ตอนที่ 11

2881 Words
ภัทราโทรศัพท์หาธูปหอม หลังจากได้พูดคุยกับใบพลูและสู่ขวัญ ซึ่งทั้งสองคนเป็นห่วงกอหวาย เพราะท่าทางดูเก็บตัวมากขึ้น ถึงได้พบกัน ก็พูดคุยเพียงเล็กน้อย แล้วขอตัวกลับเข้าห้องไป “ธูปคุยกับหวายให้หน่อยได้ไหม” ภัทราเอ่ยหลังจากทักทายกัน “หวายมีปัญหาอะไรเรื่องงานหรือคะ” “เรื่องงานตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยมีปัญหาเลย น่าจะเรื่องส่วนตัว” “แล้วจะให้ไปคุยอย่างไรคะ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว” ธูปหอมถามกลับ “ธูปน่าจะรู้ว่าเรื่องอะไร” ภัทราไม่อยากก้าวก่ายมากนัก “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้จะไปดูถ่ายโฆษณา ขอบคุณนะ ภัท” “หวายไม่เคยคบหาใครเลยเท่าที่รู้ ธูปผ่านอะไรมามากกว่าน่าจะให้คำแนะนำอะไรได้” ภัทราบอก “เป็นเพราะผ่านอะไรมามากนั่นแหละค่ะ” ธูปหอมพูดเพียงแค่นั้น เมื่อหวนนึกถึงวันที่ได้พบเจอและเห็นรอยยิ้มของกอหวายทำให้ถอนใจ ธูปหอมยืนมองอยู่ห่างๆ เพราะมีคนอยู่จำนวนไม่น้อยที่กำลังทำ งานกันอย่างขะมักเขม้น แต่ยังไม่เห็นกอหวาย เพราะเจ้าหน้าที่ กองถ่ายบอกว่าไปเปลี่ยนชุดเพื่อถ่ายทำต่อ “บังเอิญหรือตั้งใจมา” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งธูปหอมคุ้นเคยดี จึงหันไปยิ้มจางๆ ให้ “น่าจะบังเอิญ เพราะเรามาดูนางแบบทำงาน” ธูปหอมพูดขึ้น โดยสายตาจับจ้องอยู่ที่กอหวาย ซึ่งเมื่อมองเห็นธูปหอมส่งยิ้มให้ เล็กน้อยก่อนไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อย “นึกว่าอยู่เฝ้าแต่ห้องสมุด” ผู้หญิงคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ พูด “ลงมาเมื่อไหร่ครับ แม่” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น “เพิ่งลงมา อ้อเทียน นี่น้าธูปแฟนเก่าแม่” นาราบอกกับลูกชายที่ชื่อ เทียนเทพ ซึ่งยิ้มและรีบพนมมือไหว้ ธูปหอมถอนใจขณะ มองสบตากับชายหนุ่มหน้าตาดีที่เป็นแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ และดูไม่แปลกใจที่มารดาแนะนำว่า ธูปหอม เป็นอดีตคนรัก “มิน่า ผมถึงชื่อ เทียน” เทียนเทพยิ้มให้มารดาและธูปหอมที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งนารารีบเดินตามไปทันที โดยให้ลูกชายอยู่ ดูแลกอหวาย ธูปหอมไม่ได้สนใจว่ามีใครเดินตามมาหรือไม่ ขณะออกจากห้องน้ำและมายืนล้างมืออยู่ ถึงได้เห็นนาราเดินตามเข้ามา “มีปัญหาเรื่องเงินหรือเปล่า ถึงต้องมาดูแลนางแบบ” นาราได้ยินจากลูกชายว่า ธูปหอมเป็นผู้จัดการของกอหวาย “เปล่า” “ถ้ามีให้เราช่วยเธอนะ” นาราพูดขึ้น “เธอคิดจริงๆ หรือว่า เราอยากให้เธอช่วย” ธูปหอมถาม “เธอฟังเราก่อน” นาราขยับเข้าใกล้ ธูปหอมขยับถอยห่างจนหลังพิงเข้ากับผนัง “แผลที่คอ” ธูปหอมเห็นแผลที่คอ ซึ่งมีแผลเป็นค่อนข้างใหญ่ “อดีตสามีทำร้ายร่างกาย เราเพิ่งหย่า เทียนเห็นด้วยเรื่องที่เราหย่ากับพ่อเขา เพราะไม่อยากให้เราโดนทำร้าย” นาราบอกเรื่อง ครอบครัวซึ่งทำเอาธูปหอมนิ่งงันไป “คงเจ็บมากสิ” ธูปหอมพูดขึ้น ขณะจ้องมองแผลเป็นของนาราที่เริ่มดึงแขนเสื้อลงมาเพื่อเผยให้เห็นไหล่ที่มีรอยช้ำสีม่วง “เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” ธูปหอมรำพึงออกมาเบาๆ นาราเบียดตัวเข้าหาและจับมือของธูปหอมวางลงที่รอยฟกช้ำ ซึ่งถูกอดีตสามี ทำร้ายเมื่อไม่นานมานี้ก่อนจะเซ็นใบหย่า เพราะทางอดีตสามีรู้สึกเสียหน้าที่ถูกภรรยาฟ้องหย่า จึงหาวิธีทำร้ายต่างๆ นาๆ ธูปหอมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน เพราะสามีของนารามีหน้าตาทางสังคมมีตำแหน่งใหญ่โตในแวดวงธุรกิจธนาคาร จึงทำให้ธูปหอมคิดว่าอดีตคนรักมีความสุขดี เพราะจากที่เคยเห็นตามหน้านิตยสารรวมถึงการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ทำให้คิดว่า เป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันและมีความสุข โดยเฉพาะ เมื่อพูดถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เลือกอาชีพเดียวกับมารดา ธูปหอมเอามือไล้เบาๆ ไปที่แผลฟกช้ำด้วยหวังว่าจะช่วยให้คลายเจ็บปวดลงได้บ้าง “อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เสียงของกอหวายทำให้ธูปหอมเบี่ยงตัวเล็กน้อย “เดี๋ยว หวาย” ธูปหอมเรียกกอหวาย แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเห็นหันหลังและรีบเดินออกไปทันที “เราไปก่อนนะ” ธูปหอมบอกนาราที่ยิ้มๆ ให้ “ไว้จะไปเยี่ยมที่ห้องสมุด ส่งดอกไม้ไปทำเหมือนไม่สนใจ แต่เธอก็ยังเป็นเธอที่ห่วงใยในตัวเราไม่เคยเปลี่ยน” นาราพูดขึ้น ธูปหอมไม่ได้สนใจฟังสักเท่าไรนักและรีบตามกอหวายออกไปทันที “ปล่อยหวายนะ” กอหวายพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้นธูปหอมยิ่งกอดให้แน่นขึ้นอีก “หยุดดิ้นได้แล้ว ถ้ายิ่งดิ้นจะยิ่งกอดให้แน่น หยุดแล้วฟัง” ธูปหอมพูดเสียงเรียบคล้ายดุกอหวายที่หยุดดิ้นและยืนนิ่งหวังว่า ธูป หอมจะคลายอ้อมกอดออก แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเพราะทำเพียงแค่คลายออกเล็กน้อยเท่านั้น “ปล่อยได้แล้วสิ ไม่ดิ้นแล้ว” กอหวายพูดน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “ปล่อยเลย ก็หนีอีก มานี่เลย” ธูปหอมดึงตัวกอหวายหลบออกไปทางประตูหนีไฟ “อะไรของน้าธูป” กอหวายพูด ขณะจ้องธูปหอมไม่วางตา “เสร็จงานหรือยัง” ธูปหอมถาม “เสร็จแล้ว ปล่อยหวายไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะเข้าใจผิดว่าเรา” กอหวายไม่ทันได้พูดอะไร เพราะริมฝีปากของธูป หอมเบียดแนบชิดทำเอาหัวใจแทบจะระเบิดออกมานอกอก กอหวายตอบรับสัมผัสทันที โดยไม่คิดหรือหาเหตุผลอะไรเลย ความโกรธ ที่เห็นธูปหอมอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมลายหายไป เมื่อริมฝีปากของธูปหอมทาบทับมาที่ริมฝีปากของตัวเอง “ยังจะหนีอีกไหม” ธูปหอมถาม โดยใบหน้ายังอยู่ใกล้ชิดกับใบหน้าของกอหวาย “จูบหวายทำไม น้าเขาไม่จูบหลานหรอกนะ” กอหวายพูดงึมงำ “ก็น้าชอบหวาย จูบได้หรือยังทีนี้” ธูปหอมพูดน้ำเสียงฟังดูเหมือนพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไป แต่กอหวายรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเชื่อ ว่า น่าจะแดงมากสังเกตได้จากรอยยิ้มของคนที่จุมพิตเล็กๆ อย่างอ่อนหวานอีกครั้ง “ชอบแล้วยังไง จูบง่ายๆ แบบนี้เลย” กอหวายไม่กล้ามองสบตาด้วย “ถ้าหวายไม่ชอบ ก็ไม่ต้องจูบตอบ” พูดจบธูปหอมจุมพิตกอหวายอีกครั้งอย่างนุ่มนวลและอ่อนหวานเสียจนกอหวายดึงตัวธูปหอมให้แนบชิดมากยิ่งขึ้น “ร้ายกาจมาก น้าธูป” กอหวายพูดขึ้น “ชอบคนร้าย หรือชอบคนดีจะได้เป็นคนนั้นให้” คำพูดหยอกเย้าของธูปหอมทำให้กอหวายแปลกใจ “ไม่รู้ ไปได้หรือยัง หวายต้องไปลาทีมงาน อ้อน้าธูปต้องไปรับเช็คเองด้วย เพราะหวายบอกให้เขาเอาไปให้น้าธูป ป่านนี้ ตามหาเราแล้วล่ะ” “เดี๋ยว เมื่อกี้ไม่ได้ทำอะไรเลยที่หวายเห็น แค่ดูแผล แล้วก็ไม่ได้จูบใครเหมือนจูบหวาย ถ้าเห็นอีกเดินมาถามเลยว่า ทำอะไรกัน อยู่ อย่าเดินหนีอีกนะ” ธูปหอมอมยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของกอหวาย “อย่ามาพูดดีเลย ถ้าไม่เข้าไปล่ะก็คงโดนจูบไปแล้ว” “น้าเคยเป็นแฟนกับเขาอยู่ด้วยกัน 3 – 4 ปีได้ และเขาเป็นเจ้าของดอกทิวลิปสีชมพู” กอหวายนิ่งฟังมองดูธูปหอมที่รอยยิ้มจาง ลงเล็กน้อย “เขาทิ้งน้าธูปไปแต่งงาน อย่างนั้นหรือเปล่าคะ” กอหวายถาม แต่เมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยด้านนอก จึงตัดสินใจพากันออกจาก ตรงนั้น “เขาเลือกสิ่งที่เขาต้องการ ก็แค่นั้นแหละ” ธูปหอมบอกและรีบเดินกลับไปทางด้านหน้า ซึ่งกองถ่ายโฆษณาเก็บของจนเกือบเรียบร้อย กอหวายไปบอกลาและบอกขอบคุณทุกคนไม่ว่าอายุมากกว่าหรือเด็กกว่า กอหวายพนมมือไหว้ทุกคนอย่างอ่อนน้อม ธูปหอมยืนดูแล้วยิ้มกับสิ่งที่ได้เห็น “คุณหวายครับ ขอบคุณมากนะครับ” เทียนเทพนำช่อดอกทิวลิปมาให้กอหวาย ซึ่งเป็นทิวลิปสีชมพู กอหวายหันมามองทางธูป หอมที่กำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่การเงินและเซ็นเอกสาร จึงรีบรับดอกไม้มาถือไว้ก่อนจะเอ่ยปากเพื่อขอตัวกลับ “เธอน่าจะได้หลานสะใภ้เร็วๆ นี้นะ” ธูปหอมไม่ได้สนใจคำพูดของนารานัก เพราะไม่อยากพูดคุยเรื่องของกอหวายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ยิ้มๆ เมื่อหันไปเห็นกอหวายยืนอยู่กับแพทย์หนุ่มที่ชื่อ เทียนเทพ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ถ่ายโฆษณาคู่กับกอหวาย ธูปหอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือเพื่อให้กอหวายจับต่อหน้านาราที่มองดูลักษณะท่าทางและการแสดงออกของธูปหอม ซึ่งเอาใจ ใส่และดูแลกอหวายเกินหน้าเกินตาผู้จัดการ “หวายลานะคะ” กอหวายพนมมือไหว้ นาราพนมมือแล้วยิ้มให้ ขณะมองไปทางลูกชายที่ยืนยิ้มมองตามกอหวายที่ควงแขนเดิน เคียงคู่ไปกับธูปหอม “ไม่น่าใช่ ถ้าชอบเด็กอายุขนาดนั้น ปวดหัวตายกันพอดี” นาราคิด กอหวายเงียบไปตั้งแต่ขึ้นรถมา โดยมีธูปหอมเป็นคนขับ เพราะปกติทางทีมงานมีรถรับส่งทำให้กอหวายไม่ได้ขับรถมา จึงได้มานั่งอยู่ข้างๆ ผู้จัดการที่หันมามองอยู่บ้าง “ไม่เป็นอะไรหรือคะ เวลาเราจูบกัน” จู่ๆ กอหวายก็พูดขึ้น “ทำไมต้องเป็นอะไรด้วย” “ก็ ถ้าน้าธูปว่าไม่เป็นไร ก็ตามนั้นค่ะ” กอหวายไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงบุคคลที่ 3 ทำได้เพียงแค่ตั้งคำถามในใจ หรือธามกับธูปหอมมี ปัญหากัน “คอนโด หรือบ้าน มีแถมให้อีกทีหนึ่งด้วย” ธูปหอมพูดขึ้น กอหวายรีบหันมาทันที “ถ้าจะให้กลับไปที่ห้องสมุด ขอกลับไปนอนเงียบๆ ที่คอนโดดีกว่า” กอหวายพูดคล้ายบ่น ขณะหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า “ไม่อยากไปอีกที่หรือ ยังหัววันอยู่เลย ไปเถอะ อยากพาไป” “งั้นรับนี่ไปก่อนค่ะ ถึงจะยอมไปด้วย” กอหวายยื่นให้ ธูปหอมมองดูก่อนจะรับไปถือเอาไว้ ถึงแม้มีคำถามมากมายในใจว่า สมควรหรือไม่ที่ให้กุญแจห้องพักของตัวเองไปกับธูปหอม หากแต่การแสดงออกกับคำพูดที่บอกว่า ชอบ ทำให้กอหวายตัดสินใจได้ เพราะพยายามห้ามตัวเองและเลือกที่จะไม่ไปที่ห้องสมุด แต่สุดท้ายพอได้พบความรู้สึกยิ่งชัดเจนมากขึ้น ถึงธูปหอมพูดแค่ว่าชอบ แต่ สำหรับกอหวายคิดว่า ตัวเองตกหลุมรักธูปหอมทั้งๆ ที่เจ้าตัวมีคนอื่นอยู่ด้วยและยังมีอดีตคนรักปรากฎตัวเพิ่มมาอีก “งั้นพาไปที่ๆ อยากให้ไปได้แล้วสิ” ธูปหอมไม่ได้แปลกใจที่แง้มดูถุงผ้าเล็กๆ เห็นเป็นกุญแจกับบัตรผ่านเข้าคอนโดมีเนียมของกอหวาย “เราจะไปไหนกันคะ” กอหวายพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น “บ้าน” ธูปหอมบอก กอหวายขมวดคิ้วหันมาจ้องธูปหอมที่อมยิ้มได้น่าหมั่นไส้มาก “กินอะไรผิดมาไหม ถ้าเกิดพรุ่งนี้ไม่เป็นแบบวันนี้ หวายจะแย่เอานะคะ” กอหวายเอ่ยถาม แต่ไม่ได้อยากได้คำตอบ “ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนปลดโซ่ตรวนที่คล้องน้าเอาไว้ จู่ๆ รู้สึกโล่งและมีอิสระขึ้นมา ขอโทษที่ก่อนหน้าไม่ได้ชัดเจน” ธูปหอม ยิ้มให้กอหวาย “ทางของเราไม่ต้องคิดเรื่องโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะมองเห็นหญ้ารกท่วมหัวมาแต่ไกลเลยล่ะ แต่หวายตัดใจไม่ไหวจริงๆ” กอหวายบอกความรู้สึกของตัวเองให้ธูปหอมได้รับรู้ มือที่ทาบทับที่ศีรษะอย่างทะนุถนอมทำให้กอหวายรู้สึกสบายใจและอยากลืม เรื่องราวมากมายที่ทำให้กังวลใจ หากหลังจากนี้ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป โดยไม่รู้ด้วยว่า 3 เส้า หรือ 4 เส้า กอหวายมั่นใจเพราะไม่ ว่าอย่างไร ก็คงตกหลุมรักธูปหอมอยู่ดี “ช่วยกันถางหญ้า ถ้าหวายไม่ไหวคงไม่ไปหาน้าบ่อยๆ หรอกใช่ไหม” “รู้ตั้งนานแล้ว ทำไมทำเฉยเหมือนแค่เอ็นดูเลย” กอหวายพูดต่อว่า “เจ็บปวดมาจนกลัว อีกอย่างเราก็อายุน้อยเหลือเกิน” “หวายไม่อยากให้น้าธูปเจ็บปวดเลย อยากให้มีความสุข หวายแอบกังวลว่าตัวเองจะไปทำให้ความสุขที่น้าธูปมีหายไปด้วย ซ้ำ” กอหวายบอก “วุ่นวายนัก พาหนีก็สิ้นเรื่อง” ธูปหอมเลี้ยวรถเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งที่ประตูรั้วอัตโนมัติถูกเปิดออก กอหวายมองดูบ้านสีขาวที่ เหมือนเพิ่งถูกทาสีให้ดูใหม่ เพราะโครงสร้างของบ้านดูแล้วน่าจะอยู่ในรุ่นที่ธูปหอม ยังเยาว์วัย ความสง่างามของตัวบ้าน ซึ่งหลบซ่อนอยู่ใจกลางเมืองดึงความสนใจกอหวายให้ค่อยๆ เดินเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเป็นแบบบ้าน ที่หายาก บ้านของธูปหอมที่เป็นห้องสมุดจัดว่าสวยงามมากอยู่แล้ว แต่บ้านหลังนี้ งดงามกว่ามาก “บ้านใครคะ” กอหวายถาม “บ้านของเรา” ธูปหอมพูดขึ้น “ไม่น่าใช่ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยจะมาเป็นบ้านเราได้อย่างไร” “ได้สิ แค่หวายรับกุญแจไว้” ธูปหอมหยิบกุญแจยื่นให้กอหวาย “ถามจริง” กอหวายมองดูพวงกุญแจที่ธูปหอมถืออยู่ “เปิดเข้าไปเลย” ธูปหอมยิ้ม ขณะจับมือกอหวายและนำกุญแจใส่ให้ในมือ เมื่อนึกถึงกุญแจคอนโดมีเนียมที่ได้รับมาอดยิ้มไม่ได้เพราะกอหวายคิดเหมือนตัวเองที่อยากให้บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความหมายกับทุกคน ภายในถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย สะอาดสะอ้าน ไม่มีของแต่งบ้านอะไรมากมาย แต่พอดีในความรู้สึกของกอหวาย เพราะการตกแต่งไม่ต่างจากที่คอนโดมีเนียมนัก “บ้านเก่าของครอบครัวหรือคะ” กอหวายถาม แต่เมื่อมองเห็นรูปชายหนุ่มกับหญิงสาว ซึ่งผู้ชายดูคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จัก กอหวาย ทำท่าคิด เมื่อคิดออกถึงกับเอามือปิดปากรีบหันมาหาธูปหอมทันที “ตาบุญ” กอหวายพูดขึ้น ธูปหอมยิ้มกว้างมากขึ้น เดินมาโอบไหล่ กอหวายเอาไว้ “บ้านเก่าของลุงบุญกับภรรยาคนแรกที่อยู่ด้วยกันไม่กี่ปี ภรรยาเสียแกเล่าให้น้าฟังและชวนมาดู ตอนมาดูเขาติดประกาศขาย บ้านค่อนข้างทรุดโทรม น้าเห็นลุงบุญยิ้มทั้งน้ำตาและหวังไว้ว่า จะพาแกมาดูตอนตกแต่งเสร็จแล้ว สุดท้ายไม่มีโอกาสนั้น หวายบอก เองไม่ใช่หรือว่า ลุงบุญฝากให้หวายช่วยดูแลน้า” ธูปหอมถามแบบพูดไม่เต็มเสียงนัก ความอ่อนแอจาก การสูญเสียผู้ใหญ่ที่รักและเคารพ ยามเมื่อนึกถึงทำให้มีน้ำตาเอ่อจนเกือบไหลรินออกมา “คิดถึงตาบุญ ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย น้าธูปเห็นกับตานี่นาว่าตอนแกเสียนอนยิ้มเหมือนคนนอนหลับ นั่นแสดงว่า ตาบุญมีความสุขอยู่ในที่ใดที่หนึ่งแล้วล่ะ หวายยังเลิกคิดเรื่องที่โดนคนอื่นว่าเลยที่พาตาบุญออกไปไกลบ้านทำให้เหนื่อยจนเสียชีวิต” กอหวายบอก ธูปหอม “หยุดคิดเรื่องนี้ได้แล้วนะ” “งั้นคิดเรื่องน้าธูป” กอหวายพูดขึ้น “เรื่องอะไร” “เรื่องอะไรที่เล่าให้ฟังได้บ้างล่ะ” กอหวายถาม “ลองถามดูได้ บางทีนึกไม่ออกเอาเป็นว่าค่อยเป็นค่อยไป ถ้าน้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวหวาย น้าจะถาม” ธูปหอมยิ้มมองดูกอ หวายที่จ้องเขม็งอยู่ จึงเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยโน้มตัวไปจูบที่ศีรษะของกอหวาย “หวายรักน้าธูปได้ใช่ไหม” กอหวายถาม ธูปหอมยิ้มๆ แล้วจุมพิตที่ริมฝีปากของกอหวายที่ยิ้ม เมื่อนึกถึงครั้งก่อนๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายจูบก่อน “ตอบไปตั้งหลายครั้ง ถ้าน้าไม่รู้สึกด้วยจะจูบตอบไหม” “แล้วที่แตะอกหมอนา ตอบอะไรเขาอยู่หรือเปล่า” กอหวายถาม “คิดนิดหนึ่ง” ธูปหอมหัวเราะเล็กๆ “น้าธูป ไม่น่ารักเลย” “ชอบคนน่ารัก ว่างั้น” ธูปหอมพูดแหย่ “ค่ะ ชอบเพื่อนแม่นี่แหละ น่ารักที่สุดแล้ว” คำพูดของกอหวายทำให้ธูปหอมรอยยิ้มจางไป แต่พยายามฝืนยิ้มเพื่อกอหวายจะได้ไม่คิดมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD