2
“ชื่อสกายก็แล้วกัน”
ภาคภูมิตั้งชื่อให้ลูกม้าตัวผู้ตัวใหม่ประจำคอกให้มีความหมายคล้องจองกับใครบางคน ฝากงานให้น้าเกริกช่วยดูแลมันสองแม่ลูกต่อก่อนจะกลับบ้านไปกินข้าวเย็นกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบปี เขาขับรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่อ้อมมาทางด้านหลังไร่เข้าไปในรีสอร์ทข้างไร่สอดส่องเข้าไปข้างในหาว่าฟ้าใสกำลังทำอะไรอยู่ รูปในไลน์หล่อนหลับปุ๋ยข้างผู้หญิงน่ารักที่พี่ชายส่งมาให้เมื่อตอนบ่ายกวนใจเขาไม่หยุด รอตั้งหลายเดือนในที่สุดก็ปิดเทอมซะทีนะยัยตัวแสบ กลับมาบ้านคราวนี้จะแกล้งให้หนำใจเลย ภาคภูมิยิ้มกว้างได้เห็นแค่หลังคาบ้านไกลลิบก็สุขใจ
“ไม่กลับมาพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ”
หยุดการเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์มองน้องชายตาคว่ำเกือบสองทุ่มแล้วทุกคนต่างหิ้วท้องรอมันกลับบ้าน
“บ่นเป็นตาแก่ไปได้ คิดถึงชะมัดเลยพี่ชาย” ดึงพี่ชายอายุมากกว่าตนเองห้าปีมากอดแน่นตบหลังรุนแรง ไอ้พี่บ้าร้องบอกเจ็บแล้วผลักเขาออก บังเอิญมองไปเห็นสาวน่ารักยกมือไหว้ก็รับไหว้ทันที “น่ารักจังเลยตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะเนี่ย น้องคือน้องอายใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ รู้จักอายด้วยเหรอคะ” ขยับไปนั่งข้างคุณดุจตะวันเว้นที่ว่างกว้างๆ เผื่อเขาอยากจะมานั่งด้วยกันแต่ไม่ใช่ เขานั่งบนขอบโซฟาเดียวกับภีมพล ต่างจากที่คิดลิบลับเลยแฮะนึกว่าภาคภูมิเป็นชาวไร่ผิวเข้มแต่ตัวจริงเขาผิวดีมากไม่เข้มไม่ขาวเกินไปลงตัวสุดๆ เลย
“ว่าที่พี่สะใภ้ทั้งคนทำไมจะไม่รู้จักล่ะครับ” ยิ้มอ้อนๆ หลังถูกพี่ชายตบเข้าให้กลางหัวโทษฐานพูดอะไรไม่เป็นเรื่อง คุณบุหลันเบื่อฟังหลานหยอกล้อกันออกปากชวนทุกคนไปยังห้องอาหารขณะนั้นแม่บ้านอุ่นอาหารเสร็จพอดีพร้อมรับประทานอาหารฝีมือเจ้าบ้านทั้งที่ยังร้อนๆ
ทุกเมนูรสชาติกลมกล่อมดีมากแต่ละคนเติมข้าวถึงสองครั้งกินจนอิ่มหนำสำราญปิดท้ายด้วยของหวานสุดอร่อย อารยาชมเสียงอ่อนเสียงหวานทว่าเมื่อคุณดุจตะวันชวนมาเรียนทำอาหารหล่อนกลับยิ้มแห้งเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเข้าครัวมาก่อนกระนั้นก็ต้องยินยอม
“หึหึ ระวังคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อจะทำครัวคุณแม่ไหม้นะครับ” ภีมพลเหน็บ ตลกมากเนื่องจากรู้ว่าอารยาทำอาหารไม่เป็นสักอย่างขนาดให้ต้มไข่เมนูง่ายๆ ยังทำไหม้หม้อดำมิดหมีหม้อเกือบทะลุ
“อาภีมอย่ามาดูถูกอายนะคะ ถ้าตั้งใจอายทำได้ทุกอย่าง” เชิดปลายคางใส่เขาไปส่งยิ้มให้คุณดุจตะวันฝากตัวเป็นลูกศิษย์
“ไว้ทำเสร็จถ้าพี่ภีมไม่กินเอามาให้พี่กินก็ได้นะครับน้องอาย พี่ยินดีเป็นหน่วยกล้าตายลองชิมให้จนกว่าจะอร่อย” เสนอตัวในทันทีทันใดแล้วต้องสะดุ้งเฮือกทั้งตัวเมื่อถูกพี่ชายเหยียบเท้าเข้าให้เต็มๆ ทุกสายตาหันมามองเขาต้องเสแสร้งแอคติ้งโอเวอร์ “แค่ยุงกัดน่ะครับ ไม่มีอะไร”
“ก็ดีนะ ตาภีมไม่กินก็ให้ตาภูมิกินก็ได้ หนูอายเรียนรู้งานบ้านไว้หน่อยก็ดีนะเผื่อได้เป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือน น่ารักขนาดนี้ยายว่าตอนอยู่กรุงเทพต้องมีหนุ่มๆ หลายคนมาตามจีบหัวกระไดไม่แห้งเลยใช่ไหมจ๊ะ” ถามลองเชิงไปงั้นรู้หรอกว่าภีมพลแอบกันท่าหนุ่มๆ ทุกคนรอบกาย
“มีบ้างค่ะแต่ไม่เยอะเท่าไหร่” หัวเราะแก้เขิน เอาเข้าจริงมีมาจีบเยอะเชียวล่ะโดยเฉพาะในโซเชี่ยวส่งข้อความมาจีบทุกวี่ทุกวัน
“อย่าถ่อมตัวเลยจ้ะออกจะสวยน่ารักขนาดนี้” คุณดุจตะวันก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วยภาคภูมิเองก็เสริมทับชมอารยาอาหารแทบติดคอภีมพลมันเขี้ยวคนในครอบครัวเอ็นดูเด็กบ้าคนนี้เกินเหตุ
“ความน่ารักของอายติดคอเหรอคะ” กระซิบถามให้ได้ยินแค่สองคนเขาเคี้ยวของกินตุ้ยๆ ในปากกลอกตาใส่และส่ายหน้าไปมา
กลางดึกคืนเดียวกันผ้าห่มหนาเลื่อนลงจากกายบอบบางเรื่อยๆ เครื่องปรับอากาศในห้องถูกเปิดไว้ระดับยี่สิบห้าองศาทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหนาวแม้จะเคลิ้มหลับไปได้พักใหญ่แล้ว สัมผัสสากระคายลูบไล้ต้นขาเรียวแผ่วเบาทำหล่อนขนลุกทั้งกายแยกไม่ออกว่าคือความจริงหรือความฝันกระทั่งมือคู่นั้นตลบกระโปรงชุดนอนขึ้นสูงแล้วเกี่ยวชั้นในตัวจิ๋วลงเรื่อยๆ อารยาถึงได้สติลืมตาขึ้นกลางความมืดมองเงาสูงใหญ่บนกายบอบบาง “ว้าย! ใคร... อาภีมเหรอคะ ขะ... เข้ามาได้ยังไง”
“อย่าส่งเสียงสิอาย” เสียงแหบพร่าแสนคุ้นเคยทำให้มือไม้หล่อนอ่อนระทวยยอมยกสะโพกขึ้นให้เขาถอดสิ่งกีดขวางออกจากเรียวขางาม อาภีมนิสัยไม่ดี แอบย่องมาหาหล่อนกลางดึกอีกแล้วไม่เว้นสถานที่เลย
“อาภีมคะ อายกลัวจะมีใครได้ยิน”
“ห้องคุณแม่กับคุณยายอยู่ข้างล่าง”
“แต่ห้องคุณภูมิ...”
“ช่างหัวมันเถอะน่าอายจะสนใจมันทำไม”
“ไม่ให้สนได้ไงคะ อะ! อื้อ... อาภีม”
ชุดนอนตัวบางถูกปลดออกทางศีรษะอวดกายเย้ายวนเปล่าเปลือยไร้สิ่งกีดขวาง ภีมพลตาวาวครางเสียงทุ้มในลำคอซุกซบใบหน้าลงกลางอกอวบสะบัดหน้าไปมารวบปลายถันสีอ่อนเข้าปากตะกละตะกลามราวกับทารกดื่มกินน้ำนมจากอกของมารดา อารยาโอบกอดลำคอเขาแน่นแขม่วหน้าท้องแอ่นหน้าอกขึ้นตอบรับเขาตามสัญชาตญาณอารมณ์ดิบในกาย เขาเลื่อนขึ้นมาประกบจูบปากเล็กจิ้มลิ้มปลุกเร้าอารมณ์หล่อนให้แตกกระเจิงตามเขามาติดๆ แม่คนหัวไวจูบตอบไม่ยอมแพ้เผยอริมฝีปากขึ้นให้เขาย้ำจูบซ้ำหลายครั้งก่อนจูบระเรื่อยลงมายังปลายคางลำคอซอกคอกระทั่งถึงทรวงอกอีกครั้ง
ปลายลิ้นละเลียดละไมเชยชิมร่างกายเย้ายวนจับมือเล็กมาป้วนเปี้ยนบริเวณขอบกางเกงนอนขายาวให้หล่อนทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการ ปลายนิ้วเล็กกรีดกลางอกกว้างลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงขอบกางเกง เขาเกร็งหน้าท้องรับทุกสัมผัสทั้งที่ยังไม่หยุดจูบทักทายเนื้อตัวหล่อนทุกอณูเนื้อผิวขาวนวลเปียกชื้นไปหมดเขาก็ยังไม่หยุดริมฝีปาก จูบเรื่อยขึ้นไปใต้คางมาถึงริมฝีปากบอบบางอีกครั้งส่งปลายลิ้นไปจูบนัวเนีย อารมณ์เขารุนแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเนื้อตัวอารยา ให้ตายเถอะ ถ้าคืนไหนหล่อนงอนหนักถึงขั้นไม่ยอมให้เขารักเขาต้องลงแดงตายแน่ๆ
“อาภีม... อ๊ะ!” ครางในลำคอปากเขายังประกบปากหล่อนไม่ยอมละถอยไปไหน ส่วนปลายนิ้วร้ายกาจนั้นกระตุกความเป็นหญิงหนักหน่วงทว่าแฝงด้วยความอ่อนโยนใส่ใจ ก่อนปลายนิ้วซุกซนจะเข้ามาสัมผัสข้างในสำรวจความพรักพร้อมของหญิงสาว อารยาครางกระเส่าในปากเขาเนื้อตัวสั่นสะท้านทรมานความสุขปนความซ่านสยิวที่เขามอบให้ ร่างกายหล่อนบีบรัดปลายนิ้วเขาแน่นผลักไสให้รีบออกไปได้แล้ว
ทว่า... ภีมพลยังดื้อ! ยิ่งขับไล่เขายิ่งเพิ่มแรงขึ้นกระตุกร่างกายส่วนนั้นของหล่อนจนกระทั่งพบเจอกับทรวงสวรรค์ชั้นเจ็ดเหนือศีรษะ กายยังกระตุกเกร็งไม่หายแต่เขากลับลดใบหน้าลงมาใช้ลิ้นกับหล่อน ช่วงแรกอารยาอับอายทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้แต่พอนานเข้าชักจะชิน
“อาย... เร็วเข้า” เขาถอดกางเกงนอนขายาวออกรวดเร็วไม่มีอะไรบดบังกายเปล่าเปลือยของสองหนุ่มสาว เขานั่งลงบนเตียงดึงเอาคนตัวเล็กขึ้นมาหาตนเองใช้สายตาสั่งครู่เดียวเท่านั้นนางบำเรอตัวน้อยก็ทำให้เขาสมหวัง ภีมพลอ้าปากค้างครางแหบพร่าลูบศีรษะบอบบาง
“อืม... ดีมาก เก่งมาก อาย...” ชมไม่ขาดปากซ่านไปทั้งร่างกายคอยช่วยจับเส้นผมหล่อนไม่ให้ปิดบังใบหน้าและริมฝีปาก