ้าหลุด คว้าตะปบไว้แทบไม่ทัน 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD