ขายข้าวเปลือก

2871 Words
รุ่งเช้าวันต่อมา ทุกคนในบ้านฮั่วตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะได้ออกมานอนพักก็กินเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่าจะซ่อมเกวียนเสร็จให้พร้อมกลับมาใช้งานได้อย่างแข็งแรงและทนทานอีกครั้ง นางฮั่วเจินผู้เป็นแม่รีบลุกมาหุงข้าวและอุ่นกับข้าวที่เหลืออยู่ตั้งแต่ตี 3 จากนั้นซานเฉียวก็พาทุกคนเข้าไปในมิติและเริ่มลงมือทำงานทันที ซานหลางกับซานถังผู้เป็นพ่อ รีบไปขับรถเกี่ยวข้าวออกมาจากโรงนา ทั้งคู่ไม่ลืมที่จะเตรียมกระสอบบรรจุข้าวเปลือก พร้อมกับเชือกฟางให้พร้อมใช้งานในการปิดปากถุง "เราน่าจะได้ระบายข้าวออกประมาณ 3 ครั้งนะครับพ่อ รถเกี่ยวข้าวคันนี้บรรจุข้าวได้ 1,700 กิโล แต่เท่าที่ผมเกี่ยวมาได้ 1 ไร่เราก็ได้ข้าวมากกว่า 1 ตันแล้ว เกี่ยวต่ออีกสักหน่อยก็ต้องไปบรรจุใส่กระสอบแล้วล่ะผมว่า" ฮั่วซานหลางปรึกษากับผู้เป็นพ่อที่อยู่บนรถเกี่ยวข้าวด้วยกัน "เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันลูก เกี่ยวอีกสักหน่อยก็ขับไปที่ลานข้างเกวียนได้เลยนะ เดี๋ยวพ่อกับน้องจะไปรอตรงนั้น" "ครับพ่อ เดี๋ยวผมตามไป" พูดจบฮั่วซานถังก็ลงจากรถแล้วรีบลงไปเตรียมกระสอบช่วยลูกสาวกับบิดาที่รออยู่บริเวณลานกว้าง ส่วนภรรยาของเขากับมารดากำลังชื่นชมสวนผักที่เพิ่งปลูกลงไปเมื่อวาน แต่เช้านี้กลับสามารถเก็บมาทำอาหารได้แล้วซึ่งนั้นก็ทำให้ทั้งสองตื่นเต้นจนต้องรีบไปหาเมล็ดพันธุ์อย่างอื่นมาปลูกเพิ่มอีก "ดื่มน้ำก่อนไหมคะพ่อ" "ขอบใจมากลูก อีกเดี๋ยวเจ้าใหญ่จะขับรถออกมาระบายข้าวออกแล้วนะ" "ได้ค่ะ หนูเตรียมกระสอบไว้พร้อมแล้ว" ซานเฉียวยื่นขันน้ำที่ทำจากเหล็กให้ผู้เป็นพ่อดื่มให้หายเหนื่อย ไม่นานซานหลางก็ขับรถเกี่ยวข้าวออกมาที่ลานกว้าง ทุกคนจึงมาช่วยกันกรอกข้าวเปลือกใส่กระสอบจนเสร็จไปหนึ่งรอบ ซานหลางพักดื่มน้ำไม่นานก็รีบขับรถเกี่ยวข้าวเข้าไปเริ่มเก็บเกี่ยวอีกครั้ง เขาต้องการเกี่ยวให้เสร็จแต่เช้าแล้วรีบบรรจุขึ้นเกวียนเพื่อนำเข้าไปขายในเมืองให้เร็วที่สุด ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้นเพราะนั่นคือทางรอดเดียวของครอบครัวในตอนนี้ แม้จะมีความกังวลอยู่บ้างว่าชาวบ้านจะเห็นตอนที่นำข้าวเข้าไปขาย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีอะไรที่ต้องเสียแล้ว หาเงินได้เร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็สามารถไปเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น "ได้กี่กระสอบอาเฉียว" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวที่กำลังนับกระสอบข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวมาทั้งหมดแล้ว เนื้อที่ 5 ไร่ให้ข้าวพวกเขามาไม่น้อย "ได้ 120 กระสอบค่ะพ่อ" "เกวียนนึงน่าจะใส่ได้แค่ 50 กระสอบเท่านั้นนะลูก" "เราเอาไปขาย 2 ครั้งก็ได้ค่ะพ่อ แต่คงต้องเดินเท้าออกจากหมู่บ้านไปก่อน รอให้พ้นสายตาคนเราค่อยเอารถไถออกมา" "แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน พ่อก็ไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นเท่าไหร่ เจ้าใหญ่ ลูกเติมน้ำมันรถไว้แล้วใช่ไหม ถ้าเติมแล้วพ่อจะได้เรียงกระสอบข้าวขึ้นเกวียนเลย" ฮั่วซานถังเอ่ยถามลูกชายที่เพิ่งเอารถเกี่ยวข้าวเข้าไปเก็บในโรงนาเพิ่งกลับมา ส่วนเกวียนตอนนี้ถูกดัดแปลงเชื่อมต่อกับท้ายรถไถไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เครื่องมือต่าง ๆ ที่มีอยู่ในมิติทำให้สองพ่อลูกฮั่วซานถังกับฮั่วซานหลางถูกใจไม่น้อย ไม่ว่าจะดัดแปลงอะไรก็ง่ายดายไปหมด "เรียบร้อยแล้วครับพ่อ เดี๋ยวผมช่วย ผมเตรียมเชือกแล้วก็ตาข่ายคลุมของออกมาเรียบร้อยแล้วด้วย" ซานหลางชูสิ่งของในมือให้บิดาพร้อมรอยยิ้ม อย่างที่บอกว่าพออุปกรณ์ทุกอย่างมีพร้อม มันก็ทำให้เขาทำงานได้อย่างง่ายดายไปหมด ข้าวเปลือกกว่า 50 กระสอบถูกเรียงขึ้นเกวียนและมัดเชือกพร้อมกับคลุมตาข่ายเรียบร้อยภายในเวลาไม่นาน หากใช้แรงงานสัตว์ในการลากเกวียนพวกเขาคงไม่สามารถบรรจุข้าวเปลือกไปได้มากขนาดนี้ แต่นี่เป็นรถไถขนาด 100 แรงม้าจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจ งานในมิติเสร็จในช่วง 7 โมงเช้า ทุกคนกลับออกมาจากมิติแล้วใช้ชีวิตกันตามปกติ ซานเฉียว ซานถังและซานหลางเตรียมตัวออกเดินทางเข้าเมือง ส่วนฮั่วเจินกับพ่อแม่สามีก็รับอาสาไปหาเก็บเจ้ากุ้งหัวแข็ง พร้อมกับเดินหาเห็ดเพื่อเตรียมไว้เป็นเสบียงก่อนเดินทาง "อาเฉียวไม่เป็นไรใช่ไหมลูก" ฮั่วซานถังผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง บ้านของพวกเขาอยู่ท้ายหมู่บ้าน การจะออกจากหมู่บ้านแต่ละครั้งจึงจำเป็นที่จะต้องเดินผ่ากลางหมู่บ้านออกไป นั่นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ลูกสาวของเขาที่เพิ่งมีข่าวการฆ่าตัวตายแพร่ออกไปเมื่อวันที่ผ่านมา "หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ เรารีบไปกันเถอะ หนูอยากรู้จะแย่อยู่แล้วว่าเราจะหาเงินได้เท่าไหร่" พอได้เห็นสีหน้าของลูกสาวที่ดูจะเข้มแข็งกว่าทุกครั้ง ความกังวลของผู้เป็นพ่อก็หายไปจนหมด กระทั่งทั้งสามคนเดินมาบนถึงร้านค้ากลางหมู่บ้านที่เป็นจุดศูนย์รวมพวกปากหอยปากปูชอบจับกลุ่มกันนินทาชาวบ้านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน "ว้าย ๆ นึกว่าใคร ที่ไหนได้เป็นพี่สาวของฉันนี้เอง เป็นยังไงบ้างจ๊ะพี่ซานเฉียว ฉันได้ยินว่าพี่เสียใจที่พี่จื่อชิวบอกเลิกแล้วมาแต่งงานกับฉัน ถึงขนาดหนีไปโดดน้ำฆ่าตัวตายเป็นเรื่องจริงไหมจ๊ะเนี่ย ฮะ ฮะ ฮะ น่าเวทนาจริง ๆ" ซานเฉียวหันไปมองที่ต้นเสียงก็พบว่าเป็นจางลี่ญาติผู้น้องของเธอ ใช่! ไม่ว่ากาลเวลาใดผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เคยหวังดีกับครอบครัวของเธอ และหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จางลี่ ซานเฉียวก็จำได้ดีว่านั่นคือน้องสาวของมารดาของแม่ คนที่โกงแม่ของเธอในเวลานี้ และวางแผนฆ่าทุกคนในกาลเวลาที่เธอจากมา "หึ! นึกว่าใคร ที่แท้ก็ญาติผู้น้องที่ชอบแย่งผู้ชายของคนอื่น แล้วก็ชอบกินของเหลือเดนจากชาวบ้านนี่เอง เธอไม่ต้องมาเสียเวลาเวทนาฉันหรอกนะจางลี่ เอาเวลาไปเป็นห่วงอนาคตของตัวเองเถอะ ผู้ชายที่เธอได้ไปมั่นใจแล้วเหรอว่าดีจริง ก็แค่พวกลูกแหง่ที่เกาะพ่อแม่กินไปวัน ๆ " ไม่ใช่เพียงจางลี่ที่อึ้งเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากของฮั่วซานเฉียว ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็อ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน หากเป็นแต่ก่อนซานเฉียวคงไม่วายจะเดินก้มหน้าคอตกกลับไปที่บ้านสกุลฮั่วอย่างน่าสงสาร แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น! "กะ..แก กรี๊ดดดด แกด่าฉันเหรอนังซานเฉียว แม่ฉันไม่ยอมนะ นังซานเฉียวมันกล้าด่าฉัน แม่ต้องจัดการให้ฉันนะ" นางจางเจียวที่อยู่ข้าง ๆ ลูกสาวกำลังจะอ้าปากด่าซานเฉียวที่เป็นหลานสาว ทว่าก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว "แกกล้าด...." "อย่าทำให้ฉันมองว่าน้าน่าสมเพชมากไปกว่านี้เลยนะน้าจางเจียว ทุกคนในหมู่บ้านนี้ต่างก็รู้ดีว่าที่ครอบครัวของฉันแทบจะไม่มีที่อยู่ก็เป็นเพราะน้าขอร้องให้ช่วย แม่ถึงได้เอาโฉนดที่ดินไปจำนองเพื่อช่วยน้องสาวที่กำลังเดือดร้อน แต่แล้วเป็นยังไง!" "..." "นอกจากน้าจะไม่มีสามัญสำนึก ยังหาชาวบ้านที่โง่เง่าหูหนวกตาบอกไม่มีสมองแยกแยะถูกผิดมานั่งนินทาครอบครัวฉันที่กำลังจะไม่มีบ้านอยู่ ถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกละอายแก่ใจบ้างรึไง จะหน้าด้านหน้าหนาไปถึงไหน ซ้ำยังสอนให้ลูกสาวมักมากแย่งคู่หมั้นของคนอื่น" "..." "ถ้าเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อนฉันมั่นใจเลยว่าลูกสาวของน้าต้องถูกชาวบ้านจับแก้ผ้าแห่ประจานรอบหมู่บ้านแน่นอน แต่ก็อย่างว่าแหละเนาะ ตอนนี้ในหมู่บ้านนี้ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำก็หาคนที่แยกแยะถูกผิดได้ยากเหลือเกิน สามัญสำนึกไม่มี ศีลธรรมยิ่งไม่ต้องพูดถึง" "..." "นั่งสลอนกันอยู่เนี่ยจะให้ฉันพูดไหมว่าใครแอบไปนอนกับลูกใครผัวใครบ้าง ถ้าใครกล้าก็เดินออกมาได้เลย เท่าที่ฉันเห็นหน้าในนี้ไม่มีใครรอดสักคนหรอก" ไม่ผิดจากที่ซานเฉียวพูดเลยแม้แต่น้อย ทุกคนที่นั่งอยู่เกือบ 10 ชีวิตเงียบกริบไม่มีคนกล้าพูดอะไรต่อ บางคนก็รีบอุ้มลูกกลับไปบ้านของตัวเอง บางคนก็รีบทำเป็นเข้าไปเลือกซื้อของใช้เพราะกลัวเรื่องของตัวเองจะถูกเปิดโปง "ฝะ..ฝากไว้ก่อนเถอะนังบ้า!" "รีบกลับบ้าน แกจะไปฝากอะไรไว้กับมันอีก อยากโดนมันเอาคืนมากรึยังไง" สองแม่ลูกบ้านจางรีบเดินหนีกลับไปที่บ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว ส่วนฮั่วซานถังกับฮั่วซานหลางได้แต่หันมองไปที่ซานเฉียวพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เธอ จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินทางออกจากหมู่บ้านไปอย่างสบายใจ "พ่อไม่เคยรู้เลยว่าลูกพ่อจะเก่งขนาดนี้" "นั่นสิ ว่าแต่น้องรู้ได้ยังไงว่าใครแอบเป็นชู้กับใครบ้าง" "หนูตื่นขึ้นมาพร้อมกับเลือดนักสู่ไงคะพ่อ ฮะ ฮะ ฮะ เห็นว่าฉันไม่พูดแบบนี้แหละชาวบ้านก็เลยไม่ระวังตัว พี่อย่าลืมนะว่าบ้านของเราอยู่ทางขึ้นเขา หนูชอบไปเก็บผักป่ามาทำกับข้าวอยู่เป็นประจำ อีกอย่างบนเชิงเขาก็มีกระท่อมร้างอยู่ ตรงนั้นแหละที่เป็นจุดนัดแนะของพวกชอบผิดผัวผิดเมียชาวบ้าน" ซานเฉียวพูดไปก็หัวเราะไปอย่างมีความสุข หากเป็นเจ้าของร่างนี้ที่เป็นคนเรียบร้อยพูดน้อยน่ารัก เธอคงไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกจากปาก แต่หากเป็นเธอแน่นอนว่ามีเท่าไหร่ต้องใส่ไปให้หมด "อาเฉียว!/อาเฉียว! พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปแถวนั้น" ยิ้มได้ไม่นานเจ้าของเสียงหัวเราะเมื่อครู่ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอเพราะเธอลืมไปว่านั่นคือข้อห้ามเด็ดขาดที่ทุกคนย้ำนักย้ำหนา "โอ๊ะ พ่อ พี่ใหญ่ หนูว่าตรงโน้นเหมาะมากเลยที่จะเอารถไถออกมา ช่วยดูต้นทางให้หนูหน่อยเร็วเข้า" คนตัวเล็กสุดในบ้านจำต้องหาทางออกด้วยการเดินให้เร็วขึ้น เมื่อถึงจุดที่ปลอดคนเธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องให้พี่ชายกับพ่อช่วยดูต้นทางแล้วรีบนำรถไถออกมาจากมิติ "เปลี่ยนเรื่องเร็วจริง ๆ แถวนี้ทางสะดวก เอาออกมาได้เลย" "ทางพ่อก็ปลอดภัย" พรึบ "รีบขึ้นไปติดเครื่องเร็วเข้าพี่ใหญ่" ซานหลางเป็นคนแรกที่ปีนขึ้นไปประจำที่นั่งแล้วติดเครื่องยนต์ ตามด้วยซานถังผู้เป็นพ่อ และฮั่วซานเฉียวน้องเล็กของบ้าน ทุกคนให้ผ้าคลุมที่เตรียมมาห่อหุ้มใบหน้าอย่างมิดชิด เมื่อหาที่นั่งได้ลงตัวแล้วซานหลางก็ออกรถมุ่งหน้าไปยังโรงสีที่อยู่ชานเมืองอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเกือบ 40 นาทีกว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงหน้าโรงสีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ชานเมืองเจ้อเจียง ตลอดทางมีผู้คนจ้องมองรถไถของพวกเขาอย่างไม่วางตา คาดว่าน่าจะเป็นเพราะไม่เคยเห็นรถไถรุ่นใหม่ที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน "อาเฉียวกับพ่อลงไปรอผมตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมเอารถไปชั่งน้ำหนักก่อนจะเอาข้าวไปเทที่ลาน" ซานหลางที่เป็นคนขับรถรีบจอดให้พ่อกับน้องลงไปนั่งรอข้างล่าง ก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถไปตามจุดช่างน้ำหนักตามขั้นตอนต่าง ๆ ระหว่างนั้นก็มีคนงานเข้ามาตรวจวัดความชื้นของข้าว แต่ที่น่าแปลกก็คือครั้งนี้เจ้าของโรงสีเดินไปหาซานหลางด้วยตัวเอง ผู้เป็นพ่อกับน้องเล็กที่ยืนรออยู่ไกล ๆ ก็ได้แต่กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ อยู่ ๆ ชายวัยกลางคนที่ดูมีราศีคล้ายว่าจะเป็นเจ้าของโรงสีก็เดินไปหาซานหลางที่กำลังเทข้าวเปลือกลงลานกว้างอยู่กับคนงาน แต่ด้วยระยะทางที่ไกลจึงได้แต่คาดเดาไปต่าง ๆ นานา "พ่อว่าเค้าไปคุยอะไรกับพ่อใหญ่คะ" "น่าจะสนใจรถไถของเรารึเปล่า ดูนั่นสิ เถ้าแก่ปีนขึ้นไปขับลองดูแล้ว" ใบหน้าของซานเฉียวเผยรอยยิ้มอย่างชอบใจเมื่อรู้ว่ามีคนสนใจรถไถนาของเธอ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอจึงรีบเดินไปที่ห้องน้ำแล้วเข้าไปดูในมิติว่าการที่เธอนำรถออกมาข้างนอกแบบนี้ แล้วในมิติจะมีรถคันใหม่ผุดขึ้นมาหรือไม่ "มีจริง ๆ ด้วย" ซานเฉียวเห็นรถไถอีกคนจอดอยู่ในโรงนาแต่ไม่มีเกวียน นั่นจึงทำให้เธอได้รู้ว่าสิ่งของที่นำเข้ามาจากภายนอกจะไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้ เว้นแต่เป็นสิ่งของที่มากับมิติเท่านั้น "อาเฉียวน้องไปไหนมา นี่เป็นบิลกับเงินค่าข้าวที่เราขายได้รอบนี้" พอซานเฉียวเดินกลับมาหาพ่อของเธอก็พบว่าพี่ชายมารออยู่ก่อนแล้ว ซานหลางรีบยื่นบิลให้น้องสาวพร้อมกับเงินอีกจำนวนมากให้ซานเฉียวตรวจดู ปรากฏว่าในบิลเขียนว่าราคาข้างเปลือกปกติรับซื้ออยู่ที่ 7 เหมา แต่ถูกหักค่าความชื้นไป 2 เหมาจึงเหลือ 5 เหมาต่อ 1 กิโล 0.5 เหมา x 2,500 กิโล = 1,250 หยวน "โห ได้ตั้ง 1,250 หยวนเลยเหรอพี่ใหญ่ งั้นเรารีบไปเอาข้าวที่เหลือมาขายกันเถอะ หนูอยากเข้าเมืองไปหาซื้อเนื้อกับเครื่องปรุงไปไว้ด้วย" ตรวจนับเงินเสร็จซานเฉียวก็รีบเก็บเงินใส่กระเป๋าแล้วก็ตั้งท่าจะเดินไปขึ้นรถ แต่เธอก็ถูกพี่ชายเรียกไว้เสียก่อน "เดี๋ยวก่อนอาเฉียว พอดีเถ้าแก่เค้าสนใจรถไถที่เราใช้ เค้าถามว่าไปซื้อมาจากที่ไหน พอจะหาให้สักคันได้ไหม เค้าเสนอราคามาที่ 10,000 หยวน" หญิงสาวครุ่นคิดไม่นานก็ตอบกลับพี่ชายในเรื่องที่เธอเป็นกังวลเรื่องบริการหลังการขาย แน่นอนว่าเธอไม่มีอะไหล่สำรองให้ นอนจากคนที่ซื้อไปจะดัดแปลงและซ่อมแซมด้วยตัวเอง "หาให้ได้ แต่ไม่มีบริการหลังการขายนะ ฉันลดให้ 2,000 พี่ลองไปถามเค้าดูว่าเค้าต้องการไหม ถ้าตกลงพรุ่งนี้ก็เอารถมาส่ง พวกเราจะได้เตรียมออกเดินทางกันเลย" "ได้ ๆ พี่จะไปถามเดี๋ยวนี้เลย" ซานหลางไปไม่นานก็กลับมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพวกเขาจึงกลับออกไปหาที่ลับตาคนหลบเข้าในมิติแล้วนำข้าวมาขายอีกรอบ สรุปวันนี้พวกเขาสามารถหาเงินได้มากถึง 2,500 หยวน แต่ระหว่างทางซานหลางได้ขอแวะไปที่ร้านขายเหล็ก เขาใช้เงินเกือบ 100 หยวนในการซื้อเหล็กและล้อรถมือลองมาทั้งหมด 4 ล้อ ซานเฉียวพอจะเดาได้ว่าพี่ชายของเธออยากทำอะไรเธอจึงมอบเงินให้อีกฝ่ายจับจ่ายใช้สอยได้ตามที่ต้องการ จากนั้นก็หาที่เก็บรถเข้ามิติแล้วเดินทางเข้าตลาดด้วยรถจักรยาน 2 คนที่มีอยู่ในมิติ ซานเฉียวเข้าไปซื้อเครื่องครัวไปตุนไว้อย่างครบถ้วน ส่วนพี่ชายกับพ่อก็แยกออกไปซื้อเนื้อหมู เนื้อวัวตามที่ซานเฉียวสั่งมาอย่าละ 5 กิโล เธอตั้งใจจะเอาไปทำเนื้อแดดเดียวไว้กินระหว่างเดินทาง เท่าที่ได้ยินผู้เป็นพ่อเล่าให้ฟัง การเดินทางด้วยรถไปที่พวกเขาต้องไปที่ปักกิ่ง ต้องใช้เวลายาวนานกว่า 3 วันเลยทีเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD