ตอนที่ 5

1542 Words
5 “กลับมาแล้วหรือหนูนารา เป็นไงบ้างลูก วันนี้ได้งานไหม” เสียงดังมาจากหญิงร่างท้วมนาม...นวล เจ้าของบ้านเช่าผู้ใจดี “วันนี้ป้าทำแกงไตปลา ป้าตักมาเผื่อหนูด้วยลูก” นวลส่งถ้วยแกงให้พร้อมกับรอยยิ้ม นราวดีไหว้ขอบคุณและรับถ้วยแกงมาถือไว้ “ขอบคุณค่ะป้า ป้าใจดีกับหนูที่สุดเลย” น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าตา ปกติแล้วป้านวลจะมีใบหน้าเศร้าสร้อยตลอดเวลาเหมือนรอคอยใครบางคน แต่กลับยิ้มได้เมื่ออยู่กับเธอคนที่ขาดความอบอุ่นตั้งแต่แม่ตาย ถึงมีพ่อแต่ก็ไม่ค่อยได้สนใจ แต่วันนี้สองคนต่างวัยได้เติมความรู้สึกให้แก่กัน "วันหลังไม่ต้องก็ได้คะป้า ค่าเช่าบ้านป้าก็ลดให้จนเหมือนกับว่าหนูได้อยู่ฟรีๆ แล้วยังจะมีอาหารหวานคาวมาให้ตลอดทุกวันด้วย หนูเกรงใจ ไม่รู้ว่าจะตอบแทนความใจดีที่ป้ามีให้ได้ยังไง” นราวดีน้ำตาคลอซาบซึ้งใจกับความรักของป้านวลที่มีให้ ส่วนเธอมีเพียงรอยยิ้มอย่างจริงใจทั้งใบหน้าและดวงตาและความรักและความห่วงใยกลับไปให้เท่านั้น นวลยกมือลูบแผ่นหลังนราวดี “หนูอย่างพูดอย่างนั้นสิลูก การที่มีหนูมาอยู่ใกล้ๆ ทำให้ป้ารู้สึกดีใจเป็นที่สุดเลยรู้ไหม ป้ามีลูกก็เหมือนไม่มี ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกชายป้าจะเป็นตายร้ายดียังไง อยู่ที่ไหน ข่าวคราวก็ไม่เคยส่งมา” แค่เพียงพูดถึงลูกชายที่หายหน้าหายตาไปเกือบสิบปี น้ำตาของคนเป็นแม่ก็ไหลอาบแก้มด้วยความเป็นห่วงและเจ็บปวด นราวดีวางถ้วยใส่แกงพร้อมกับถุงนมบนพื้นใกล้ๆ กับประตู พลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของป้านวลอย่างอ่อนโยน “ป้าหวังว่าก่อนตาย จะได้รับรู้ข่าวคราวหรือได้เห็นหน้าลูกอีกสักครั้ง แค่นี้ป้าก็มีความสุขแล้ว” นราวดีน้ำตาคลอกับเสียงแหบพร่าและสั่นเครือของป้านวล ใจเธอกระหวัดไปถึงคนเป็นพ่อ ไม่รู้ว่าป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่ หรือจะมีความสุขกับครอบครัวใหม่จนลืมลูกสาวคนนี้เสียแล้ว นราวดีจูงมือเหี่ยวมานั่งบนพื้นห้อง โอบแขนรอบเอวใหญ่ “ป้ามีหนูแล้วนี่คะ หนูขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกสาว มีอะไรที่ไม่ดีป้าก็คอยสั่งสอนหนูด้วยนะคะ” นราวดีพูดปลอบโยนเสียงหวาน เอนตัวไปจนศีรษะซบกับอกอุ่นๆ ของป้านวล “หนูมีพ่อก็เหมือนไม่มี พ่อก็มีความสุขกับครอบครัวใหม่ไปแล้ว ส่วนหนู...ไร้ญาติขาดมิตรอยู่ท่ามกลางบ้านเมืองที่ไม่คุ้นเคย” “ป้าเสียอีกที่กลายเป็นภาระของหนู ป้าแก่แล้ว ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่อีกสักกี่วันกี่เดือน ถ้าเกิดเจ็บป่วยไม่สบายหรือเป็นอะไรไป ก็คงจะมีแต่หนูนี่แหละที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้ หนูคงจะไม่รังเกียจป้าแก่ๆ ที่ต้องการความรักจากหนูหรอกนะลูก” ป้านวลพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาผู้หญิงคนหนึ่งที่รอคอยและเฝ้าครุ่นคิดถึงลูกผู้ชายที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง อยู่ที่ไหน เฝ้ารอการกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ แต่คืนวันผ่านไปก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคนที่เฝ้ารอ หญิงสองวัยต่างก็พูดจาถนอมน้ำใจกันและกัน แขนของทั้งคู่โอบลำตัวของแต่ละฝ่าย น้ำตาไหลเป็นทาง นราวดีเป็นเหมือนกับนกหลงทางหาบ้านไม่เจอ ส่วนป้านวลก็เหมือนกับคนที่ยืนอยู่กลางท้องเวิ้งว้างแสนเปลี่ยว เพียงแค่มีใครหยิบยื่นความรักและความหวังดีให้ ก็พร้อมที่จะรับไว้โดยไม่เกี่ยงงอน ดูเหมือนว่าเจ้าแมวเหมียวตัวน้อยที่อยู่ในกระเป๋านราวดีจะรู้สึกหิวจัด หรือไม่ก็คงจะอึดอัดเพราะแรงกอดเลยโผล่หน้ามาส่งเสียง นราวดีเช็ดน้ำตาบนใบหน้าตัวเองและของป้านวล “เราอย่าพูดเรื่องที่ทำให้เศร้าใจดีกว่าค่ะ วันนี้มีเรื่องน่ายินดี แต่หนูก็มีเรื่องต้องขออนุญาตป้าด้วยค่ะ” นราวดีพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “อะไรลูก” ป้านวลก้มมองเมื่อนราวดียื่นมือมาตรงหน้าพร้อมกับเจ้าสัตว์หน้าขนตัวเล็กสีดำเกือบจะทั้งตัว ยกเว้นเท้าทั้งสี่ข้าง จมูก ปากและดวงตาจะเป็นสีขาว “หนูเจอมันระหว่างทางกลับบ้าน แม่และพี่น้องมันตายหมดเลย เหลือมันตัวเดียวที่ยังรอด หนูเลยคิดว่าจะเอามันมาเลี้ยงคะ แต่หนูได้งานแล้ว คงจะไม่มีเวลาเลี้ยงดูมันเท่าไหร่ ก็คงจะต้องรบกวนคุณป้า” “ไม่เลยลูก ไม่เลย” ป้านวลตอบปฏิเสธ พลางยื่นมือไปจับหัวลูกแมวตัวน้อยดึงมันมาไว้เสียเอง “ดูท่ามันจะหิวนะลูก ดูสิดูดมือป้าใหญ่เลย” นราวดียิ้มให้ป้านวล พลางกระวีกระวาดหยิบนมเจาะรูแล้วก็เทใส่จานใบเล็กที่ซื้อติดมือมาก่อนที่จะเข้าบ้าน นิ้วเล็กป้ายนมในจานมาป้อนที่ปากเจ้าลูกแมวตัวน้อยที่เลียอย่างรวดเร็ว หญิงสาวทำแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนเจ้าเหมียวตัวน้อยอิ่ม มันเปลี่ยนเป็นซุกหาไออุ่นจากมือป้านวลและหลับตาลง นราวดีจัดหาเสื้อที่ไม่ใช่แล้วมาทำเป็นที่นอนให้เจ้าเหมียวตัวน้อยยกมันไปวางบนผ้าและมองดูท่านอนที่กางแขนขาแผ่หลาจนเธอและป้านวลหัวเราะอย่างตลกขบขัน “เมื่อกี้หนูบอกป้าว่าได้งานแล้ว หนูจะไปทำงานวันไหนล่ะ ที่ทำงานอยู่ไกลไหมลูก” “วันจันทร์ค่ะป้า ที่ทำงานก็ไม่ได้ไกลเลย ใกล้ๆ แค่นี้เอง” นราวดีตอบพร้อมกับเก็บอาหารถุงที่ซื้อที่ซื้อมาไปแอบไว้ด้านหนึ่งของห้อง “คุณป้าทานข้าวกับหนูนะคะ ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองที่หนูได้งานด้วย” “ดีกว่าทานคนเดียวอยู่แล้ว” เย็นวันนั้นก็มีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของสองหญิงต่างวัยดังออกมาจากบ้านเช่าหลังเล็กที่เปี่ยมด้วยความสุขซึ่งอบอวลอยู่รอบๆ   นราวดีนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าห้องเช่า ในมือมีเจ้าเหมียวตัวน้อยนอนมุดอยู่ระหว่างนิ้ว อีกสองวันเธอก็จะได้เริ่มทำงานที่จะทำให้ไม่เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องเงินอีกแล้ว “ตั้งแต่ได้งานนี่ป้ารู้สึกว่าหนูนาราจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ” นราวดียิ้มอายๆ กับคำทักทายของป้านวล “ว่าแต่หนูมีชุดจะใส่ไปทำงานหรือยังล่ะ” นราวดีส่ายหน้า “ยังเลยค่ะป้า หนูลืมไปสนิทเลย นี่ถ้าป้าไม่ทัก มีหวังวันแรกหนูคงจะไปทำงานเป็นพนักงานใหม่ที่มอซอที่สุดเลยละคะ” ใบหน้าหญิงสาวหมองลง เมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเพียงแค่ไม่กี่ร้อยบาท ไม่รู้ว่าเธอจะใช้มันจนถึงสิ้นเดือนหรือเปล่า ไหนจะค่าเช่าห้องเดือนต่อไปอีกล่ะ ไหนจะค่ากินที่ตอนนี้ไม่ใช่เฉพาะของเธอคนเดียว แต่ยังมีเจ้าเหมียวตัวน้อยอีก “เป็นอะไรไปลูก มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นวลลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าอย่างเอ็นดูระคนสงสาร จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นนราวดีพร้อมกระเป๋าผ้าใบเล็กแวะเข้ามาถามว่าแถวๆ นี้มีบ้านให้เช่าบ้างหรือเปล่า พอบอกว่ามี เธอก็ถามกลับว่าค่าเช่าแพงไหม เธอมีเงินติดตัวมาไม่มาก คงจะเป็นโชคดีของนราวดีที่ห้องที่ให้เช่าว่าง นางก็เลยตัดใจลดค่าเช่าห้องให้เป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะดวงตาคู่นั้น...ดวงตาที่เหมือนกับเด็กหลงทางต้องการที่อบอุ่นๆ พักพิงใจและกาย นวลคิดผิดที่ให้นราวดีเช่าห้อง เพราะเด็กคนนี้ได้นำความสดชื่นแจ่มใสและมีความสุขมาให้ เหมือนกับว่านางมีลูกมาอยู่ข้างๆ ความรู้สึกอยากปกป้องคุ้มครองลูกตัวเองเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ หญิงสาว “ปะ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ” คราวดีพูดไม่ออก แค่เรื่องค่าเช่าห้องที่รู้มาจากเพื่อนข้างๆ ห้องซึ่งชอบบ่นเวลาต้องจ่าย ทำให้รู้ว่าป้านวลเก็บจากเธอน้อยกว่าคนอื่นเป็นครึ่ง ทำให้เธออยากตอบแทนพระคุณป้านวลให้มากที่สุด พร้อมสัญญากับตัวเอง มีงานทำ ได้เงินเดือนๆ แรกเมื่อไหร่ จะจ่ายค่าเช่ามิให้ขาดเลย แม้จะเหลือเงินอีกไม่มาก แต่ถ้าใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือยเธอก็จะมีเงินเหลือจนถึงสิ้นเดือนและพอซื้อชุดทำงานใหม่สักชุดสองชุด “มานี่สิจ๊ะ ป้าจะให้ดูอะไร” นวลจูงมือนราวดีเดินไปบ้านของนางที่อยู่ใกล้กัน 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD