เดินออกมาบริเวณหน้าตึกเรียนเวลาตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว สาวนักศึกษาหลายคนจับกลุ่มซุบซิบกรี๊ดอะไรบางอย่าง อารยากับฟ้าใสมองตามสายตาคนพวกนั้น เห็นภีมพลกำลังยืนกอดอกพิงรถเบนซ์คันหรูเล่นโทรศัพท์ โดยไม่ได้นัดหมายสองสาวใจตรงกันเดินเร็วไปหาชายคนนั้นส่งเสียงเรียกชื่อเขาพร้อมกัน ‘อาภีม’ เงยหน้าขึ้นมามอง สองสาวก็หันมามองหน้ากัน
“ไม่น่าเชื่อ อายรู้จักอาภีมด้วยเหรอ” ฟ้าใสขมวดคิ้วนิ่ง ส่วนอารยากะพริบตาปริบ พยักหน้ารับช้าๆ เบือนสายตาไปมองหน้าภีมพล
“อ้าว นึกว่าใครที่แท้ก็ตัวแสบนี่เอง ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วเนี่ย เกือบสองปีแล้วมั้งโตขึ้นสวยกว่าเดิมอีกนะ นายภูมิไม่หวงแย่เหรอ”
ภาคภูมิน้องชายของเขาเองผันตัวเป็นชาวไร่เต็มตัว สานต่อธุรกิจครอบครัวมารดาทำไร่องุ่นกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แกล้งแซวเพราะสองคนนี้ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร เจอหน้ากันต้องทะเลาะตลอด
“หวงที่ไหนกันมีแต่จิกด่าหาว่าฟ้าขี้เหร่ กลัวจะไม่มีใครหลงมาจีบ” ย่นจมูกใส่เพื่อนรุ่นน้องของบิดาที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยตนเองยังเด็ก
อารยามองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน ไม่คาดคิดว่าฟ้าใสกับภีมพลจะสนิทกันและฟ้าใสเรียกภีมพลว่า ‘อา’
“อายคงจะงง ฟ้ากับอาภีมเคยเป็นเพื่อนบ้านกันน่ะจ้ะ ไม่ใช่ญาติแท้ๆ อาภีมเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพ่อฟ้า โลกกลมดีจังเนอะ แล้วอายเป็นอะไรกับอาภีมเหรอ” อธิบายให้เพื่อนคนสวยเลิกทำหน้างง ใจจริงอยากถามภีมพลแต่หน้าตาภีมพลเหมือนขี้เกียจตอบคำถามทั้งยังติดอ่านเมล์
“เอ่อ... เหมือนกับฟ้าจ้ะ ไม่ใช่ญาติแต่ติดปากเรียกอาเพราะพ่ออายกับอาภีมเคยสนิทกัน” แค่ ‘เคย’ เท่านั้นส่วนตอนนี้ถึงบิดาจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ภีมพลก็ยังฝังใจ ‘เกลียด’
“แบบนี้นี่เอง ดีเนอะ แล้วอาภีมมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
“อามารับอาย” ละสายตาจากโทรศัพท์หลังอ่านอีเมล์ลูกค้าจนจบ เก็บไอโฟนเจ็ดใส่กระเป๋ากางเกงยีนแล้วส่งยิ้มให้สาวน้อยฟ้าใส
“มารับ?” ขมวดคิ้วอีกครั้งไม่รู้ว่าสองคนนี้มีสถานะต่อกันแบบไหน “มารับอายไปไหนเหรอคะ เอ๊ะ! ที่อายเล่าให้ฟ้าฟังเมื่อกี้ว่ามีคนชวนไปโคราชคนนั้นคืออาภีมเหรอ” ถามเจื้อยแจ้วตั้งข้อสงสัยไปเรื่อยเปื่อย
“ไม่ใช่อาหรอก คุณแม่ต่างหากล่ะ” รีบปฏิเสธก่อนแม่คนตัวเล็กจะอ้าปากตอบว่า ‘ใช่’ ใบหน้าเขาเคร่งขรึมไม่ต่างจากตอนอารมณ์เสีย
“ป้าดุจก็รู้จักอายเหรอคะ ดีจังเลย อาย... ไปเที่ยวบ้านอาภีมเถอะนะบ้านฟ้าอยู่ติดบ้านอาภีมเลย ไว้จะพาไปเที่ยวบ้านฟ้า”
“แต่... อายต้องทำงาน” หลบสายตาฟ้าใสส่งสายตาหวานไปทางภีมพล “อายขอตัวกลับหอก่อนนะคะอาภีม ฟ้าใส”
ภีมพลคว้าข้อมือบางไม่ให้เดินหนีออกแรงกดไว้ รั้งร่างหล่อนมายืนข้างกายส่งยิ้มให้ฟ้าใส “วันนี้อาจะกลับบ้านกับอาย ฟ้าจะกลับด้วยไหมอาจะได้กลับบ้านไปเปลี่ยนรถ” ตอนแรกกะจะใช้คันนี้ขับไปโคราช แต่ถ้าฟ้าใสกลับด้วยต้องได้เปลี่ยนใช้คันอื่นเพราะมีแค่สองที่นั่ง
“ไปค่ะ กี่โมงคะขอฟ้ากลับหอไปเก็บกระเป๋าก่อน”
“ประมาณบ่ายสาม อาก็จะพาอายไปเก็บกระเป๋าเหมือนกัน”
“แต่ว่าอาภีมคะ” จะขัดเขาก็ทำตาดุใส่ อารยาหลบสายตาทำปากยื่นใส่งอนเขา พูดอะไรก็ไม่ได้เขาเป็นต้องดุต้องปรามตลอด
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นบ่ายสามเจอกันหน้าหอฟ้านะคะ อายรู้ทาง” ขยิบตาให้ภีมพล มองจากสายตาคู่นี้แว้บเดียวก็รู้ว่าทั้งสองคนมีซัมติงกัน เคยได้ยินเพื่อนแซวบ่อยๆ ว่าอารยาริอ่านจีบผู้ชาย ไม่แน่ว่าอาจเป็นอาภีมของหล่อนก็ได้ แหม... เห็นทีว่างานนี้พี่ชายคงจะอกเดาะแล้วมั้ง
ภีมพลยิ้มมุมปากพยักหน้ารับ “ไว้เจอกันบ่ายสาม”
“บ๊ายบายค่ะ ฟ้ากลับหอก่อนนะอาย”
ยกมือลาเพื่อนร่วมสาขาเดินแยกตัวออกไปอีกทาง เหลือเพียงภีมพลกับอารยาแค่สองคน เขาเปิดประตูรถให้คนตัวเล็กเข้าไปนั่งข้างในวิ่งอ้อมไปยังฝั่งคนขับ สตาร์ทรถเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยกลับสู่หอพักของอารยา ใช้คีย์การ์ดหล่อนเปิดประตูเดินนำหน้าราวกับเป็นหอของตัวเอง คนตาหวานมองค้อนทีหนึ่งหมั่นไส้เขาที่มีของส่วนตัวของตัวเองเกือบหมด บางวันเที่ยงคืนยังมารบกวนขอนอนกับหล่อน อาภีมของหล่อนนิสัยไม่ดีที่สุด
“รีบไปเก็บกระเป๋าได้แล้ว เราจะไปอยู่ที่นั่นประมาณสามสัปดาห์อยู่ยาวถึงปีใหม่” กลับมาอีกครั้งก็ตอนอารยาเปิดเทอมสอง เขาให้บิดาช่วยดูแลงานช่วงนี้เพราะรู้สึกเหนื่อยๆ ทำงานหนักนานอยากหาเวลาพักผ่อนบ้าง อีกหนึ่งเหตุผลคืออารยาใกล้เรียนจบแล้ว อีกแค่เทอมเดียวเท่านั้น ถ้าปากเขายังหนักแบบนี้ไม่รู้ว่าจะยื้อได้นานแค่ไหนถึงจะยังมีหล่อน แว่วๆ ได้ยินว่าแม่คุณทูนหัวอยากไปสมัครแอร์โฮสเตส รูปร่างหน้าตารวมถึงระดับภาษาอารยาสอบผ่านฉลุยแน่นอนเขามั่นใจ บ้าสิ ขืนเมียสอบแอร์ได้ก็ต้องได้อยู่ห่างกันสิ ภีมพลมองแรงคนตัวเล็กชักจะอารมณ์เสีย ให้ตายเถอะ ทำยังไงเขาถึงจะกล้าบอกรักหล่อนสักที
“อยู่เคาร์ดาวน์ที่โคราชด้วยเหรอคะ”
“ใช่” พยักหน้ารับทิ้งกายลงนั่งบนเตียง ลูบท้องปอยๆ เพราะตื่นเกือบสิบเอ็ดโมงเช้าข้าวยังไม่ตกท้องสักเม็ดว่าจะรอกินพร้อมอารยา
“อาภีม... แต่อายกลัวไม่มีเงินใช้ตอนเปิดเทอมนี่คะ” งอแงไม่อยากไปบ้านเขาอยากอยู่ทำงานช่วงปิดเทอมมากกว่า เข้าไปนั่งตักเขาซบใบหน้าลงกลางอกกว้าง “อายขอไม่ไปบ้านอาภีมได้ไหมคะ”
เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลทัดหลังริมหูเล็ก สบประสานสายตากับแม่คนตาหวาน จับร่างหล่อนให้นั่งบนตักตนเองดีๆ
“งั้นเดี๋ยวจ้างให้ทำงานเอาไหม ดูแลตารางชีวิตของฉันทั้งเวลากินเวลานอนการแต่งตัวอาหารการกิน แม้กระทั่งตอนอาบน้ำ” ยื่นข้อเสนอให้อารยา เจ้าหล่อนมองเขาตาแป๋วไม่เข้าใจความหมายในประโยค